xs
xsm
sm
md
lg

ปรับ ครม.เอาแน่ แต่ “ไม่เปลี่ยนม้ากลางศึก” ยื้อหลังกันยาฯ!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผ่าประเด็นร้อน

นาทีนี้ถ้าพิจารณาจากผลงาน และ “ความรู้สึกร่วม” ของสังคมที่มีต่อรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หากพิจารณากันจากผลสำรวจทั่วไปที่ออกมาตรงกัน ก็ต้องบอกว่านอกเหนือจากตัว นายกฯคือ พล.อ.ประยุทธ์ เพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ชาวบ้านยังมีความมั่นใจ นอกเหนือจากนั้นล้วนสอบตก โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจปากหาปากท้องที่นับวันยิ่งมีเสียงบ่นดังขึ้นทุกวัน

สิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าวย่อมไม่เป็นผลดีกับรัฐบาล รวมไปถึงคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ใช้ “อำนาจพิเศษ” อยู่ในเวลานี้อีกด้วย เพราะที่ผ่านมาการใช้อำนาจดังกล่าวที่ดูเหมือนจะได้ผล แต่เป็นเพราะชาวบ้านเขายังมีความเชื่อมั่นและให้โอกาส พร้อมจะอดทนรอว่าปัญหาที่เคยประสบอยู่ก่อนหน้านี้ทั้งในเรื่องปัญหาเศรษฐกิจจะต้องดีขึ้นกว่าเดิม และรอความหวังจากการ “ปฏิรูป” ที่เคยรับปากกันก่อนหน้านี้จะเห็นผลกันอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

แต่ตราบใดก็ตามหากสิ่งที่เคยเป็นความหวังเหล่านั้นหมดไป หรือไม่มีแนวโน้มที่ดีมันก็ย่อมส่งผลต่อความศรัทธาและความเชื่อมั่นทั้งต่อตัวผู้นำและรัฐบาลที่ลดลงไปเรื่อย ๆ และที่น่ากลัว ก็คือ เมื่อเข้าสู่ยุค “ขาลง” เมื่อไหร่แล้วมันจะลงเร็ว ยิ่งรัฐบาลที่ไม่ได้มีพื้นฐานจากประชาธิปไตยอีกด้านหนึ่งมันก็เป็นเงื่อนไขชั้นดี ต่อกระแสเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาได้อีก แม้ว่าจะต้องมีรายละเอียดอีกมากมายตามมา แต่นั่นก็ย่อมไม่เป็นผลดีแน่นอน

แน่นอนว่า เสียงเรียกร้องในเวลานี้โฟกัสไปที่ “ทีมเศรษฐกิจ” ที่นำโดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ที่ถูกมองว่า “ล้มเหลว” แทบจะสิ้นเชิง โดยเฉพาะในเรื่องของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่ช่วงปลายปี 2557 มาจนถึงปีงบประมาณปี 58 ก็ยังไม่เห็นผล ส่วนสำคัญที่ถูกวิจารณ์ก็คือ ไม่สามารถกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐ นั่นคือ การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐเป็นไปด้วยความล่าช้า ซึ่งสาเหตุก็มาจากการดำเนินโครงการก่อสร้างภาครัฐทั้งที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่เป็นไปด้วยความล่าช้า

แม้ว่ายังมีปัจจัยภายนอกจากต่างประเทศที่ควบคุมยาก ส่งผลต่อด้านการส่งออกที่ติดลบมาตลอด ย่อมส่งผลต่อการขยายตัวต่อภายในประเทศพลอยย่ำแย่เป็นลูกโซ่ตามมา ในเรื่องราคาสินค้าการเกษตรที่ตกต่ำ ขณะเดียวกันมาผสมโรงกับเรื่อง “ภัยแล้ง” จนกลายเป็นวิกฤตในรอบหลายปีทุกอย่างก็ยิ่งสาหัส

ที่ผ่านมา นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะอ้างว่าเป็นเพราะปัญหาหมักหมมมาจากนักการเมืองที่สร้างเอาไว้ไม่ยอมแก้ไข ดังนั้น การแก้ไขก็ต้องใช้เวลา ซึ่งฟังแรก ๆ ก็โอเคฟังได้ คล้อยตามไม่มีปัญหา แต่เมื่อเวลาผ่านไปเป็นรัฐบาลเกือบปีแล้ว ในนามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ปีกว่าเข้าไปแล้ว ถ้าหากยังพูดแบบเดิม ๆ มันก็ดูกระไรอยู่ น้ำหนักความน่าเชื่อถือก็คงลดลงไปเรื่อย ๆ

นั่นเป็นเรื่องผลงานรัฐบาล แต่ยังมีคำถามในเรื่องผลงานการปฏิรูป ที่ก่อนหน้านี้ หากจำได้เขาประกาศว่าจะ “ปฏิรูปทุกด้าน” แต่ถ้าเรียงลำดับความต้องการของชาวบ้านที่เห็นตรงกันก็คือเรื่อง “ปฏิรูปตำรวจ” ก็เหมือนจะหยุดนิ่งไม่มีความคืบหน้าเลยแม้แต่น้อย และที่ผ่านมาก็เคยยอมรับมาเองว่า “ไม่ปฏิรูปตำรวจ” ในรัฐบาลนี้ อ้างว่าไม่มีเวลา ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากเรื่องหลักๆแบบนี้ยังไม่คืบหน้าเรื่องอื่นที่เป็นความต้องการ เช่นเรื่องการกระจายอำนาจก็คงจะหมดหวังเช่นเดียวกัน

เมื่อวกกลับมาที่เรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีอีกที นาทีนี้ก็คงคาดเดาได้ว่า “ปรับแน่” เพียงแต่ว่ายังต้องรอจังหวะอีกระยะ อย่างน้อยหากเป็นบุคคลที่ปรากฏชื่อออกมาตามข่าว ไม่ว่าจะเป็น ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ในสิ้นเดือนกันยายนนี้ รวมทั้งระดับบิ๊กในกองทัพบางคน เท่าที่เห็นก็มี ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ก็จะเกษียณในปีนี้เช่นเดียวกัน จะเหลือเพียงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ควบเก้าอี้ เลขาฯ คสช. หรือเปล่า

แต่ที่น่าจับตาก็คือ “ไม่ต้องการเปลี่ยนม้ากลางศึก” ซึ่งรับรู้กันอยู่ว่าตอนนี้กำลังเดินหน้าแก้ปัญหาภัยแล้ง และเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ กระตุ้นการส่งออก จึงมีความเป็นไปได้เหมือนกันว่าอาจต้องรอไปอีกระยะอย่างน้อยก็น่าจะเป็นเดือนกันยาฯ ต้นตุลาฯ เพราะถึงตอนนั้นรัฐบาลก็อายุเกือบครบปีแล้ว

อย่างไรก็ดี หากถึงเวลานั้นจริง น่าจะเป็นปรับใหญ่แบบ “โละยกชุด” เปลี่ยนหน้ากันใหม่ คงไม่ใช่เพียงแค่ทีมเศรษฐกิจเท่านั้น เพราะถ้าพูดด้วยเหตุผลของ “ความเหมาะสม” แล้ว มันก็ต้องกัดฟันจัดทีมใหม่ และ “บทเรียน” คราวนี้ นายกฯ “ลุงตู่” น่าจะเป็นคนจัดทีมด้วยตัวเอง มากกว่าพึ่งคอนเนกชันของคนอื่น ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ายังไงก็ไม่เวิร์ก !!
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล
ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล
กำลังโหลดความคิดเห็น