โฆษกกระทรวงกลาโหม ยืนยัน พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ป่วยการเมือง ช่วงปรับ ครม. และจัดทำโผทหาร ระบุป่วยจริงเป็นไข้หวัด คาดกลับมาทำงานได้ตามปกติสัปดาห์หน้า มอบหมายปลัดกลาโหมรับคณะ ผบ.ทร.สาธารณรัฐอินเดีย และคณะ แทน
วันนี้ (24 ก.ค.) พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีการลาป่วยของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ว่า ไม่มีนัยยะทางการเมือง แม้ว่าช่วงที่ พล.อ.ประวิตร ลาป่วยจะเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่มีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี และการจัดทำบัญชีโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล รวมถึงการประชุมสำคัญ ๆ ที่ผ่านมา ซึ่งขอยืนยันว่าไม่ใช่เพราะปัญหาการเมือง แต่เป็นปัญหาเรื่องสุขภาพ เนื่องจากมีอาการป่วยและเป็นไข้หวัด ทั้งนี้ แพทย์ได้มาตรวจอาการที่บ้านพัก และให้ พล.อ.ประวิตร หยุดพักผ่อนที่บ้านจนกว่าจะหายดี ซึ่งอาการป่วยน่าจะเกิดจากการหักโหมทำงานหนักจนไม่มีเวลาพักผ่อน เพราะ พล.อ.ประวิตร มีภารกิจที่รับผิดชอบอยู่หลายด้าน โดยเฉพาะด้านความมั่นคงที่ต้องดูแลติดตามสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา
“ขอยืนยันว่า การลาป่วยของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ได้เป็นการหลบหนีการวิ่งเต้นของบุคคลใดจากการมาขอตำแหน่งในช่วงปรับ ครม. และช่วงจัดทำโผทหาร รวมถึงไม่ได้มีความขัดแย้งหรือไม่พอใจใครตามที่มีกระแสข่าว ซึ่งคาดว่ารองนายกรัฐมนตรี จะกลับมาทำงานตามปกติได้ในอาทิตย์หน้านี้” โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว
อีกด้านหนึ่ง เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร ได้มอบหมายให้ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นผู้แทน รับการเข้าเยี่ยมคำนับของ พล.ร.อ.ราบินเดอร์ คูมาร์ โดวาห์ (Rabinder Kumar Dhowan) ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) สาธารณรัฐอินเดีย และคณะ ณ ศาลาว่าการกลาโหม โดย ผบ.ทร. อินเดีย กล่าวถึงภัยคุกคามทางทะเลปัจจุบันมีความหลากหลาย ความมั่นคงปลอดภัยทางทะเลของภูมิภาคไม่สามารถดำเนินการประเทศเดียวได้ ประเทศไทยถือเป็นเพื่อนบ้านทางทะเลที่ความสำคัญ การปกป้องผลประโยชน์ทางทะเลของภูมิภาคร่วมกันจึงเป็นเรื่องสำคัญ
พร้อมทั้งได้หารือถึงการขยายความร่วมมือทางทหาร ระหว่างกระทรวงกลาโหมของไทย กับกระทรวงกลาโหมอินเดีย ที่ได้ลงนามร่วมกันไว้เมื่อ 25 ม.ค. 2555 ทั้งเรื่อง การฝึกศึกษา การลาดตระเวนร่วมกัน การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เป็นต้น โดยได้เสนอให้จัดทำโรดแมปการดำเนินงานร่วมกันตามกรอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางทหาร ที่ได้ทำร่วมกันไว้แล้ว เพื่อยกระดับการกระชับความสัมพันธ์และขยายความร่วมมือของกระทรวงกลาโหมทั้งสองประเทศในอนาคต