“บิ๊กตู่” ชี้มีกฎหมายดำเนินการคดี “ธัมมชโย” แทนอยู่แล้ว เมินใช้ ม.44 เร่งฟัน ย้ำอย่าทำให้เกิดความขัดแย้ง ด้านอดีต ส.ส.เพื่อไทย อ้างเหมือนอดีตกาล คหบดีถวายที่ดินพระพุทธเจ้า เปรียบธัมมชโยกับพระอดีตแกนนำ กปปส. ใครเลวกว่ากัน ด้าน “พุทธะอิสระ” หนุน คสช.ใช้ ม.44 แนะเพื่อไม่ให้มีมลทิน ควรจบก่อนถวายพระเพลิงสังฆราช
วันนี้ (21 ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอให้ใช้มาตรา 44 ตั้งกรรมการพิจารณาให้พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ต้องอาบัติปาราชิกตามพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช กรณีนำทรัพย์สินของวัดมาเป็นของตัวเองว่า เรื่องดังกล่าวมีกฎหมายปกติอยู่แล้ว ต้องว่าไปตามขั้นตอนการสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งมีการสอบสวนมาแล้วระยะหนึ่ง
“ขอให้ไปค้นดู และขอให้รอผลสอบและให้เวลาฝ่ายกฎหมายทำงาน อย่าเร่งฝ่ายกฎหมายมาก เพราะจะทำให้หลายฝ่ายออกมาสู้ จนทำให้ฝ่ายกฎหมายทำงานไม่ได้ เพราะการพิจารณาจะติดขัด มีวิธีการตั้งเยอะแยะ กฎหมายปกติก็มี จะให้ผมใช้มาตรา 44 จัดการพระเหรอ ให้มันรู้เรื่องบ้าง ขออย่าทำให้เกิดความขัดแย้ง หากทุกคนยอมรับความผิดกันหมดก็จะหาทางออกได้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ผิดก็คือผิด ถ้าทุกคนยอมรับผิด เรื่องก็จะง่าย”
วันเดียวกัน มีรายงานว่า นายชินวัฒน์ หาบุญพาด อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง โพสต์รูปภาพและข้อความว่า “สวัสดีครับ พี่น้องที่รักทั้งหลาย วันนี้เห็นข่าวว่าผู้ตรวจการฯ ชงให้ประยุทธ์ใช้ ม.44 จัดการธัมมชโย (พระเทพญาณมหามุนี) ซื้อที่ดินใช้ชื่อตัวเอง ผมไม่เคยเป็นศิษย์ของธัมมชโย แต่ใคร่จะขอให้ชาวพุทธตั้งสติกันนิดนึง การถวายที่ดินนั้นดูที่เจตนาเจ้าภาพว่าถวายให้ใครอย่างไร ถวายส่วนตัวหรือถวายให้วัด หากถวายส่วนตัวก็ต้องดูว่า ผู้ที่รับที่ดินนั้นนำไปทำประโยชน์อันใด ในสมัยพุทธกาลคหบดีก็เคยถวายที่ดินแด่พระพุทธเจ้า เช่น ถวายสวนมะม่วง (วัดอัมพวัน) ถวายสวนไผ่ (วัดเวฬุวัน)
พี่น้องครับ ผมอยากจะฝากไปยังผู้ตรวจการฯ และนายไพบูลย์ นิติตะวัน ช่วยชงให้ประยุทธ์ ใช้ ม.44 ไปจัดการกับอลัชชี...ที่ออกมานำทัพตั้งแก๊งการเมือง ปิดสถานที่ราชการ (ศูนย์ราชการ) ปิดสถานที่สมัครรับเลือกตั้ง มีการ์ด (มือปืนป็อปคอร์น) ยิงคนบาดเจ็บและตาย ระหว่าง...กับธัมมชโยใครเลวกว่ากันครับ (ชินวัฒน์ หาบุญพาด 21 ก.ค. 58)"
อีกด้าน เพจเฟซบุ๊กของ “หลวงปู่พุทธะอิสระ” ได้โพสต์ข้อความเปรียบเทียบถึงเวลาที่ต้นธาตุต้นธรรมจะต้องถูกพิพากษาลงโทษเสียที
“๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ คดีธรรมกายเกิดขึ้นตั้งแต่ปี ๔๒ จนถึง ๕๘ ใช้ชีวิตพระมหาเถระระดับสมเด็จหมดไป ๒ องค์ ใช้เวลาไป ๑๗ ปี ใช้รัฐบาลหมดไป ๖ รัฐบาล ตั้งแต่สมัย
- ชวน หลีกภัย พรรคประชาธิปัตย์
- พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร พรรคไทยรักไทย
- พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (คปค.)
