เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - “โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม” ทนายความระหว่างประเทศชื่อดังชาวแคนาดาซึ่งเคยรับจ้างเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทยที่หลบหนีคดีความอยู่ในต่างแดน โชว์ผลงานชิ้นโบแดงสะเทือนวงการกฎหมายในวันจันทร์ (29 มิ.ย.) ด้วยการช่วยให้ “รูเปียห์ บันดา” อดีตประธานาธิบดีจอมโกงกินแห่งประเทศแซมเบียรอดพ้นความผิดคดีทุจริต ถูกศาลแซมเบียตัดสินยกฟ้อง ทั้งที่หลักฐานมัดตัวแน่น
รายงานข่าวล่าสุดจากกรุงลูซากา เมืองหลวงของแซมเบีย อดีตดินแดนอาณานิคมของอังกฤษที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา ระบุว่า ผู้พิพากษาศาลแขวงลูซากามีคำตัดสินให้อดีตประธานาธิบดีรูเปียห์ บันดาแห่งแซมเบียในวัย 78 ปี รอดพ้นจากความผิดทั้งปวงในคดีที่เขาถูกสำนักอัยการแผ่นดินแซมเบียยื่นฟ้องฐานใช้อำนาจโดยมิชอบ และยักยอกเงินข้อตกลงจำนวน 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 84.4 ล้านบาท) ที่ได้จากการเจรจาซื้อขายน้ำมันกับประเทศไนจีเรียเอาเข้ากระเป๋าตัวเอง
รายงานซึ่งอ้างแหล่งข่าวในศาลระบุว่าทีมทนายความของอดีตประธานาธิบดีรูเปียห์ บันดาแห่งแซมเบียซึ่งนำโดยนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความระหว่างประเทศชื่อดังชาวแคนาดา สามารถโน้มน้าวให้ผู้พิพากษาเชื่อได้ว่าหลักฐานทั้งหมดของฝ่ายอัยการนั้นเต็มไปด้วยเอกสารเท็จ ซึ่งถูกจัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ทางการเมืองแอบแฝงอยู่เบื้องหลัง บวกกับเอกสารจริงที่ล้มเหลวในการพิสูจน์ความเชื่อมโยงกันระหว่างอดีตประธานาธิบดีบันดา กับการยักยอกเงินจำนวนดังกล่าว เป็นเหตุให้ผู้พิพากษาตัดสินยกฟ้องอดีตผู้นำแซมเบียที่เคยครองอำนาจระหว่างปี 2008-2011 รายนี้
อย่างไรก็ดี มีรายงานว่าก่อนการตัดสินคดีนี้เพียงไม่กี่วัน ทางสำนักงานศาลยุติธรรมกลางของแซมเบียได้ให้ความเห็นชอบต่อคำร้องของทีมทนายฝ่ายจำเลยที่นำโดยนายอัมสเตอร์ดัม ที่ร้องขอให้มีการเปลี่ยนตัวผู้พิพากษาในคดีนี้มาเป็นผู้พิพากษาโจชัว บันดา (ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นญาติห่างๆ กับจำเลย แต่พิสูจน์ไม่ได้)
รายงานข่าวระบุว่า หลังผู้พิพากษาโจชัว บันดา อ่านคำตัดสินให้ “ยกฟ้อง” อดีตประธานาธิบดีรูเปียห์ บันดา ทางอดีตผู้นำแซมเบียรายนี้ได้แสดงอาการดีใจอย่างมากและพุ่งตรงไปให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว โดยระบุว่ารู้สึกผ่อนคลายที่ได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง และกล่าวขอบคุณทีมทนายความของเขา แต่อดีตผู้นำแซมเบียปฏิเสธที่จะตอบคำถามผู้สื่อข่าวเมื่อถูกถามความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างตัวเขาและผู้พิพากษาโจชัว บันดา
ทั้งนี้ มีรายงานว่า โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม มิได้เข้าร่วมรับฟังการพิจารณาคดีที่ศาลแขวงลูซากาในครั้งนี้ เนื่องจากเขาถูก “ขึ้นบัญชีดำห้ามเข้าประเทศ” โดยรัฐบาลแซมเบียชุดก่อนภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีไมเคิล ซาตาผู้ล่วงลับ แต่ถึงกระนั้น ทีมกฎหมายฝ่ายจำเลยที่นำโดยซากวิบา ซิโกตา ผู้ช่วยของอัมสเตอร์ดัมยังคงเดินหมากแก้ต่างได้ตามแผน และนำไปสู่การยกฟ้องอดีตประธานาธิบดีรูเปียห์ บันดาในที่สุด
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงกลางปี 2012 เคนเนดี ซาเกนี รัฐมนตรีกระทรวงกิจการภายในหรือกระทรวงมหาดไทยของแซมเบียในขณะนั้น ออกประกาศห้ามนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัมเดินทางเข้าประเทศ โดยระบุเป็นบุคคลที่ไม่เป็นที่ต้อนรับของประชาชาวแซมเบีย และมีพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ
อย่างไรก็ดี ข้าหลวงใหญ่ของสหราชอาณาจักร อดีตประเทศเจ้าอาณานิคมของแซมเบีย มีคำสั่งอนุญาตให้อัมสเตอร์ดัมเดินทางเข้ามายังแซมเบีย ได้เป็นกรณีพิเศษ โดยใช้วีซ่า “นักท่องเที่ยว” เพื่อเปิดทางให้อัมสเตอร์ดัมสามารถเข้ามาให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่อดีตประธานาธิบดีรูเปียห์ บันดา และบุตรชายคือ เฮนรี บันดา ที่กำลังถูกทางการแซมเบียดำเนินคดีในหลายข้อหา รวมถึงข้อหาทุจริตโกงกิน ขณะที่อัมสเตอร์ดัมยืนยันมาตลอดว่าข้อกล่าวหาที่สองพ่อลูกตระกูลบันดาได้รับนั้นมี “แรงจูงใจทางการเมือง” อยู่เบื้องหลัง
ขณะที่สื่อท้องถิ่นในแซมเบียต่างรายงานข่าวเกี่ยวกับประวัติของอัมสเตอร์ดัม โดยระบุว่าเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงจากการรับว่าความ หรือเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายให้แก่บุคคลสำคัญหลายคน เช่น ดร.ฉี ซุน จวาน นักต่อสู้ด้านสิทธิมนุษยชนชื่อดังของสิงคโปร์, เอลิฆิโอ เซเดนโญ นักโทษการเมืองจากเวเนซุเอลา รวมถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยที่ถูกกองทัพโค่นอำนาจเมื่อเดือนกันยายน ปี ค.ศ. 2006 และถูกทางการไทยดำเนินคดีในหลายข้อหา รวมถึงการทุจริต