“ประยุทธ์” ยันไม่ปรับ ครม. ตามแรงกดดัน ย้ำ ปรับไม่ได้เพราะมีความผิด ย้อนโพล รมว.พณ. ทำอะไรผิดถึงให้ปลด ป้องผลงานดี วอนอย่ากดดันทุกคนเหนื่อย สวนสื่อบอกให้ปรับทหารออก ลั่นทหารไม่โง่ทำงานไม่เกี่ยวฝีมือ แย้มปรับรอบครบปี หรือเร็วกว่า ยันที่ผ่านมางานพัฒนา ชี้ ขายของแบบเดิม ๆ ไปไม่รอด รับมีชื่อ “สมคิด” ร่วมวง โวยไม่ได้ตั้งเพราะเรียกความเชื่อมั่น กร้าว นักการเมืองยังไม่เกี่ยว บ่นทักไปทั่วก็จับเป็นข่าว ปัดมีเซฟเฮาส์
วันนี้ (27 ก.ค.) ที่ตึกสินติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า การปรับ ครม. จะไม่ทำตามกระแสกดดัน และไม่มีใครสามารถมากดดันตนได้ จะทำตามวิจารณญาณของตนเอง
“การปรับ ครม. จะปรับเมื่อระยะเวลาที่เหมาะสม คือ เมื่อทำไประยะหนึ่งแล้วต้องมีระยะต่อไป ที่ต้องต่อเนื่อง ต้องมีปรับบ้าง แต่ไม่ได้ปรับเพราะมีความผิด หรือเพราะสังคมอะไรต่าง ๆ เราทำงานด้วยหลักการ สังคมอาจจะไม่ทันใจบ้างผมก็รับฟัง” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า ผลโพลที่สำรวจออกมาว่าสนับสนุนให้ปรับ ครม. มีผลในการตัดสินใจหรือไม่ นายกฯ กล่าวย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า “โพลบอกว่าต้องปรับใคร” โดยผู้สื่อข่าวกล่าวว่า “ตามโพลระบุว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์” จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ห๊ะ เขาทำอะไรผิด เพราะว่าเขาเป็นทหารต้องเอาออก หรือไม่มีผลงาน หรืออย่างไร”
ผู้สื่อข่าวกล่าวตอบว่า อาจเป็นเพราะอยู่กระทรวงพาณิชย์ โดยนายกฯ กล่าวตอบว่า ทุกคนไปมองว่าเศรษฐกิจมันแย่ แต่ไม่ฟังว่าแย่เพราะอะไร เมื่อถึงเวลานั้นเศรษฐกิจก็ต้องโดนทั้งหมด ถามว่าวันนี้ พล.อ.ฉัตรชัย ไปค้าขายอะไรหรือไม่ ขณะนี้ก็บินไปประเทศแอฟริกา นั่งไปกว่า 20 ชั่วโมง ยังไม่ได้กลับ รู้กันบ้างหรือไม่ว่าเขาทำงานกันอย่างไร มีใครอยากบินไปแอฟริกาเป็นเวลานาน ๆ หรือไม่ ที่ผ่านมา เขาทำงานไปขายของเพิ่มขึ้นตั้งเท่าไหร่ ทั้งผลไม้ ที่ขายให้กับญี่ปุ่น หรืออะไรต่าง ๆ ต้องดูตรงนั้น ดูที่งาน ไม่ใช่บอกว่าเขาไม่สนใจ มีแต่คนไทยที่ไม่ให้เกียรติคนของตัวเอง แล้วมาตีกันเอง ให้ที่แย่อยู่แล้วแย่กว่าเดิม
เมื่อถามต่อว่า จากผลสำรวจพบว่า มี 3 กระทรวงที่ไม่น่าพอใจ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถามว่า “สำรวจจากใคร กลุ่มไหน อาชีพอะไร ถ้าแตกต่างกันผลสำรวจก็แตกต่างกัน คำตอบก็จะไปเหมือนกัน ต้องถามว่าสำรวจคนทุกกลุ่มหรือไม่ แต่ตนก็รับฟัง ขณะเดียวกัน ก็รู้ว่าคณะรัฐมนตรีแต่ละคนทำงานกันอย่างไร”
