ผ่าประเด็นร้อน
“ผมอยากให้มีการเบิกจ่ายมากกว่านี้ ซึ่งจริง ๆ แล้วก็มากกว่าทุกปี แต่ก็ยังไม่ทันใจ ไม่ทันใจผมไม่เท่าไหร่ แต่ไม่ทันใจพวกท่าน และประชาชนด้วย ผมได้ให้ไปดูรายละเอียดว่าทำไมเบิกจ่ายไม่ได้ แต่ทำไมก่อนหน้านี้เบิกจ่ายเร็วนัก มันอยู่ที่การตรวจสอบอะไรหรือเปล่า แต่ก่อนทำเร็วเกินไปหรือไม่ มันมีรอยรั่วเยอะหรือไม่ ซึ่งวันนี้ต้องตรวจสอบให้พบรอยรั่ว แต่มันช้าเพราะอะไร เพราะขั้นตอนระเบียบต่าง ๆ มันรัดกุมเข้มแข็งขึ้น การกระทำต่าง ๆ ที่มันเคยง่ายมันก็ยากแค่นั้นเอง”
“ผมก็อยากให้มันเร็วกว่าเดิม ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่าข้าราชการไม่ทำ ข้าราชการเขาทำเต็มที่เดี๋ยวจะหาว่าผมไปว่าเขาอีก เขาทำเต็มที่แล้วแต่ต้องเข้าใจว่าลักษณะการจัดทำงบประมาณในปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ผมเข้ามาเป็นการจัดงบประมาณกระจาย ไปทุกพื้นที่ เป็นโครงการขนาดกลาง ขนาดเล็กจำนวนมาก ซึ่งมันไม่เคยทำ ที่ผ่านมา ทำเป็นพื้นที่ มันก็ง่าย ให้งบประมาณเป็นก้อนลงไป ทำให้มีคนมาจัดซื้อจัดจ้าง ง่ายขึ้น มีบริษัทไม่กี่บริษัทมารับไป อยากถามว่ามันทั่วถึงหรือไม่ วันนี้ต้องเรียนรู้ว่าจะอยู่ด้วยกันอย่างไรจะประกอบธุรกิจอย่างไร ไม่ใช่อะไร ๆ ก็รัฐบาล ซึ่งวันนี้รัฐบาลทำให้ทุกอย่างแต่ขอให้ช่วยตัวเองกันบ้าง บริษัทห้างร้านเอกชนไปหาวิธีการว่าจะทำอย่างไร แต่กลับมาบอกว่างบประมาณน้อย ไม่ได้กำไร ถ้าไม่ทำก็อย่าทำ เดี๋ยวบริษัท เล็ก ๆ น้อย ๆ มีกี่บริษัทก็ไปประมูลมา บริษัทใหญ่ไม่อยากเอาก็อย่าเอา อยากได้ก็ไปเอารัฐบาลหน้านู้น”
นั่นเป็นคำพูดของ นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ที่แสดงอารมณ์หงุดหงิดเมื่อกล่าวถึงเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณของแต่ละกระทรวงทบวงกรมล่าช้า ไม่ทันใจ รวมไปถึงกรณีที่มีรายงานว่าบริษัทใหญ่ไม่ค่อยเข้ามาประมูลงานของภาครัฐในบางพื้นที่ อ้างว่ามีงบประมาณไม่มากได้กำไรน้อย
หากจำกันได้ในแวดวงเศรษฐกิจได้มีการพูดถึงเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐที่ล่าช้ามาอย่างต่อเนื่อง มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ล่าสุด คนที่ออกมากระตุ้นให้ภาครัฐเร่งเบิกจ่ายงบประมาณในครึ่งปีหลังให้เร็วขึ้นอีก ก็คือ ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เนื่องจากเห็นว่าจะส่งผลต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้ด้วย หลังจากในช่วงครึ่งปีแรก อัตราการขยายตัวต้องหลุดเป้า จนต้องมีการปรับลดการคาดการณ์ลงมาเรื่อย ๆ
