xs
xsm
sm
md
lg

รบ.ย้ำอย่าเพิ่งสูบน้ำใช้เกษตร เหตุต้องทำน้ำกิน-ใช้ เผยจีนพร้อมเผยข้อมูลอุยกูร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี(แฟ้มภาพ)
“สรรเสริญ” เผยนายกฯ สั่ง มท.-เกษตรฯ แก้ภัยแล้ง ห่วงความรู้สึกเกษตรกร-น้ำน้อย ขอจัดลำดับการใช้ แจงต้องลดปริมาณน้ำให้พอถึง ส.ค. พร้อมลงพื้นที่ขออย่าสูบน้ำทำเกษตร เหตุต้องใช้ทำน้ำกิน-ใช้ ที่มีความสำคัญกว่า พร้อมประเมินช่วยความเสียหาย เชื่อจะเข้าใจ คาดห้ามสูบจนถึงปลาย ส.ค. ขอสื่ออย่าตีข่าวแย่งน้ำ ไม่ชัวร์นายกฯ ลงพื้นที่ เผยจีนพร้อมเผยข้อมูลอุยกูร์ที่ถูกส่งตัว รับเป็นประเทศกลางจึงต้องส่งไปต้นทาง

วันนี้ (16 ก.ค.) ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการแก้ปัญหาภัยแล้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้สั่งการ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และย้ำถึงมาตรการการแก้ปัญหาภัยแล้ง โดยนายกฯ เป็นห่วง 2 กรณี คือ 1. ปริมาณน้ำที่มีน้อย ซึ่งอยากให้มีการจัดลำดับความเร่งด่วนในการใช้น้ำ และ 2. ห่วงความรู้สึกของเกษตรกร

พล.ต.สรรเสริญกล่าวด้วยว่า จากมีมติ ครม.ที่เห็นควรให้มีการปรับลดการระบายน้ำ จากวันละ 28 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวัน ลดลงวันละ 2 ล้าน ลบ.ม. จนถึง 18 ล้าน ลบ.ม. วันนี้จะเป็นวันแรกในการลดปริมาณการปล่อยน้ำ โดยน้ำที่ปล่อยออกมาจะแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 1. น้ำที่ใช้สำหรับการอุปโภคบริโภค 2.น้ำที่ใช้ดูแลระบบนิเวศ รวมถึงการนำน้ำมาผลิตเป็นน้ำประปา และสุดท้ายคือส่วนที่ต้องดูแลในภาคการเกษตร ดังนั้นรัฐบาลจึงปรับแผนลดปริมาณน้ำเพื่อให้เพียงพอจนถึงกลางเดือนสิงหาคม

“วันนี้ฝ่ายปกครองจะลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกร ว่าตั้งแต่วันนี้จนถึงช่วงที่ฝนตกตามฤดูกาลหรือช่วงกลางเดือนสิงหาคม จึงขอความร่วมมือไม่ให้เกษตรกรสูบน้ำไปใช้ในภาคเกษตรอย่างเด็ดขาด จะใช้เฉพาะการผลิตน้ำประปา เพื่อรองรับการทำน้ำอุปโภคบริโภคเท่านั้น” รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว

พล.ต.สรรเสริญกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ทหารลงพื้นที่ชี้แจงและทำความเข้าใจกับเกษตรกรก็มีสัญญาณที่ดี เกษตรกรเข้าใจและแสดงความเสียใจที่เคยสูบน้ำไปใช้ในการเกษตร เพราะไม่ทราบว่าจะมีกระทบต่อการผลิตน้ำประปา ล่าสุดเกษตรกรยกเครื่องมือสูบน้ำออกจากแหล่งสูบน้ำทั้งหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม เกษตรกรไม่ต้องเป็นกังวล เพราะรัฐบาลได้สั่งการให้ผู้เกี่ยวข้องลงพื้นที่พร้อมกับประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรแล้วว่ามีจำนวนเท่าไหร่ และจะได้นำข้อมูลมาช่วยเหลือเกษตรกร ทั้งนี้ยืนยันว่ารัฐบาลเพียงแค่ขอความร่วมมือ และไม่ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ไปไล่จับเกษตรกร รัฐบาลไม่อยากให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวว่าเกษตรกรอยากได้น้ำ แต่อยากให้นำเสนอถึงการขอความร่วมมือมากกว่า

“น้ำกินน้ำใช้มีความสำคัญมากกว่าน้ำภาคการเกษตร ถ้าในภาคเกษตรในอนาคตเกิดความเสียหาย รัฐบาลก็พร้อมที่จะรับผิดชอบ นายกฯ เองเป็นห่วงความรู้สึกของพี่น้องเกษตรกร ส่วนชาวนาบางพื้นที่ที่ไม่เข้าใจว่ารัฐบาลไม่ให้สูบน้ำนั้น ทาง พล.อ.อนุพงษ์ได้สั่งการให้ผู้ว่าไปชี้แจงแล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดเองเองก็จะสั่งการลงไปในฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ทหารให้ชี้แจงเป็นรายครอบครัวไปเลย อยากให้เกษตรกรจัดลำดับความสำคัญและความเร่งด่วนในการใช้น้ำ ผมเชื่อมั่นว่าพี่น้องเกษตรกรจะเข้าใจว่าน้ำอุปโภคบริโภคนั้นสำคัญกว่าน้ำภาคการเกษตร” พล.ต.สรรเสริญกล่าว และว่า เชื่อว่าจากนี้ไปจะไม่พบปัญหาเกษตรกรลักลอบสูบน้ำ แต่ถ้าใครพบเห็นก็สามารถแจ้งที่ศูนย์ดำรงธรรมได้ทันที ส่วนระยะเวลาในการห้ามสูบน้ำของเกษตรกรนั้น เรายังกำหนดชัดเจนไม่ได้ แต่เชื่อว่าจะอยู่ในช่วงไม่เกิดปลายเดือนสิงหาคม

ผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ที่ประสบปัญหาภัยแล้งหรือไม่ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า เนื่องจากรัฐบาลมีเวลาจำกัดและมีปัญหาหลายเรื่องเข้ามา นายกฯ จึงสั่งการให้รองนายกฯ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปก่อน ส่วนนายกฯ จะพยายามหาเวลาในการลงไปดูพื้นที่จริงต่อไป

พล.ต.สรรเสริญยังเปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีนายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เดินทางไปตรวจเยี่ยมชาวอุยกูร์จำนวน 109 คน ที่ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 15-17 ว่า ทางประเทศจีนขอขอบคุณประเทศไทยไทยที่ไทยปฏิบัติตามข้อกฎหมาย และพร้อมที่จะเปิดเผยข้อมูลการดูแลชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งตัวไปว่า ทางการจีนปฏิบัติกับคนเหล่านั้นอย่างไร ส่วนใครที่มีหมายจับก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เมื่อจีนเปิดเผยข้อมูลนี้ก็จะทำให้สังคมเกิดความสบายใจ

พล.ต.สรรเสริญกล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม ไทยเป็นห่วงว่าปัญหาชาวอุยกูร์เป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศ แต่เราเป็นเพียงประเทศกลางทางจึงจำเป็นต้องส่งไปยังประเทศต้นทาง หากเราไม่ส่งไปยังประเทศต้นทางก็จะทำให้ไทยเป็นประเทศที่ก่อเหตุร้ายและมีผู้ที่กระทำผิดหลบหนีอยู่


กำลังโหลดความคิดเห็น