วานนี้ (4 มิ.ย.) ที่รัฐสภา มีการสัมมนาร่วมกันระหว่าง คณะรัฐมนตรี (ครม.) สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และ สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) เพื่อรับฟังการดำเนินงานที่ผ่านของรัฐบาลในรอบ 1 ปี โดยมี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. เป็นประธานการประชุม
ทั้งนี้ มีการแบ่งกรอบผลการดำเนินงานของรัฐบาล ใน 5 ด้าน ได้แก่ ด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคมและจิตวิทยา ด้านต่างประเทศ ท่องเที่ยวและวัฒนธรรม ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และด้านอื่นๆ พร้อมให้เขียนชื่อ นามสกุล ของผู้ที่ต้องการสอบถามด้วย เพื่อใช้ในการจัดลำดับการซักถามนายกฯ และรัฐมนตรี ที่เข้าร่วมงานสัมมนา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ได้สรุปผลงานของรัฐบาลว่า ที่ผ่านมา ขณะนี้การทำงานอยู่ในระยะที่ 2 รอรัฐธรรมนูญว่าจะผ่านหรือไม่ ส่วนจะแก้ไขอะไร ก็ขอให้ไปดำเนินการได้ เพราะเป็นความเห็นของคนส่วนใหญ่ โดยการแถลงครั้งนี้ เป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรกของ คสช.และกฎอัยการศึก เพื่อยุติความขัดแย้งและความรุนแรงต่างๆ จนสถานการณ์สงบเงียบ และระยะที่ 2 ที่มีรัฐบาล และคสช. รวมถึงมี มาตรา 44 ที่ได้ลดกฎหมายพิเศษต่างๆ ลงไป ไม่ได้หมายความว่าให้เอา มาตรา 44 ไปแก้อะไรก็ได้ แต่ต้องการบูรณาการทุกหน่วยงานได้ทำงานผ่านกฎหมาย เช่น การแก้ปัญหาโรฮีนจา
นายกฯ กล่าวว่ารัฐบาลเร่งแก้ปัญหาใหญ่ๆ ก่อน ที่เหลือก็ส่งไปว่าจะปฏิรูปอย่างไร เป็นสิ่งที่ สปช. ต้องนำไปดำเนินการต่อ ไม่ต้องไปเริ่มต้นใหม่ เพราะเราได้เริ่มไปแล้ว บางอย่างน้อย ปี 58 -59 หรือ 60 ต้องทำต่อ แล้วให้รัฐบาลใหม่รับไปดำเนินการ ถ้าไม่เข้าใจก็รวนกันไปหมด ปัญหาทั้่งหมดใน 1 ปี เขาทำเสร็จไม่ได้ สปช. ต้องรับไปทำ แล้วโยนไปให้รัฐบาลใหม่ทำต่อ
นอกจากนี้ ยังมีการตั้งรองนายกฯ 5 คน คอยขับเคลื่อนกลุ่มงานต่างๆ แต่ละกระทรวงจะเดินตามยุทธศาสตร์นี้ บางเรื่องต้องทำเลย และทำทันที ถ้าจบไม่ได้ ก็ต้องทำต่อไป และไม่ได้สั่งให้ทำเสร็จในทันที ถ้าจำป็นต้องใช้ มาตรา 44 ก็ต้องใช้ เพื่อให้เร็วขึ้น ทั้งนี้ทุกอย่างต้องทำพร้อมกัน แต่ละกระทรวงต้องไปจัดความเร่งด่วนมา ไม่เช่นนั้นงานเต็มไปหมด ข้างบนสั่งข้างล่าง งานก็ล้นมือไปหมด ในส่วนภูมิภาค ผู้ว่าฯ ต้องรับผิดชอบงานทุกด้าน เป็นพระเอก และทุกกระทรวงต้องร่วมรับผิดชอบ
**ยันต่างประเทศให้การยอมรับ
"ขณะนี้ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศพอสมควร การค้าการลงทุนไม่ได้ลดลงไปกว่าเดิม แต่มูลค่ามันลดลง เราต้องลดต้นทุนการผลิตลง ยึดแนวทางปรัชญาของในหลวงไว้ ส่วนการรักษาความสงบ ก็ให้คสช. ช่วยดูคนที่เกี่ยวข้องมาพูดคุย แต่ไม่ได้ไปกดหัวใคร ไปรับฟังปัญหามาเพื่อหาข้อสรุปในครม. เพื่อทำความเข้าใจ เขารับฟังมาจากสื่อบ้าง เพื่อนๆ พี่ๆ สื่อเขาไม่ฟัง ก็ต้องให้ลูกน้องฟัง แล้วนำมารายงานให้ทราบ ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าประชาชนต้องการอะไร การพัฒนาประเทศต้องให้เอกชนเป็นผู้นำ และให้คนที่อยู่ข้างล่างแข็งแรง เพื่อเชื่อมต่อสู่อาเซียน ภาคเกษตร ต้องมีการกำหนดการผลิต เหลือไว้เท่าไหร่ ส่งออกขายได้เท่าไหร่ ไม่เช่นนั้นจะเกิดความเหลื่อมล้ำ เพราะที่ผ่านมางบประมาณไปเป็นก้อน เราต้องรื้อระบบทั้งหมด ถ้าไม่ใช่รัฐบาลนี้ ทำไม่ได้ วันนี้ ปฏิรูป คือหัวใจ หยุดเลือดแล้ว ตอนนี้ให้น้ำเกลือนิดหน่อย วันหน้าท่านใส่วิตามินให้เข้มแข็ง และไปสู้กับข้างนอก" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ต้องทำให้คนไทยเข้าใจว่า ต้องการปฏิรูปหรือไม่ หากชาวบ้านไม่ต้องการ พวกเราก็ต้องกลับบ้านหมด ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ ต้องร่วมมือกัน ถ้ายังสร้างความขัดแย้งกันอยู่ มันก็ไปไม่ได้ ฝืนก็ไปไม่ได้ ต้องยอมรับก่อนว่ากติกา คืออะไร