การเบิกจ่ายงบประมาณของกระทรวงทบวงกรมต่าง ๆ ของภาครัฐที่อืดอาดล่าช้าดังกล่าวมีผู้เชี่ยวชาญหลายคนระบุตรงกันว่า ทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของบ้านเราผิดเป้าหมายมาอย่างต่อเนื่อง หากนับจากปีที่แล้ว คือ ปี 2557 เพียงแต่ว่าอาจจะอ้างว่าเป็นเพราะยังเป็นช่วงชุลมุนหลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพิ่งเข้ามาควบคุมอำนาจ โดยในตอนนั้นมั่นใจว่าจะขยายตัวไม่ต่ำว่าร้อยละ 2 แต่แล้วก็ต้องลดเป้าหมายลงมาเรื่อย ๆ จนในความเป็นจริงเหลือแค่ 0.7 เท่านั้น ส่วนในปี 2558 ก็เช่นเดียวกันเดิมคาดการณ์กันว่าจะต้องเติบโตถึงร้อยละ 4 แต่เอาเข้าจริงมาจนถึงวันนี้ ก็ต้องการคาดหมายลงมาเรื่อย ๆ แล้ว จนตอนนี้ปรับลดลงเหลือประมาณร้อยละ 3.7 - 3.8 แล้ว
มีการยอมรับความจริงว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจมีพื้นฐานสำคัญมาจากภาคการส่งออก อุตสาหกรรม แต่เมื่อพิจารณาจากตัวเลขรวม ๆ แล้วทั้งสองไตรมาสการส่งออกของไทยยังติดลบ ยังไม่กระเตื้องขึ้นมาเลย มีเพียงการท่องเที่ยวเท่านั้นที่เติบโตเกินเป้าจนสามารถช่วยพยุงเอาไว้ได้บ้าง
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ เคยมีความหวังเอาไว้ว่าการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐในโครงการขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และโครงการขนาดเล็กที่กระจายไปตามต่างจังหวัดทั่วประเทศจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยเพิ่มกำลังซื้อไปถึงชาวบ้าน มีการจ้างงานในพื้นที่ชนบทได้เพิ่มขึ้น ทำให้มีรายได้มาชดเชยกับราคาผลผลิตทางการเกษตรที่ตกต่ำได้บ้าง แต่กลายเป็นว่าเวลานี้หลายโครงการ โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ส่วนใหญ่แทบจะไม่มีความคืบหน้า ยังไม่อาจลงนามสัญญาก่อสร้าง ทั้งที่เป็นโครงการเก่าผ่านการศึกษาออกแบบเอาไว้แล้วทั้งสิ้น แต่ก็ยังชักช้าอืดอาดอยู่นั่นแหละ
ดังนั้น ถ้าให้สรุปในนาทีนี้ หากปัญหาการเบิกจ่ายงบประมาณยังล่าช้าอยู่ต่อไป ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็เคยมีการประชุมและแบ่งงานให้รัฐมนตรีแต่ละคนไปติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายให้รวดเร็ว แต่ในเมื่อได้เห็นอารมณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องหงุดหงิดกับเรื่องดังกล่าวอีก มันก็ทำให้อาจเข้าใจได้ว่า “ถูกวางยา” จากพวกข้าราชการเกียร์ว่าง ขณะเดียวกัน ทำให้เห็นภาพว่าในรัฐบาลชุดนี้มีแต่ พล.อ.ประยุทธ์ ทำงานอยู่คนเดียว ส่วนรัฐมนตรีทีมเศรษฐกิจคนอื่นไปไหนหมด หรือว่าทำงานแบบข้าราชการประจำแบบไปเช้าเย็นกลับ เท่านั้นหรือ
ในเวลานี้เราแทบไม่ได้เห็นการเคลื่อนไหวของรัฐมนตรีคนอื่น ๆ เลย โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจที่นำโดย “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สมหมาย ภาษี ที่ดูเหมือนจะเก็บตัวเงียบฉี่แทบไม่พูดไม่จาให้เห็นเลย !!