ครม.มีมติเห็นชอบนำเงินสำรองจังหวัดละ 10 ล้าน ใช้ป้องกันปัญหาภัยแล้ง นายกฯ ย้ำไม่ได้ทอดทิ้งเกษตรกรแต่ต้องเรียงลำดับความเร่งด่วน พร้อมสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานงานกันให้ดีเพื่อไม่ให้เกิดความทับซ้อน
วันนี้ (21 พ.ค.) เวลา 15.30 น. ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน ถึงข้อสั่งการของนายกฯ เรื่องการบริหารจัดการน้ำว่า วันนี้เราต้องสร้างความเข้าใจโดยเฉพาะภาคการเกษตรและรัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้ง แต่มีความจำเป็นในการกำหนดลำดับความเร่งด่วนในแต่ละพื้นที่ที่ไม่ต้องการให้เกิดความเสียหายก่อน โดยอาศัยการปฏิบัติการร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่จากกระทรวงเกษตรฯ เจ้าหน้าที่ปกครอง และเจ้าหน้าที่ทหาร
สำหรับการลดการระบายน้ำตามมติ ครม.เมื่อ สัปดาห์ที่ผ่านมานั้นทำเพื่อให้ระบบประปาดำเนินต่อไปได้ ในส่วนของน้ำอุปโภคบริโภคที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานจัดตั้งโรงเรียนราชประชานุเคราะห์และโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ใน 53 จังหวัดนั้น มีประชาชนบางส่วนยินดีให้ความช่วยเหลือซึ่งรัฐบาลยินดีที่จะประชาชสัมพันธ์เพิ่มเติมเพื่อให้เกิดพลังความสามัคคี โดยจะมีเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจะเป็นผู้บริหารจัดการ และในวันนี้กระทรวงมหาดไทยได้ขออนุมัติหลักการ ในเรื่องของการนำเงินสำรองแต่ละจังหวัด จังหวัดละ 10 ล้านบาท เพื่อป้องกันหรือยับยั้งปัญหาภัยแล้งและ ครม.มีมติเห็นชอบในหลักการดังกล่าว แต่ในการปฏิบัติทางกระทรวงมหาดไทยต้องนำรายละเอียดพื้นที่การปฏิบัติ ประสานงานกับกระทรวงการคลัง ซึ่งกรมบัญชีกลางจะดำเนินการปรับแก้ไขกฎระเบียบให้สามารถดำเนินการได้โดยเร็ว ซึ่งเงินในส่วนนี้จะนำไปแก้ไขปัญหาโดยการจ้างงานในพื้นที่
นายกฯ เน้นย้ำให้บูรณาการการประสานงานกันให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดความทับซ้อน และต้องดูแลรับผิดชอบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องเกษตรกรที่ให้ความร่วมมือแต่แรกหรือพี่น้องเกษตรกรที่ปลูกข้าวไปแล้ว โดยจัดลำดับความเร่งด่วนตามพื้นที่