เมื่อถามย้ำว่า ห้วงเวลานี้สมควรที่จะปรับ ครม. แล้วหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า “เมื่อใกล้ครบปีก็ต้องดูก่อนว่าสมควรหรือยัง แต่ไม่ใช่ว่าปรับหรือไม่ปรับ เพื่อให้เศรษฐกิจดีขึ้น ผมว่าเป็นความรู้สึกมากกว่า” ถามต่อว่า “หากปรับ ครม. จะปรับเฉพาะทีมเศรษฐกิจหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ปรับทุกทีมนั่นแหละ ผมจะดูของผมเอง ทำไมต้องเน้นเศรษฐกิจอย่างเดียว” ผู้สื่อข่าวถามว่า จะปรับใหญ่หรือปรับเล็ก นายกฯ กล่าวว่า การปรับ ครม. ต้องมีการปรับเปลี่ยนหมุนเวียน ดูทุกเหตุผลทั้งสุขภาพ อายุ ยืนยันว่า ที่ผ่านมาทุกคนทำงานมาตลอด และเป็นการทำงานในช่วงที่ยากลำบาก ทุกคนเหนื่อย อย่าไปกดดันกันมากนัก”
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะปรับ ครม. ในส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีที่เป็นทหารออก แล้วนำเอามืออาชีพมาทำงานหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ทำไม ใครที่เป็นมืออาชีพ ที่ผ่านมา มืออาชีพทำมาตั้งนานแล้ว แล้วได้อะไรขึ้นมาบ้าง ทหารมันโง่นักหรือไง วันนี้ต้องยอมรับว่าทหารเข้ามาต้องเข้ามา ทหารไม่ได้โง่นักหรอก การทำงานที่ผ่านมาเขาก็ทำกันแบบนี้ ข้าราชการเขาก็ทำงาน ไปถามนักการเมืองด้วยว่าทำกันหรือเปล่า วันนี้สั่งงานทุกเม็ด แต่อยู่ที่ข้าราชการทำได้แค่ไหน ไม่ใช่อยู่ที่ใครเข้ามามีฝีมือหรือไม่มีฝีมือ ผมไม่เชื่อตรงนั้น เพราะคิดว่าไม่ต่างกัน ไม่มีอะไรต่างกัน ใครเข้ามาใหม่ต้องทำแบบนี้ เพียงแต่วันนี้กระแสการตอบรับประชาชนก็เขียนกันเข้าไป ก็เสียกันทุกคน วันหน้าก็เสียกันอยู่แล้ว ไม่มีอะไรดีสักอย่าง วันหน้าก็ต้องเตรียมรับสถานการณ์ ที่มันแย่แล้วกัน”
เมื่อถามอีกว่า การปรับ ครม. จะมีความชัดเจนได้เมื่อไหร่ นายกฯ กล่าวย้อนถามอีกว่า อยากเปลี่ยนใช่หรือไม่ อย่างนั้นก็ไปเลือกตั้งเข้ามาไหม ใครเขาอยากจะมาทำ อยากจะรู้ ไม่มีใครเขาอยากมาหรอก จะชัดเจนเมื่อไหร่ ก็เมื่อครบ 1 ปี นี่หนึ่งปีแล้วหรือยัง หรืออาจจะเร็วกว่านั้น
เมื่อถามว่า 1 ปีที่ผ่านมา มองว่า การทำงานพัฒนาไปเยอะหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถ้าพัฒนาไม่เยอะคงไม่เดินหน้ามาขนาดนี้ วันนี้ทุกคนทำงานกัน ที่ผ่าน ไม่มีใครไปไล่ในเรื่องการทำงานเท่านี้ ทำกันขนาดนี้ยังได้แค่นี้เลย ถามว่า ถ้าสถานการณ์เป็นแบบเดิม สิ่งต่าง ๆ ที่แก้จะเป็นแบบนี้หรือไม่ จะดีขึ้นหรือไม่ ส่วนเกรดจะดีขึ้นหรือไม่ ไม่รู้ แต่ได้ทำ เมื่อก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำเลย นี่คือ ความแตกต่าง วันนี้ลืมกันไปหมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นมา เอาแต่อยากได้ อยากให้เร็ว ถามว่า เศรษฐกิจไม่ดีเพราะอะไร เพราะบริหารไม่เป็น หรือเพราะขายของไม่ได้ ซึ่งเศรษฐกิจโลกก็เป็นส่วนหนึ่ง อย่าไปโทษเขามาก ต้องโทษตัวเอง ไปโทษคนบริหารเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ว่าเก่ง ๆ วันนี้ที่แย่เพราะอะไร ทั้งปัจจัยภายนอก ภายใน โรงงานต่าง ๆ ที่เริ่มล้าสมัย หากินกันมากี่ปี การเมืองเคยมาดูกันหรือไม่ เคยปรับโครงสร้างอะไรให้เข้มแข็งบ้าง หรือดูแต่เฉพาะที่อยากจะดู นี่แหละที่ล้มเหลว ขายของกันแบบเดิม ๆ จะสู้เขาได้ไหม