- สมัคร สุนทรเวช พรรคพลังประชาชน
- สมชาย วงศ์สวัสดิ์ พรรคพลังประชาชน
- อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พรรคประชาธิปัตย์
- ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พรรคเพื่อไทย
แต่ก็ยังไม่มีใครนำเอาโจรห่มผ้าเหลืองอย่าง...ผู้นี้มาลงโทษได้ แม้สมเด็จพระสังฆราชและสมเด็จวัดชนะ กรรมการมหาเถรสมาคมทั้ง ๒ พระองค์จะทรงพยายามกำจัดอลัชชีผู้เหยียดหยามพระธรรมวินัยผู้นี้ก็ตามที
แต่อลัชชีผู้นี้มีอำนาจการเมืองของคนตระกูล..คุ้มกะลาหัว เลยทำตัวยิ่งใหญ่ ขยายสาขาไปทั่วโลก โดยการลงทุนสร้างสำนักและคณะธรรมทูตสายต่างประเทศ ซึ่งล้วนแต่อยู่ในอาณัติของ..ทั้งสิ้น ทั้งยังแผ่อิทธิพลครอบงำกรรมการมหาเถรและสังฆมณฑลเอาไว้เป็นพวก เพื่อจะได้เป็นกำแพงปกป้องความชั่วของตัวเอง
และหากจะถามหมู่ภิกษุสงฆ์เหล่านั้นรวมทั้งกรรมการมหาเถรสมาคมบางคน ว่ารู้ไหมที่..เป็นอลัชชี ย่ำยีพระธรรมวินัย หมู่สงฆ์กลุ่มนี้ล้วนรู้อยู่แก่ใจ แต่เพราะเห็นแก่พวก เห็นแก่หน้า เห็นแก่ลาภสักการะที่..และบริวารหยิบยื่นให้ จึงหลงลืมละเลยไปว่าพระธรรมวินัยบัญญัติเอาไว้เช่นไร
หรือไม่หมู่สงฆ์กลุ่มนี้ก็คือ อ้วกเอียวอัน เรียกว่าชั่วเหมือนๆ กัน เลยอยู่ด้วยกันได้ เวลาล่วงเลยมาจนมาถึงรัฐบาล คสช. ที่ฉันมั่นใจว่ามีความจงรักภักดี บังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา จึงทำให้ฉันกล้าที่จะเสี่ยง กล้าที่จะเดินทางไปยื่นเรื่องร้องเรียนขอความเป็นธรรมถวายให้แด่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช ที่ทรงเสด็จมาขอให้ช่วยในเรื่องธรรมกายในขณะที่พระองค์ยังทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงอยู่
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ วันนี้พุทธบริษัทผู้มีจิตซื่อตรงต่อพระธรรมวินัยจึงได้เห็นผลคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาออกมาชี้มูลความผิด ยืนยันว่านายไชยบูลย์ หรือ ธัมมชโย เป็นอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระแน่นอน งานนี้ต้องให้เครดิตขอบคุณแก่ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา ที่กรุณาเสียสละและเสี่ยงสืบสวนสอบสวนจนความจริงกระจ่าง และมีความตั้งมั่นตั้งใจทำงานถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา สังฆราชะบูชา จนได้บทสรุปออกมาเหมือนดังที่สมเด็จพระสังฆราชได้ทรงวินิจฉัยและทรงพระลิขิตเอาไว้
แม้ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาจะชี้มูลความผิดแล้วและส่งเรื่องให้หัวหน้า คสช. รัฐบาลดำเนินการบังคับใช้กฎหมายตามมาตรา ๔๔ จัดการกำจัดโจรปล้นพระธรรมวินัยตระกูลธรรมกายให้สิ้นไปจากศาสนจักร ฉันคงจะต้องมีหน้าที่อยู่อีก คือต้องตามดูเจ้าหน้าที่ของรัฐและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะลงดาบแก่ธรรมกายอย่างไร
ตลอดจนเจ้าคณะปกครองตามลำดับชั้น และกรรมการมหาเถรสมาคมที่เคยออกมาปกป้อง..กันสุดฤทธิ์ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ว่าจะทำอะไรกับนายธัมมชโยได้หรือไม่
ซึ่งโดยมารยาทควรให้รัฐบาลจัดการเสียก่อน แต่ถ้ายังนิ่งเฉย เตะถ่วงหน่วงเหนี่ยวอยู่ ฉันคงต้องออกโรงอีกครั้ง คงต้องเข้าไปจี้ ให้เข้าไปจับ..ถอดจีวร ใส่กุญแจมือ ชดใช้กรรมได้แล้ว อย่าปล่อยปะละเลยให้โจรเอาผ้าเหลืองมาห่มหลอกลวงชาวบ้านหากินอยู่เลย มันอยู่มานานมากพอแล้ว
งานถวายพระเพลิงพระศพของสมเด็จพระสังฆราชจะได้จัดขึ้นอย่างมีสง่าราศี สมแก่พระเกียรติขององค์สมเด็จพระสังฆราช ผู้ทรงเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ พระองค์จักได้จากไปอย่างไม่มีมลทิน เพราะหากไม่สามารถเอาผิดแก่นายธัมมชโยได้ตามพระลิขิต นั่นก็เท่ากับว่าพระสังฆราชจะต้องเป็นอาบัติสังฆาทิเสสเสียเอง เช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรให้เกิดขึ้นเด็ดขาด โดยเฉพาะเกิดขึ้นในรัฐบาล คสช.
และหากพุทธบริษัท รัฐบาล มีความเคารพศรัทธาเทิดทูนต่อเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช ก็ไม่ควรให้พระองค์ท่านจากไปด้วยมลทินที่นายธัมมชโยและกรรมการมหาเถร ที่ผู้อื่นยัดเยียดให้ ยังไงยังไง คดีธัมมชโยต้องจบก่อนที่จะถวายพระเพลิง จึงจะสมควร”