"การปฏิรูป จะทำหรือไม่ทำ ก็ไปว่ากันมา ผมไม่ยุ่งเกี่ยว ทำแค่นี้ก็ปวดหัวอยู่แล้ว วันนี้ประชาคมโลกเชื่อใจเรา สื่อฯต่างชาติ มาหลายคณะแล้ว เขารู้หมดว่าเราทำอะไร แม้แต่ชีวิตวัยเด็กของผม มาถามว่า หากหมดอำนาจแล้วจะไปเป็นอะไร ขอยืนยันว่า ไม่อยากเป็น ขอกลับบ้านนอนกับลูกหลาน มีความสุข"
นายกฯ กล่าวอีกว่า สื่อฯ ต่างชาติ ถามว่าบ้านเมืองจะสงบอีกต่อไปหรือไม่ ตนเชื่อว่าคนไทย และรัฐบาลจะทำได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นการบ้านของพวกท่านที่จะต้องไปทำ และเขาก็บอกว่า ประเทศไทยขณะนี้เสถียรภาพนิ่งมาก ปัญหาแก้ได้หลายอย่าง ถ้าบ้านเมืองสงบเรียบร้อย
"ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย และเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ทุกเรื่อง ใครผิดใครถูก เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อย่าปฏิเสธกระบวนการยุติธรรม คำว่าปรองดอง บอกว่ายกโทษทั้งหมด มันไม่ใช่ ตามกฎหมายมันไม่ได้ ปรองดองก็คือ เจอหน้าทักทายกันได้ ไม่มีประท้วง ไม่มีตีหัว ไม่มียิงกัน หรือระเบิด เรียกว่า ปรองดอง แต่ถ้าไปนิรโทษกรรม เป็นคนละเรื่อง มันต้องเข้ากระบวนการยุติธรรมก่อน และต้องไปถามประชาชนด้วยที่สูญเสีย จากการประท้วงว่าเขายอมหรือไม่ หากไม่ยอมก็ไปหาวิธีการทางกฎหมายให้ได้ วันนี้มีการถามว่า เมื่อไหร่จะมีการประกันนักโทษการเมือง มันไม่มี แต่ที่มีคือ อาญาทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นกฎหมาย หรือ กฎอัยการศึก ก็คือกฎหมาย เพราะรู้ว่าเป็นกฎหมาย แล้วทำกันทำไม วันนี้เราเดินหน้าได้ด้วยกฎหมาย อย่ามาปฏิเสธระบบยุติธรรมของเรา แต่หากทุกคนยอมรับกติกาแล้ว ค่อยหาทางออกกันอย่างอื่น" นายกฯ กล่าว
**สปช.ขอ"บิ๊กตู่"อยู่ปฏิรูปอีก 2 ปี
จากนั้น สมาชิก สปช. โดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน ขอฝากคำถามถึงนายกฯ ว่าประชาชนได้เรียกร้องกันมามากว่า นายกฯควรอยู่ปฏิรูปให้เรียบร้อยก่อน ค่อยไปจัดการเลือกตั้ง เพราะเป็นห่วงบ้านเมืองว่า หากจะปล่อยให้เดินหน้าไปสู่กลไลของระบบการเมืองที่ล้มเหลว ก็จะทำให้ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม มีปัญหาต่อไปไม่จบสิ้น จึงเรียกร้องให้นายกฯ พิจารณา และแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้เสร็จลุล่วงก่อนจึงจัดการเลือกตั้ง
"การที่นายกฯ บอกว่า เข้ามาทำหน้าที่ก่อนวันที่ 22 พ.ค. 57 เพื่อหยุดความเคลื่อนไหว และให้น้ำเกลือแล้ว แต่จากนั้นก็ทิ้งให้คนไข้ไปอยู่กับใครก็ไม่ทราบ เป็นไปไม่ได้ จึงต้องรักษาให้หาย ให้เข้มแข็ง จนกระทั่งสามารถยืนหยัดต่อไปได้ ดังนั้นข้อเรียกร้องจากประชาชน ที่ลงชื่อเข้ามาหลายหมื่นชื่อ เพื่อขอให้ ครม. จะให้ออกเสียงประชามติก่อนที่จะร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ เพื่อถามว่า ควรจะปฏิรูปทุกด้านให้เสร็จเรียบร้อย บริหารประเทศให้มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจไปก่อนระยะหนึ่ง ไม่น้อยกว่า 2 ปี ขอให้นายกฯ พิจารณาจะกรุณาจัดให้หรือไม่" นายไพบูลย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ยังมี สมาชิกสปช. ตั้งคำถามในแนวเดียวกัน อาทิ นายนิรันดร์ พันทรกิจ สมาชิก สปช. กล่าวว่า เท่าที่พบปะประชาชน เขาพูดว่า จะรับประกันได้อย่างไร ถ้ารัฐบาลชุดนี้ออกไปแล้ว และมีการเลือกตั้งใหม่ สถานการณ์แบบเดิมจะไม่กลับมาอีก ที่ผ่านมาเขาพึงพอใจมากกับการบริหารราชการของรัฐบาลชุดนี้ นอกจากนี้ กฎหมายที่ยังอยู่ในการพิจารณาอีก 70 ฉบับ ยังไม่แล้วเสร็จ จะทิ้งให้รัฐบาลชุดใหม่ทำคงยาก เพราะฉะนั้น อยากให้มีท่าทีชัดเจนว่า ในท้ายที่สุดจะทำอย่างไร
** พร้อมทำงานต่อถ้าประชาชนหนุน
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงว่า เป็นคำถามที่ตอบยาก แต่ต้องขอบคุณที่กล่าวมา ทั้งหมดเป็นกำลังใจให้กับตน ว่าสิ่งที่ทำมาแล้วอย่างน้อยก็เห็นในประโยชน์ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นตรงนั้น ตนอยากให้มองในแง่มุมหนึ่งว่า แล้วเราจะไปสู่จุดที่ถามได้อย่างไร เพราะทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว การที่จะเปลี่ยนแปลง ก็อยู่ที่รัฐธรรมนูญชั่วคราวจะเปลี่ยน ตนเป็นคนเสนอทุกอย่างไม่ได้ ตนแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยตัวเองไม่ได้ จะถูกมองเจตนารมณ์ ว่าสืบทอดอำนาจ เพราะฉะนั้นอำนาจในประเทศนี้ อยู่ที่ประชาชนคนไทยทั้งสิ้น ในการใช้อำนาจตามระบอบประชาธิปไตย คือการเลือกตั้ง การทำประชามติ และการเสนอแก้ไขปัญหาผ่านช่องทาง เพราะฉะนั้นก็ต้องดู 3 อย่าง ว่าอะไรจะทำได้
"วันนี้ถูกกดดันมาก เวลาผมไปต่างประเทศ ไม่ใช่เขาไม่ชอบผม เขาชอบผมมาก ผมลูกทุ่งแบบนี้ เวลาประชุม เขาก็ฟังผมหมด ไม่รู้เพราะอะไร อย่างน้อยผมเสียงดังไม่มีคนหลับในห้อง เขาก็ฟังว่าไอ้นี่ฉลาดเหมือนกัน แปลกๆ ออกไปดูแลโลก ดูแลมุนษยชาติ ผมก็พูดไปแบบนี้ จะไปรบกันทั้งโลกได้อย่างไร มีใครกล้าพูดกับเขาอย่างนี้ไหม ผมก็พูดกับเขา ทุกอย่างดีหมด จะลงทุนอย่างนั้น อย่างนี้ แต่เขาก็ถามต่อว่า แล้วเลือกตั้งเมื่อไหร่ ผมก็ได้แต่บอกว่า ทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว จะเลือกตั้งก็อยู่ที่รัฐธรรมนูญ ทำเสร็จก็ต้องทำประชามติ จากนั้นก็ไปสู่การเลือกตั้ง ผมก็บอกว่า จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ได้ อยู่ที่คนไทยทั้งประเทศ จะปฏิรูปหรือไม่ ต้องการจะแก้ปัญหาประเทศหรือไม่ หรือต้องการจะเลือกตั้ง เพื่อให้มีประชาธิปไตยเต็มใบ ผมไม่รู้ ผมตอบได้แค่นี้ และเขาให้ผมสัญญาว่า เรื่องที่เป็นอยู่นี้จะเกิดต่อเนื่องไปถึงรัฐบาลหน้าหรือไม่ ถามซิ ผมจะตอบเขาได้ไหม เพราะผมไม่รู้ว่า ใครจะเป็นรัฐบาล ก็จะมี 2-3 กลุ่ม ที่จะมาเป็น สมมติเลือกตั้งวันนี้ ผมถามว่า ถ้าฝ่ายหนึ่งได้เป็นรัฐบาล อีกฝ่ายไม่ได้เป็น มันจะเป็นอย่างนี้ไหม ไม่ว่าใครจะมาเป็น ผมฝากสภาปฏิรูปไปทำ ก่อนมานี่ผมปวดท้อง วันนี้ เจอคำถาม ยิ่งปวดกว่าเดิม ผมอยากจะบอกว่า ขอบคุณในความเมตตา ให้เกียรติผม และรัฐมนตรีทุกคน ทุกคนทำงานอย่างหนัก ถึงท่านจะว่าใครก็ตาม ผมก็ต้องปกป้อง เพราะเขาทำงานให้ผม
" สิ่งที่ผมตอบตรงคำถามไม่ได้ ว่าอยากอยู่ต่อ รับครับ ขอบคุณครับ แล้วอยู่เลยโดยใช้ มาตรา 44 ออกกฎหมาย ไม่ต้องเลือกตั้ง ให้รัฐบาลนี้ทำงานต่อเลย มันก็ไม่ได้ ทำเพื่อตัวเองก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น เป็นเรื่องของประชาชนทั้งประเทศ จะต้องเป็นผู้กำหนดอนาคตของประเทศเอง งานก็ใช้ เรื่องคอขาดบาดตายก็ให้ผมทำอีก ไม่เอาแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการอย่างไร พูดไป ถ้าทั่วโลกรับได้ ถ้าไม่พูดแทนผม ผมพูดไม่ได้ เดี๋ยวจะหาว่าผมอยากอยู่อีก อยู่ทุกวัน อายุสั้นลงทุกวัน นอนก็ไม่หลับ"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องกฎหมาย วันนี้เราเดินไปเยอะแล้ว กฎหมายเก่า กฎหมายใหม่ กฎหมายที่ไม่เคยทำก็ต้องแก้ กฎหมายภาษีมรดกจาก 50 ล้าน เป็น 100 ล้าน ก็ต้องออกไปก่อน งวดหน้าค่อยแก้กัน จะมากหรือน้อย ออกไปก่อน เถียงให้เป็นให้ตายถึงเวลาไม่ได้ออก ตนเป็นห่วงว่า จะไปออกเมื่อไหร่ ก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นต้องออกไปก่อน และยังมีอีกหลายเรื่องทีกำลังเร่ง เช่น พ.ร.บ.เช่าที่นาเกษตรกร
"เพราะฉะนั้น ผมถามท่านว่า ประชาชนต้องการแล้วในห้องนี้ ที่เป็น สนช. สปช. ต้องการหรือเปล่า ( สนช. สปช. ตบมือลั่นห้อง ) เสียงดังแบบนี้ กริยามารยาทแบบนี้ พูดไม่เพราะ เป็นตัวของตัวเอง เป็นทหาร ยึดอำนาจ ท่านรับผมได้หรือไม่ ท่านรับผมได้ ประชาชนรับผมได้หรือเปล่า สื่อรับได้ไหม ทุกคนรับได้ไหม นั้นแหละ คือสิ่งที่เราจะอยู่ หรือไม่อยู่ จะรับได้หรือไม่ได้ คือจากประชาชนทั้งสิ้น และทุกอย่างอยู่ที่รัฐธรรมนูญชั่วคราว" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
** ย้ำใช้ความชอบธรรม ไม่ใช่อำนาจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องข้อเสนอปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง โดยให้นายกฯอยู่ในตำแหน่งอีก 2 ปี ว่า
"ผมเฉยๆ ถ้าให้ผมอยู่ ผมก็ทำ อยู่ด้วยความชอบธรรมนะ ไม่ได้อยู่ด้วยอำนาจ ถ้าทุกคนอยากให้ผมอยู่ ผมก็อยู่ ผมก็ทำให้ แต่ต้องช่วยปกป้องผมจากภายนอกประเทศ รวมถึงภายในประเทศด้วย ที่กล่าวหาว่าผมอยากสืบทอดอำนาจ ซึ่งผมไม่ต้องการอำนาจ เพราะผมไม่ได้ผลประโยชน์ ผมต้องการทำประเทศชาติให้ดีขึ้น แต่จะทำอย่างไร ผมไม่รู้ มันเป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ"
เมื่อถามว่า การที่จะให้นายกฯอยู่ต่อนั้น ประชาชนต้องทำอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การแสดงออกของประชาชนนั้นไม่ใช่ปกป้อง ประชาชน มีหน้าที่คือ การออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เลือกรัฐบาลเข้ามา และความร่วมมือในการทำประชามติ เมื่อถามย้ำว่า ถ้าจะให้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อต้องทำอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ไม่รู้ ต้องไปถามฝ่ายกฎหมาย เมื่อถามว่าถ้าการปฏิรูปยังไม่สำเร็จตามที่วางไว้นั้น มีโอกาสที่จะยืดโรดแมป ออกไปให้สำเร็จหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พูดไปแล้ว และก็เพิ่งได้ยินข้อเสนอนี้ และมีคนเขียนว่ากลุ่มนั้น กลุ่มนี้ ต้องการให้อยู่ต่อ 2 ปี เพื่อปฏิรูป
"ผมถามว่า อู๊ย ! ดีใจ หรืออยากอยู่ ถ้าอยากอยู่ไปเข้าช่องทางมา แต่ข้อเสนอแนะนี้ จะเป็นแนวทางที่ดีหรือไม่ ผมไม่รู้ ผมจะไปพิจารณาเองได้อย่างไรดี หรือไม่ดี เพราะผมใช้อำนาจอยู่ในตอนนี้ แล้วจะให้บอกว่าอยู่ต่อแล้วจะดี ตรงนี้ผมพูดได้ไหม วันนี้ใครต้องการให้ผมปฏิรูป ประชาชนก็ต้องไปหาทางมา" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่ามันจะดีหรือไม่ ที่อยู่ต่ออีก 2 ปี ในการปฏิรูปให้เสร็จ เพื่อไม่ให้สิ่งที่ทำมาเสียของ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนั้นตนไม่ได้บอกว่าสิ่งที่ทำมาจะดีทั้งหมด สิ่งที่ตนทำถ้าคนยอมรับ และให้ความร่วมมือ มันก็น่าจะดี แต่ถ้าไม่ร่วมมือ ยังขัดแย้งคัดค้านอยู่อย่างนี้ทำอะไรก็ติดไปหมด สร้างอะไรก็ไม่ได้ มันก็อยู่ที่เดิม แต่อย่างน้อยก็ไม่แย่ไปกว่าเดิม แต่ถ้าต้องการพัฒนาสู่จุดมุ่งหมายที่ต้องการ โดยความร่วมมือ ไม่ขัดแย้งอะไรกันต่อไป มันถึงจะสำเร็จ การปฏิรูปหลายรัฐบาลต้องการทำมาอยู่แล้ว เพียงแต่เขาต้องการปฏิรูปภายใต้รัฐบาลของเขา ขอถามว่าทำได้หรือไม่ ซึ่งการปฏิรูปคือการทำใหม่ เช่น กระบวนการผลิตด้านการเกษตรทั้งภาค องค์รวมทั้งหมด ใครจะอยากทำ รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง จะทำหรือไม่ การจัดระเบียบสังคม ถนนหนทาง ความเป็นระเบียบเรียบร้อย คูคลองจะต้องขุดลอก เอาคนที่รุกล้ำพื้นที่ออก จะทำหรือไม่ แต่วันนี้รัฐบาลนี้ทำ และยอมรับในเสียงที่พอใจบ้าง ไม่พอใจบ้าง ตนก็ยอม ซึ่งวันหน้าเขาจะเข้าใจตนเอง แต่ถ้าวันหน้าเป็นรัฐบาลเลือกตั้งเขาจะทำไหม จะยอมหรือไม่ และมันจะกลับมาแบบเดิม ตนห่วงตรงนี้ แต่ตนไม่สามารถ จะเอาสิ่งเหล่านี้มาบอกให้ตนอยู่ต่อ คงพูดไม่ได้ เพียงแต่เตือนว่า ต้องบังคับรัฐบาลใหม่ให้ได้ อย่างน้อยให้เขาทำอย่างที่ตนทำ เมื่อถามว่า รัฐบาลนี้ปฏิรูปไปเลยกับการบังคับให้รัฐบาลใหม่มาปฏิรูปอะไรจะดีกว่ากัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า " ท่านต้องการประชาธิปไตยกันไม่ใช่หรือ ท่านบอกผมไม่ใช่ประชาธิปไตยไง ผมไม่ได้เลือกตั้งเข้ามาไง ท่านก็ว่าผมอยู่ทุกวัน ต่างชาติก็ถามว่าผมจะเลือกตั้งเมื่อไหร่ ฉะนั้นมันขึ้นอยู่กับคนไทย จะกำหนดอนาคตประเทศไทยอย่างไร เป็นเรื่องของประชาชน 67 ล้านคน ไปว่ากันมาไม่ใช่ผม"
เมื่อถามว่า ถ้าต้องอยู่ต่ออีก 2 ปี พร้อมที่จะโดนด่าจากฝ่ายที่เห็นต่างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ผมไม่กลัวคำว่า คำด่า ยิ่งด่า ผมยิ่งมีแรง"
ทั้งนี้ มีการแบ่งกรอบผลการดำเนินงานของรัฐบาล ใน 5 ด้าน ได้แก่ ด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคมและจิตวิทยา ด้านต่างประเทศ ท่องเที่ยวและวัฒนธรรม ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และด้านอื่นๆ พร้อมให้เขียนชื่อ นามสกุล ของผู้ที่ต้องการสอบถามด้วย เพื่อใช้ในการจัดลำดับการซักถามนายกฯ และรัฐมนตรี ที่เข้าร่วมงานสัมมนา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ได้สรุปผลงานของรัฐบาลว่า ที่ผ่านมา ขณะนี้การทำงานอยู่ในระยะที่ 2 รอรัฐธรรมนูญว่าจะผ่านหรือไม่ ส่วนจะแก้ไขอะไร ก็ขอให้ไปดำเนินการได้ เพราะเป็นความเห็นของคนส่วนใหญ่ โดยการแถลงครั้งนี้ เป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรกของ คสช.และกฎอัยการศึก เพื่อยุติความขัดแย้งและความรุนแรงต่างๆ จนสถานการณ์สงบเงียบ และระยะที่ 2 ที่มีรัฐบาล และคสช. รวมถึงมี มาตรา 44 ที่ได้ลดกฎหมายพิเศษต่างๆ ลงไป ไม่ได้หมายความว่าให้เอา มาตรา 44 ไปแก้อะไรก็ได้ แต่ต้องการบูรณาการทุกหน่วยงานได้ทำงานผ่านกฎหมาย เช่น การแก้ปัญหาโรฮีนจา
นายกฯ กล่าวว่ารัฐบาลเร่งแก้ปัญหาใหญ่ๆ ก่อน ที่เหลือก็ส่งไปว่าจะปฏิรูปอย่างไร เป็นสิ่งที่ สปช. ต้องนำไปดำเนินการต่อ ไม่ต้องไปเริ่มต้นใหม่ เพราะเราได้เริ่มไปแล้ว บางอย่างน้อย ปี 58 -59 หรือ 60 ต้องทำต่อ แล้วให้รัฐบาลใหม่รับไปดำเนินการ ถ้าไม่เข้าใจก็รวนกันไปหมด ปัญหาทั้่งหมดใน 1 ปี เขาทำเสร็จไม่ได้ สปช. ต้องรับไปทำ แล้วโยนไปให้รัฐบาลใหม่ทำต่อ
นอกจากนี้ ยังมีการตั้งรองนายกฯ 5 คน คอยขับเคลื่อนกลุ่มงานต่างๆ แต่ละกระทรวงจะเดินตามยุทธศาสตร์นี้ บางเรื่องต้องทำเลย และทำทันที ถ้าจบไม่ได้ ก็ต้องทำต่อไป และไม่ได้สั่งให้ทำเสร็จในทันที ถ้าจำป็นต้องใช้ มาตรา 44 ก็ต้องใช้ เพื่อให้เร็วขึ้น ทั้งนี้ทุกอย่างต้องทำพร้อมกัน แต่ละกระทรวงต้องไปจัดความเร่งด่วนมา ไม่เช่นนั้นงานเต็มไปหมด ข้างบนสั่งข้างล่าง งานก็ล้นมือไปหมด ในส่วนภูมิภาค ผู้ว่าฯ ต้องรับผิดชอบงานทุกด้าน เป็นพระเอก และทุกกระทรวงต้องร่วมรับผิดชอบ
**ยันต่างประเทศให้การยอมรับ
"ขณะนี้ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศพอสมควร การค้าการลงทุนไม่ได้ลดลงไปกว่าเดิม แต่มูลค่ามันลดลง เราต้องลดต้นทุนการผลิตลง ยึดแนวทางปรัชญาของในหลวงไว้ ส่วนการรักษาความสงบ ก็ให้คสช. ช่วยดูคนที่เกี่ยวข้องมาพูดคุย แต่ไม่ได้ไปกดหัวใคร ไปรับฟังปัญหามาเพื่อหาข้อสรุปในครม. เพื่อทำความเข้าใจ เขารับฟังมาจากสื่อบ้าง เพื่อนๆ พี่ๆ สื่อเขาไม่ฟัง ก็ต้องให้ลูกน้องฟัง แล้วนำมารายงานให้ทราบ ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าประชาชนต้องการอะไร การพัฒนาประเทศต้องให้เอกชนเป็นผู้นำ และให้คนที่อยู่ข้างล่างแข็งแรง เพื่อเชื่อมต่อสู่อาเซียน ภาคเกษตร ต้องมีการกำหนดการผลิต เหลือไว้เท่าไหร่ ส่งออกขายได้เท่าไหร่ ไม่เช่นนั้นจะเกิดความเหลื่อมล้ำ เพราะที่ผ่านมางบประมาณไปเป็นก้อน เราต้องรื้อระบบทั้งหมด ถ้าไม่ใช่รัฐบาลนี้ ทำไม่ได้ วันนี้ ปฏิรูป คือหัวใจ หยุดเลือดแล้ว ตอนนี้ให้น้ำเกลือนิดหน่อย วันหน้าท่านใส่วิตามินให้เข้มแข็ง และไปสู้กับข้างนอก" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ต้องทำให้คนไทยเข้าใจว่า ต้องการปฏิรูปหรือไม่ หากชาวบ้านไม่ต้องการ พวกเราก็ต้องกลับบ้านหมด ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ ต้องร่วมมือกัน ถ้ายังสร้างความขัดแย้งกันอยู่ มันก็ไปไม่ได้ ฝืนก็ไปไม่ได้ ต้องยอมรับก่อนว่ากติกา คืออะไร
"การปฏิรูป จะทำหรือไม่ทำ ก็ไปว่ากันมา ผมไม่ยุ่งเกี่ยว ทำแค่นี้ก็ปวดหัวอยู่แล้ว วันนี้ประชาคมโลกเชื่อใจเรา สื่อฯต่างชาติ มาหลายคณะแล้ว เขารู้หมดว่าเราทำอะไร แม้แต่ชีวิตวัยเด็กของผม มาถามว่า หากหมดอำนาจแล้วจะไปเป็นอะไร ขอยืนยันว่า ไม่อยากเป็น ขอกลับบ้านนอนกับลูกหลาน มีความสุข"
นายกฯ กล่าวอีกว่า สื่อฯ ต่างชาติ ถามว่าบ้านเมืองจะสงบอีกต่อไปหรือไม่ ตนเชื่อว่าคนไทย และรัฐบาลจะทำได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นการบ้านของพวกท่านที่จะต้องไปทำ และเขาก็บอกว่า ประเทศไทยขณะนี้เสถียรภาพนิ่งมาก ปัญหาแก้ได้หลายอย่าง ถ้าบ้านเมืองสงบเรียบร้อย
"ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย และเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ทุกเรื่อง ใครผิดใครถูก เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อย่าปฏิเสธกระบวนการยุติธรรม คำว่าปรองดอง บอกว่ายกโทษทั้งหมด มันไม่ใช่ ตามกฎหมายมันไม่ได้ ปรองดองก็คือ เจอหน้าทักทายกันได้ ไม่มีประท้วง ไม่มีตีหัว ไม่มียิงกัน หรือระเบิด เรียกว่า ปรองดอง แต่ถ้าไปนิรโทษกรรม เป็นคนละเรื่อง มันต้องเข้ากระบวนการยุติธรรมก่อน และต้องไปถามประชาชนด้วยที่สูญเสีย จากการประท้วงว่าเขายอมหรือไม่ หากไม่ยอมก็ไปหาวิธีการทางกฎหมายให้ได้ วันนี้มีการถามว่า เมื่อไหร่จะมีการประกันนักโทษการเมือง มันไม่มี แต่ที่มีคือ อาญาทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นกฎหมาย หรือ กฎอัยการศึก ก็คือกฎหมาย เพราะรู้ว่าเป็นกฎหมาย แล้วทำกันทำไม วันนี้เราเดินหน้าได้ด้วยกฎหมาย อย่ามาปฏิเสธระบบยุติธรรมของเรา แต่หากทุกคนยอมรับกติกาแล้ว ค่อยหาทางออกกันอย่างอื่น" นายกฯ กล่าว
**สปช.ขอ"บิ๊กตู่"อยู่ปฏิรูปอีก 2 ปี
จากนั้น สมาชิก สปช. โดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน ขอฝากคำถามถึงนายกฯ ว่าประชาชนได้เรียกร้องกันมามากว่า นายกฯควรอยู่ปฏิรูปให้เรียบร้อยก่อน ค่อยไปจัดการเลือกตั้ง เพราะเป็นห่วงบ้านเมืองว่า หากจะปล่อยให้เดินหน้าไปสู่กลไลของระบบการเมืองที่ล้มเหลว ก็จะทำให้ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม มีปัญหาต่อไปไม่จบสิ้น จึงเรียกร้องให้นายกฯ พิจารณา และแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้เสร็จลุล่วงก่อนจึงจัดการเลือกตั้ง
"การที่นายกฯ บอกว่า เข้ามาทำหน้าที่ก่อนวันที่ 22 พ.ค. 57 เพื่อหยุดความเคลื่อนไหว และให้น้ำเกลือแล้ว แต่จากนั้นก็ทิ้งให้คนไข้ไปอยู่กับใครก็ไม่ทราบ เป็นไปไม่ได้ จึงต้องรักษาให้หาย ให้เข้มแข็ง จนกระทั่งสามารถยืนหยัดต่อไปได้ ดังนั้นข้อเรียกร้องจากประชาชน ที่ลงชื่อเข้ามาหลายหมื่นชื่อ เพื่อขอให้ ครม. จะให้ออกเสียงประชามติก่อนที่จะร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ เพื่อถามว่า ควรจะปฏิรูปทุกด้านให้เสร็จเรียบร้อย บริหารประเทศให้มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจไปก่อนระยะหนึ่ง ไม่น้อยกว่า 2 ปี ขอให้นายกฯ พิจารณาจะกรุณาจัดให้หรือไม่" นายไพบูลย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ยังมี สมาชิกสปช. ตั้งคำถามในแนวเดียวกัน อาทิ นายนิรันดร์ พันทรกิจ สมาชิก สปช. กล่าวว่า เท่าที่พบปะประชาชน เขาพูดว่า จะรับประกันได้อย่างไร ถ้ารัฐบาลชุดนี้ออกไปแล้ว และมีการเลือกตั้งใหม่ สถานการณ์แบบเดิมจะไม่กลับมาอีก ที่ผ่านมาเขาพึงพอใจมากกับการบริหารราชการของรัฐบาลชุดนี้ นอกจากนี้ กฎหมายที่ยังอยู่ในการพิจารณาอีก 70 ฉบับ ยังไม่แล้วเสร็จ จะทิ้งให้รัฐบาลชุดใหม่ทำคงยาก เพราะฉะนั้น อยากให้มีท่าทีชัดเจนว่า ในท้ายที่สุดจะทำอย่างไร
** พร้อมทำงานต่อถ้าประชาชนหนุน
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงว่า เป็นคำถามที่ตอบยาก แต่ต้องขอบคุณที่กล่าวมา ทั้งหมดเป็นกำลังใจให้กับตน ว่าสิ่งที่ทำมาแล้วอย่างน้อยก็เห็นในประโยชน์ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นตรงนั้น ตนอยากให้มองในแง่มุมหนึ่งว่า แล้วเราจะไปสู่จุดที่ถามได้อย่างไร เพราะทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว การที่จะเปลี่ยนแปลง ก็อยู่ที่รัฐธรรมนูญชั่วคราวจะเปลี่ยน ตนเป็นคนเสนอทุกอย่างไม่ได้ ตนแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยตัวเองไม่ได้ จะถูกมองเจตนารมณ์ ว่าสืบทอดอำนาจ เพราะฉะนั้นอำนาจในประเทศนี้ อยู่ที่ประชาชนคนไทยทั้งสิ้น ในการใช้อำนาจตามระบอบประชาธิปไตย คือการเลือกตั้ง การทำประชามติ และการเสนอแก้ไขปัญหาผ่านช่องทาง เพราะฉะนั้นก็ต้องดู 3 อย่าง ว่าอะไรจะทำได้
"วันนี้ถูกกดดันมาก เวลาผมไปต่างประเทศ ไม่ใช่เขาไม่ชอบผม เขาชอบผมมาก ผมลูกทุ่งแบบนี้ เวลาประชุม เขาก็ฟังผมหมด ไม่รู้เพราะอะไร อย่างน้อยผมเสียงดังไม่มีคนหลับในห้อง เขาก็ฟังว่าไอ้นี่ฉลาดเหมือนกัน แปลกๆ ออกไปดูแลโลก ดูแลมุนษยชาติ ผมก็พูดไปแบบนี้ จะไปรบกันทั้งโลกได้อย่างไร มีใครกล้าพูดกับเขาอย่างนี้ไหม ผมก็พูดกับเขา ทุกอย่างดีหมด จะลงทุนอย่างนั้น อย่างนี้ แต่เขาก็ถามต่อว่า แล้วเลือกตั้งเมื่อไหร่ ผมก็ได้แต่บอกว่า ทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว จะเลือกตั้งก็อยู่ที่รัฐธรรมนูญ ทำเสร็จก็ต้องทำประชามติ จากนั้นก็ไปสู่การเลือกตั้ง ผมก็บอกว่า จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ได้ อยู่ที่คนไทยทั้งประเทศ จะปฏิรูปหรือไม่ ต้องการจะแก้ปัญหาประเทศหรือไม่ หรือต้องการจะเลือกตั้ง เพื่อให้มีประชาธิปไตยเต็มใบ ผมไม่รู้ ผมตอบได้แค่นี้ และเขาให้ผมสัญญาว่า เรื่องที่เป็นอยู่นี้จะเกิดต่อเนื่องไปถึงรัฐบาลหน้าหรือไม่ ถามซิ ผมจะตอบเขาได้ไหม เพราะผมไม่รู้ว่า ใครจะเป็นรัฐบาล ก็จะมี 2-3 กลุ่ม ที่จะมาเป็น สมมติเลือกตั้งวันนี้ ผมถามว่า ถ้าฝ่ายหนึ่งได้เป็นรัฐบาล อีกฝ่ายไม่ได้เป็น มันจะเป็นอย่างนี้ไหม ไม่ว่าใครจะมาเป็น ผมฝากสภาปฏิรูปไปทำ ก่อนมานี่ผมปวดท้อง วันนี้ เจอคำถาม ยิ่งปวดกว่าเดิม ผมอยากจะบอกว่า ขอบคุณในความเมตตา ให้เกียรติผม และรัฐมนตรีทุกคน ทุกคนทำงานอย่างหนัก ถึงท่านจะว่าใครก็ตาม ผมก็ต้องปกป้อง เพราะเขาทำงานให้ผม
" สิ่งที่ผมตอบตรงคำถามไม่ได้ ว่าอยากอยู่ต่อ รับครับ ขอบคุณครับ แล้วอยู่เลยโดยใช้ มาตรา 44 ออกกฎหมาย ไม่ต้องเลือกตั้ง ให้รัฐบาลนี้ทำงานต่อเลย มันก็ไม่ได้ ทำเพื่อตัวเองก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น เป็นเรื่องของประชาชนทั้งประเทศ จะต้องเป็นผู้กำหนดอนาคตของประเทศเอง งานก็ใช้ เรื่องคอขาดบาดตายก็ให้ผมทำอีก ไม่เอาแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการอย่างไร พูดไป ถ้าทั่วโลกรับได้ ถ้าไม่พูดแทนผม ผมพูดไม่ได้ เดี๋ยวจะหาว่าผมอยากอยู่อีก อยู่ทุกวัน อายุสั้นลงทุกวัน นอนก็ไม่หลับ"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องกฎหมาย วันนี้เราเดินไปเยอะแล้ว กฎหมายเก่า กฎหมายใหม่ กฎหมายที่ไม่เคยทำก็ต้องแก้ กฎหมายภาษีมรดกจาก 50 ล้าน เป็น 100 ล้าน ก็ต้องออกไปก่อน งวดหน้าค่อยแก้กัน จะมากหรือน้อย ออกไปก่อน เถียงให้เป็นให้ตายถึงเวลาไม่ได้ออก ตนเป็นห่วงว่า จะไปออกเมื่อไหร่ ก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นต้องออกไปก่อน และยังมีอีกหลายเรื่องทีกำลังเร่ง เช่น พ.ร.บ.เช่าที่นาเกษตรกร
"เพราะฉะนั้น ผมถามท่านว่า ประชาชนต้องการแล้วในห้องนี้ ที่เป็น สนช. สปช. ต้องการหรือเปล่า ( สนช. สปช. ตบมือลั่นห้อง ) เสียงดังแบบนี้ กริยามารยาทแบบนี้ พูดไม่เพราะ เป็นตัวของตัวเอง เป็นทหาร ยึดอำนาจ ท่านรับผมได้หรือไม่ ท่านรับผมได้ ประชาชนรับผมได้หรือเปล่า สื่อรับได้ไหม ทุกคนรับได้ไหม นั้นแหละ คือสิ่งที่เราจะอยู่ หรือไม่อยู่ จะรับได้หรือไม่ได้ คือจากประชาชนทั้งสิ้น และทุกอย่างอยู่ที่รัฐธรรมนูญชั่วคราว" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
** ย้ำใช้ความชอบธรรม ไม่ใช่อำนาจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องข้อเสนอปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง โดยให้นายกฯอยู่ในตำแหน่งอีก 2 ปี ว่า
"ผมเฉยๆ ถ้าให้ผมอยู่ ผมก็ทำ อยู่ด้วยความชอบธรรมนะ ไม่ได้อยู่ด้วยอำนาจ ถ้าทุกคนอยากให้ผมอยู่ ผมก็อยู่ ผมก็ทำให้ แต่ต้องช่วยปกป้องผมจากภายนอกประเทศ รวมถึงภายในประเทศด้วย ที่กล่าวหาว่าผมอยากสืบทอดอำนาจ ซึ่งผมไม่ต้องการอำนาจ เพราะผมไม่ได้ผลประโยชน์ ผมต้องการทำประเทศชาติให้ดีขึ้น แต่จะทำอย่างไร ผมไม่รู้ มันเป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ"
เมื่อถามว่า การที่จะให้นายกฯอยู่ต่อนั้น ประชาชนต้องทำอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การแสดงออกของประชาชนนั้นไม่ใช่ปกป้อง ประชาชน มีหน้าที่คือ การออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เลือกรัฐบาลเข้ามา และความร่วมมือในการทำประชามติ เมื่อถามย้ำว่า ถ้าจะให้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อต้องทำอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ไม่รู้ ต้องไปถามฝ่ายกฎหมาย เมื่อถามว่าถ้าการปฏิรูปยังไม่สำเร็จตามที่วางไว้นั้น มีโอกาสที่จะยืดโรดแมป ออกไปให้สำเร็จหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พูดไปแล้ว และก็เพิ่งได้ยินข้อเสนอนี้ และมีคนเขียนว่ากลุ่มนั้น กลุ่มนี้ ต้องการให้อยู่ต่อ 2 ปี เพื่อปฏิรูป
"ผมถามว่า อู๊ย ! ดีใจ หรืออยากอยู่ ถ้าอยากอยู่ไปเข้าช่องทางมา แต่ข้อเสนอแนะนี้ จะเป็นแนวทางที่ดีหรือไม่ ผมไม่รู้ ผมจะไปพิจารณาเองได้อย่างไรดี หรือไม่ดี เพราะผมใช้อำนาจอยู่ในตอนนี้ แล้วจะให้บอกว่าอยู่ต่อแล้วจะดี ตรงนี้ผมพูดได้ไหม วันนี้ใครต้องการให้ผมปฏิรูป ประชาชนก็ต้องไปหาทางมา" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่ามันจะดีหรือไม่ ที่อยู่ต่ออีก 2 ปี ในการปฏิรูปให้เสร็จ เพื่อไม่ให้สิ่งที่ทำมาเสียของ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนั้นตนไม่ได้บอกว่าสิ่งที่ทำมาจะดีทั้งหมด สิ่งที่ตนทำถ้าคนยอมรับ และให้ความร่วมมือ มันก็น่าจะดี แต่ถ้าไม่ร่วมมือ ยังขัดแย้งคัดค้านอยู่อย่างนี้ทำอะไรก็ติดไปหมด สร้างอะไรก็ไม่ได้ มันก็อยู่ที่เดิม แต่อย่างน้อยก็ไม่แย่ไปกว่าเดิม แต่ถ้าต้องการพัฒนาสู่จุดมุ่งหมายที่ต้องการ โดยความร่วมมือ ไม่ขัดแย้งอะไรกันต่อไป มันถึงจะสำเร็จ การปฏิรูปหลายรัฐบาลต้องการทำมาอยู่แล้ว เพียงแต่เขาต้องการปฏิรูปภายใต้รัฐบาลของเขา ขอถามว่าทำได้หรือไม่ ซึ่งการปฏิรูปคือการทำใหม่ เช่น กระบวนการผลิตด้านการเกษตรทั้งภาค องค์รวมทั้งหมด ใครจะอยากทำ รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง จะทำหรือไม่ การจัดระเบียบสังคม ถนนหนทาง ความเป็นระเบียบเรียบร้อย คูคลองจะต้องขุดลอก เอาคนที่รุกล้ำพื้นที่ออก จะทำหรือไม่ แต่วันนี้รัฐบาลนี้ทำ และยอมรับในเสียงที่พอใจบ้าง ไม่พอใจบ้าง ตนก็ยอม ซึ่งวันหน้าเขาจะเข้าใจตนเอง แต่ถ้าวันหน้าเป็นรัฐบาลเลือกตั้งเขาจะทำไหม จะยอมหรือไม่ และมันจะกลับมาแบบเดิม ตนห่วงตรงนี้ แต่ตนไม่สามารถ จะเอาสิ่งเหล่านี้มาบอกให้ตนอยู่ต่อ คงพูดไม่ได้ เพียงแต่เตือนว่า ต้องบังคับรัฐบาลใหม่ให้ได้ อย่างน้อยให้เขาทำอย่างที่ตนทำ เมื่อถามว่า รัฐบาลนี้ปฏิรูปไปเลยกับการบังคับให้รัฐบาลใหม่มาปฏิรูปอะไรจะดีกว่ากัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า " ท่านต้องการประชาธิปไตยกันไม่ใช่หรือ ท่านบอกผมไม่ใช่ประชาธิปไตยไง ผมไม่ได้เลือกตั้งเข้ามาไง ท่านก็ว่าผมอยู่ทุกวัน ต่างชาติก็ถามว่าผมจะเลือกตั้งเมื่อไหร่ ฉะนั้นมันขึ้นอยู่กับคนไทย จะกำหนดอนาคตประเทศไทยอย่างไร เป็นเรื่องของประชาชน 67 ล้านคน ไปว่ากันมาไม่ใช่ผม"
เมื่อถามว่า ถ้าต้องอยู่ต่ออีก 2 ปี พร้อมที่จะโดนด่าจากฝ่ายที่เห็นต่างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ผมไม่กลัวคำว่า คำด่า ยิ่งด่า ผมยิ่งมีแรง"