ไม่ล้มมวย! เอราวัณ 1 “นวยนิ่ม” เขียนถึง “อดีตเอราวัณ 1” พี่แจ๊ดปืนจิ๋ว ย้ำไม่ใส่ความ (ล้างแค้น) หรือล้มมวย ด้าน ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ จ่อเรียก “บิ๊กแจ๊ด” สอบปมพกปืนขึ้นเครื่องบินศุกร์นี้ ด้าน“อัยการสูงสุด” รอ “ผบ.ตร.” ขยับ ประสานขอสำนวนจากญี่ปุ่น
วันนี้ (15 ก.ค.) มีรายงานว่า ภายหลัง พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 และคณะพนักงานสอบสวนข้อเท็จจริง คดี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ หรือ บิ๊กแจ๊ด ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น. พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ไปประเทศญี่ปุ่น เป็นความผิดภายในประเทศไทยหรือไม่ โดย พล.ต.ท.อำนวย เตรียมประสานอัยการไทย ขอข้อมูลให้ปากคำของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ที่ให้ไว้กับอัยการประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งอาวุธปืนที่ถูกตรวจยึดเพื่อใช้ประกอบการสอบสวน
นายวันชัย รุจนวงศ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และอธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานอัยการสูงสุด ยังไม่ได้รับการประสานใด ๆ จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่หากได้รับหนังสือจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่จะประสานขอข้อมูลคำให้การ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จากประเทศญี่ปุ่นแล้ว ตามขั้นตอนก็ต้องมีการแปลเอกสารและคำขอต่าง ๆ ที่จะขอความร่วมมือจากทางการญี่ปุ่นจากภาษาไทย เป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด โดยการส่งหนังสือก็จะเป็นไปตาม พ.ร.บ. ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญาระหว่างประเทศ พ.ศ. 2535 ที่จะมีอัยการสูงสุดลงนามในฐานะผู้ประสานงานกลาง หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดลงนาม แล้วส่งต่อผ่านวิถีทางการทูตด้วยการส่งหนังสือและคำขอไปยังกระทรวงการต่างประเทศของไทย เพื่อส่งเอกสารทุกอย่างไปยังทางการญี่ปุ่น
โดยระยะเวลาในการดำเนินการก็เป็นไปตามขั้นตอน อาจจะใช้เวลาก็ช่วงแปลเอกสารและการรวบรวมเอกสารประกอบคำร้องขอ ส่วนจะได้รับข้อมูลจากทางการญี่ปุ่นเมื่อใดก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทางการญี่ปุ่น ซึ่งทางปฏิบัติระหว่างประเทศเราก็ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว จึงคาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาในการประสานขอข้อมูลคำให้การ ขณะที่ขั้นตอนต่าง ๆ ก็เป็นไปตามกฎหมายที่ใช้ทั่วไปอยู่แล้ว ไม่มีอะไรพิเศษที่จะให้เกิดความเคลือบแคลงระแวงสงสัยใด ๆ
มีรายงานว่า พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้ออกแถลงการณ์ถึงข้าราชการในสังกัดตำรวจภูธรภาค 1 จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวเรื่อง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เดินทางกลับถึงประเทศไทย และ พล.ต.ท.อำนวย ต้องทำหน้าที่ในการสอบข้อเท็จจริง เรื่อง อาวุธปืน
โดยเนื้อหาของแถลงการณ์ นั้น ระบุว่า
“เอราวัณ 1 ขอทำความเข้าใจไว้ตรงนี้ว่า เรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงที่มีอยู่แล้ว มีอยู่จริง พนักงานสอบสวน มีหน้าที่เพียงรวบรวมข้อเท็จจริงดังกล่าวให้ครบถ้วนเท่านั้น ไม่สามารถใส่ความ (ล้างแค้น) หรือล้มมวย (เอาข้อเท็จจริงออก) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คดีนี้มีความพิเศษเพราะเป็นคดีที่กระบวนการยุติธรรมสองประเทศ (ไทย - ญี่ปุ่น) ถ่วงดุลกันอยู่ ประชาชน และสื่อมวลชนให้ความสนใจอย่างมาก คงมีการตรวจสอบของภาคเอกชนติดตามอย่างใกล้ชิด และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิญญาณของพนักงานสอบสวน คนในกระบวนการยุติธรรม ต้องตัดเอาความโลภ โกรธ หลง ออกจากความรู้สึกในการทำงาน ต้องทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ แต่ต้องให้เกียรติให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหา หรือผู้ต้องหา อย่างเต็มที่
เอราวัณ 1 ลงเรื่องนี้มาเพื่อให้พนักงานสอบสวน ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน และทำความเข้าใจกับพวกเราทุกคน เพราะ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เคยเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของ ภ.1 ที่หลายคนให้ความเคารพ”
มีรายงานด้วยว่า พล.ต.ต.ธนา ชูวงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ กำลังรอเอกสาร และสำนวนจากประเทศญี่ปุ่น และหากสำนวนมาถึงจะเชิญ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ มาสอบสวนทันที เบื้องต้น มีรายงานว่า น่าจะภายในวันศุกร์ที่ 17 ก.ค. นี้ ซึ่งจะต้องตรวจสอบว่าอาวุธปืนดังกล่าวเล็ดรอดนำขึ้นเครื่องบินออกจากประเทศไทยได้อย่างไร และเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดหรือไม่.