ผบช.น.เผยการยกเลิกกฎอัยการศึกและนำกฎหมาย ม.44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาบังคับใช้ ไม่กระทบต่อการทำงานตำรวจ ยันการขออนุมัติหมายจับคดีที่เกิดขึ้นหลังประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกก็กลับไปขอศาลอาญาตามปกติ
วันนี้ (2 เม.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยถึงกรณีการยกเลิกกฎอัยการศึกและนำกฎหมายมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาบังคับใช้ว่า รูปแบบการปฏิบัติงานสืบสวน สอบสวน การควบคุมตัวผู้ต้องหายังไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่จะมีเปลี่ยนในเรื่องของอำนาจศาล การขออนุมัติหมายจับคดีที่เกิดขึ้นหลังประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกก็กลับไปขอศาลอาญาตามปกติ ในบางกรณีอาจจะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดขออนุมัติหมายศาลทหารบ้าง ส่วนอำนาจการควบคุมตัวผู้ต้องหาที่ก่อนหน้านี้สามารถขอกำลังทหารเข้าไปในพื้นที่ได้อาจจะลดลงไปบ้าง แต่ยังคงปฏิบัติหน้าที่ได้ตามเดิม
ส่วนความคืบหน้าคดีคนร้ายลอบปาระเบิดใส่ลานจอดรถศาลอาญารัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจได้ขอศาลเยาวชนและครอบครัวกลางอนุมัติออกหมายจับ นายต้น (นามสมมติ) อายุ 16 ปี บุตรชายของนางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือเดียร์ อายุ 49 ปี เพิ่มอีก 1 รายแล้ว เนื่องจากตำรวจมีพยานหลักฐานที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือเป็นผู้ร่วมขบวนการขว้างระเบิดบริเวณหน้าศาลอาญารัชดาฯ โดยมีหน้าที่ให้การสนับสนุน เรื่องเส้นทางการเงิน
พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวอีกว่า ส่วนจะมีการออกหมายจับบุคคลใดเพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน หากพบว่ามีความเชื่อมโยงไปถึงใคร ทางพนักงานสอบสวนก็จะดำเนินการทันที ทั้งนี้ได้ประสานไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดให้เข้าร่วมพิจารณาในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนนั้น ขณะนี้ทางอัยการสูงสุดได้มีหนังสือตอบกลับมาว่าจะส่งผู้แทนจำนวน 5 คนมาร่วมพิจารณาคดีดังกล่าว หากอัยการในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนสามารถขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ และสามารถเรียกบุคคลผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาให้ปากคำเพิ่มเติมได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ได้แล้ว 20 คนจับกุมดำเนินคดีได้ 16 คน และอยู่ระหว่างหลบหนีอีก 4 คน คือ นายมนูญ ชัยชนะ หรือนายเอนก ซานฟราน, นายวิระศักดิ์ โตวังจร หรือใหญ่ พัทยา, นายธนาวุฒิ อภินันท์ถาวร และนายต้น (นามสมมติ)