เมื่อถามว่า ที่นายกฯคิดว่าเศรษฐกิจล้มเหลว แล้วมองว่าใครเหมาะสมที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้อยู่ที่คน ใครก็ได้ เมื่อถามว่า มีชื่อ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษาคสช. ด้านเศรษฐกิจ หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็มี แต่ตนไม่เคยพูดถึง สื่อไปเขียนกันเองทั้งนั้น แล้วนอกจากนี้มีใครคนอื่นอีกหรือไม่ เสนอมาสิ จากนั้น สื่อกล่าวว่า คนที่มีชื่อดังสุดตอนนี้คือ นายสมคิด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อ๋อเหรอ นี่ไปรับทางโน้นเขามาหรือเปล่า ถ้าเปล่าก็เฉย ๆ ตนจะตั้งของตนเอง
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ที่จะให้ นายสมคิด เข้ามา เพราะต้องการเรียกความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเสียงดังอย่างมีอารมณ์ว่า “เชื่อมั่นผมนี่ เพราะผมเป็นคนทำ ทำไมต้องเชื่อมั่นคนโน้นคนนี้ ผมเป็นหัวหน้า ผมเป็นคนรับผิดชอบ ผมเป็นคนสั่งเขาทำ ถ้าไม่เชื่อมั่นใครเลย แสดงว่าไม่เชื่อผมด้วย และถ้าไม่เชื่อผม ผมก็จะทำแบบนี้”
เมื่อถามอีกว่า การปรับ ครม. ครั้งนี้จะไม่มีข้อจำกัดต้องเป็นคนกลุ่มการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเสียงขึ้นอีกครั้งว่า “ไม่เกี่ยว ไม่สนใจเรื่องนี้ คนที่เป็นนักการเมืองอย่าเพิ่งเข้ามาตอนนี้ ชัดเจน อย่าไปเขียนกันให้เลอะเทอะ เวลาผมทักทายคนก็ทักทายทั่วไป ไปเขียนกันเป็นเรื่องเป็นราว ว่าจะเอาคนนั้นคนนี้มา จะมารู้ใจผมได้อย่างไร ทุกอย่างผมทำด้วยหลักการ ต้องฟังทั้งหมด ไม่ได้ฟังจากสมองผมคนเดียว คนแนะนำและที่ปรึกษาเยอะไปหมด รัฐมนตรีต้องทำตามที่ผมสั่ง ช้าเร็วว่ามา ถ้าทำช้าต้องหาคนทำเร็วเข้ามา ก็แค่นั้นจะยากอะไร ผมไม่ได้ใช้อารมณ์อธิบายเพียงแต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับมนุษย์เขาหน่อย ถามว่าถ้าเข้ามาใหม่ไม่ดีจะไปโทษใครอีก โทษผมสิคราวนี้ เคยมีหลักการดูบ้าง ถ้าทุกอย่างทำมาแล้วผมไม่ต้องมาทำแบบนี้ เศรษฐกิจคงไม่เลวร้ายขนาดนี้”
เมื่อถามว่า อยากขอร้องให้คนหยุดมองในแง่ร้ายหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ต้องขอร้องอะไรทั้งนั้น รักชาติก็ทำเพื่อประเทศชาติกันบ้าง ตนไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง จึงไม่ต้องขอใครทั้งนั้น
“รวมถึงนักการเมืองที่มาวิพากษ์วิจารณ์ ถามว่ารู้หรือไม่ว่ารัฐบาลทำงานอย่างไร เศรษฐกิจวันนี้เป็นอย่างไร ผมต้องโทษกลับไปบ้าง เพราะผมมารื้อของเก่าจนเจอว่ามีปัญหาอย่างไร แล้วขณะนี้กำลังแก้ให้ดีขึ้น เราต้องใช้เวลา ไม่ใช่เนรมิตให้ดีได้” นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ มีเซฟเฮาส์หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า เซฟเฮาส์บ้าอะไร ไม่มี