“ประยุทธ์” ประชุมเตรียมการเยือนไทยของนายกฯ เวียดนาม 23 ก.ค. พร้อมประชุม ครม.ร่วมสองชาติอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 3 ขยายความร่วมมือ “สมเด็จพระเทพฯ” พระราชทานพระราชวโรกาสให้นายกฯ เวียดนามและภริยาเข้าเฝ้า ช่วงเช้าเปิดทำเนียบต้อนรับ หารือทวิภาคี มีลงนามเอกสาร 5 ฉบับ นายกฯ เวียดนามเปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจพบ ก่อนเดินทางกลับ
วันนี้ (17 ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเตรียมการสำหรับการเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีเวียดนามและการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมอย่างไม่เป็นทางการไทย-เวียดนามฯ ครั้งที่ 3 ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 23 กรกฎาคม 2558 นายเหวียน เติ๊นสุง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และภริยามีกำหนดเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาลไทย ตามคำเชิญของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และในโอกาสเดียวกัน นายกรัฐมนตรีไทยและเวียดนามจะเป็นประธานร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมอย่างไม่เป็นทางการ ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 3 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับความสัมพันธ์ภายใต้ความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ไทย-เวียดนาม และเพื่อผลักดันความร่วมมือในทุกมิติให้ขยายผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์ร่วมกันของประชาชนและสองประเทศ โอกาสนี้ พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยรายละเอียด ดังนี้
กำหนดการสำคัญ ณ วันที่ 23 กรกฎาคม 2558 โดยในช่วงบ่าย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะพระราชทานพระราชวโรกาสให้นายกรัฐมนตรีเวียดนามและภริยา เข้าเฝ้าฯ ณ วังสระปทุม ด้วย ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ช่วงเช้าจะมีพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ณ ทำเนียบรัฐบาล หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีไทยและเวียดนามจะร่วมหารือทวิภาคีโดยมีประเด็นสำคัญ ได้แก่ ความร่วมมือด้านแรงงาน การส่งเสริมการลงทุน การเพิ่มมูลค่าการค้า ความร่วมมือด้านสินค้าเกษตร ความร่วมมือด้านประมง การเสริมสร้างความเชื่อมโยงทางคมนาคม และความร่วมมือในภูมิภาคและระหว่างประเทศ
ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีทั้งสองจะเป็นประธานร่วมในการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมอย่างไม่เป็นทางการ ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 3 ซึ่งจะมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายเข้าร่วม ทั้งนี้ ประเด็นการหารือจะครอบคลุมการขยายความร่วมมือในประเด็นที่ไทยและเวียดนามให้ความสำคัญร่วมกัน ได้แก่ ความร่วมมือด้านกลาโหม การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติโดยเฉพาะยาเสพติดและการค้ามนุษย์ การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน การเปิดบริการรถโดยสารประจำทาง การพัฒนาการเดินเรือตามแนวชายฝั่งทะเลเพื่อการขนส่งสินค้าและการท่องเที่ยว ความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนทางภาษา วัฒนธรรม และการกีฬา ความร่วมมือในการส่งเสริมการท่องเที่ยว และความร่วมมือระดับจังหวัด เป็นต้น
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีไทยและเวียดนามจะร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามเอกสาร 5 ฉบับ ได้แก่ (1) แถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมอย่างไม่เป็นทางการ ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 3 (2) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (3) บันทึกข้อตกลงด้านการจ้างแรงงาน (4) บันทึกความเข้าใจเพื่อสถาปนาความสัมพันธ์เมืองคู่มิตรระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีกับจังหวัดคอนตูม เวียดนาม และ (5) บันทึกความเข้าใจเพื่อสถาปนาความสัมพันธ์เมืองคู่มิตรระหว่างจังหวัดตราดกับจังหวัดลองอาน เวียดนาม ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและภริยาจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีเวียดนามและคณะด้วย
สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 3 นี้ เพื่อผลักดันประเด็นความร่วมมือที่สำคัญภายใต้กรอบความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ให้มีความก้าวหน้าและเกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อร่วมกันกำหนดวิสัยทัศน์ความสัมพันธ์ไทย-เวียดนามในการก้าวสู่ทศวรรษที่ 5 ของการเสริมสร้างความเข้มแข็งความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อย่างมีพลวัตและยั่งยืน ครอบคลุมรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีไทยและเวียดนาม ที่เกี่ยวข้องด้านการเมืองและความมั่นคง โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ด้านเศรษฐกิจ โดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุน พัฒนาความเชื่อมโยงด้านคมนาคม ทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ ความร่วมมือด้านการเกษตร การประมง และความร่วมมือด้านการเงินและธนาคาร สำหรับ ด้านสังคม วัฒนธรรมและการศึกษา มี ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านสังคม จะร่วมหารือเพื่อความร่วมมือด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การท่องเที่ยวและการกีฬาด้วย
โอกาสนี้ สมาคมมิตรภาพไทย-เวียดนาม จะเป็นเจ้าภาพจัดการสัมมนาด้านการลงทุนในเวียดนาม และการหารือเพื่อจับคู่ภาคธุรกิจ (Business matching) ระหว่างไทยและเวียดนามด้วย ณ โรงแรมเดอะเซนต์ รีจิส โดยนายกรัฐมนตรีเวียดนามเปิดโอกาสให้ผู้บริหารบริษัทชั้นนำของไทยเข้าเยี่ยมคารวะด้วย
ภายหลังเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ ในช่วงค่ำวันเดียวกันนี้ นายกรัฐมนตรีเวียดนามและภริยาจะเดินทางออกจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 เพื่อเดินทางกลับไปยังสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม