รองโฆษกสำนักนายกฯ โวใช้ ม.44 ได้รับผลตอบรับดีในประเทศ แนะต่างชาติอ่านรายละเอียดคำสั่งหัวหน้า คสช.14 ข้อจะคลายกังวลได้ ยันประเทศต้องมีกฎหมายจัดระเบียบให้เกิดความสงบ ปรองดอง สู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ จัดเลือกตั้งเรียบร้อย ยันใช้อย่างสร้างสรรค์เพื่อแก้ปัญหาของชาติ
วันนี้ (3 เม.ย.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประกาศใช้มาตรา 44 ได้รับเสียงตอบรับในเชิงบวกจากภายในประเทศ ทั้งด้านการท่องเที่ยว การค้าการลงทุน และภาคอุตสาหกรรม เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลพยายามผ่อนคลายมาตรการหลายประการลงไปตามลำดับของสถานการณ์ที่พัฒนาไปในประเทศ สำหรับเสียงสะท้อนจากหน่วยงาน องค์กรระหว่างประเทศ ที่แสดงความวิตกกังวลว่ามาตรา 44 จะเป็นการให้อำนาจ คสช.มากนั้น ขอเรียนว่าหากอ่านเฉพาะบทบัญญัติโดยกว้างของมาตรา 44 ก็อาจจะทำให้เกิดความรู้สึกเช่นนั้นได้ ว่าเป็นการให้อำนาจที่ค่อนข้างกว้างขวาง แต่หากหน่วยงานทุกแห่งได้ติดตามในรายละเอียดของประกาศซึ่งบัญญัติรายละเอียดไว้ 14 ข้อ เชื่อว่าจะผ่อนคลายความกังวลลงได้ เพราะมีการเขียนถึงขอบเขตการใช้อำนาจที่ชัดเจน รวมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางผ่อนคลายหลายประการ เช่น จากเดิมคดีที่เกี่ยวกับความมั่นคงจะขึ้นเพียงศาลเดียว แต่ในมาตรา 44 กำหนดให้ขึ้นใน 3 ศาล
“มั่นใจว่าการยกเลิกกฎอัยการศึก และการประกาศใช้มาตรา 44 เป็นการหาทางออกที่สามารถตอบสนองข้อกังวลในของต่างประเทศ ได้ในระดับหนึ่ง เพราะเป็นการประกาศใช้กฎหมายตามอำนาจที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแทนกฎอัยการศึก” พล.ต.สรรเสริญกล่าว
รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ประเทศจำเป็นต้องมีกฎหมายบางฉบับเพื่อใช้ในการจัดระเบียบสังคม เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย เกิดการปฏิรูป และสร้างความปรองดอง รักษาความสงบภายใน เพื่อนำไปสู่การเป็นระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อาทิ มีการจัดการเลือกตั้งอย่างเรียบร้อย ปราศจากความวุ่นวายหรือความรุนแรง ทั้งนี้ ประชาธิปไตยคงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ท่ามกลางภาวะความขัดแย้งหรือความไม่สงบ จึงอยากให้องค์กรระหว่างประเทศมีความเข้าใจเจตนารมณ์และแนวทางของประเทศไทยที่พยายามดำเนินการทุกอย่างเพื่อให้ประเทศเข้าสู่แนวทางประชาธิปไตย
พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า ในขณะนี้การเผยแพร่ข้อมูลในภาพรวมของมาตรา 44 ยังให้ความสำคัญเฉพาะ เรื่องการใช้อำนาจเพื่อดูแลงานด้านความมั่นคง แต่ในความเป็นจริงแล้วรัฐบาลยังมีเป้าหมายสำคัญในการประกาศใช้มาตรา 44 เพื่อนำมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการผลักดันเรื่องการปฏิรูปประเทศ หากระเบียบกฎเกณฑ์ในระบบปกติไม่สามารถตอบสนอง หรือกระทำได้อย่างล่าช้า นอกจากนี้ยังหวังที่จะใช้ มาตรา 44 เป็นหนทางในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ หากมีการกำหนดแนวปฏิบัติที่ชัดเจน ที่ได้รับการยอมรับจากประชาชนส่วนใหญ่ อยากเรียนเน้นย้ำว่า เจตนารมณ์ของรัฐบาล คือ ต้องการใช้มาตรา 44 อย่างสร้างสรรค์ บนพื้นฐานของคุณธรรม เพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ และเพื่อประโยชน์ของประชาชนคนไทยเป็นสำคัญ มิได้มุ่งใช้เพียงเพื่อการดูแลความมั่นคงเท่านั้น