รองประธาน กมธ.ยกร่างฯ เผยความคืบหน้าปฏิรูปขจัดโกง ได้บัญญัติแนวทางป้องกันในรัฐธรรมนูญ เปิดช่องให้ประชาชนยื่นฟ้องนักการเมือง-เจ้าหน้าที่รัฐ ผ่าน คตง.-ป.ป.ช.ก่อนชงศาลปกครองแผนกวินัยการคลังฯ วินิจฉัยไม่ชักช้า ทันยุติความเสียหาย อนาคตเล็งมีศาลคดีทุจริต เชื่อแก้โกงได้ดี
วันนี้ (14 ก.ค.) ที่โรงแรมเอเชีย พัทยา จังหวัดชลบุรี ชูชัย ศุภวงศ์ รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ และประธานอนุกรรมาธิการศึกษาเตรียมการจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปฏิรูปประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าและแนวทางในการปฏิรูปและขจัดปัญหาคอรัปชั่น ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยว่า ที่ผ่านมามีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้จ่ายเงินแผ่นดินที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ชาติบ้านเมืองอย่างร้ายแรง แต่ไม่มีกลไกใดที่สามารถยับยั้งหรือป้องกันการกระทำดังกล่าวอย่างทันการณ์ ด้วยเหตุดังกล่าว ทาง กมธ.ยกร่างฯ จึงได้ร่วมกันบัญญัติแนวทางในการป้องกันปัญหาการทุจริตและคอร์รัปชันไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปว่า “ในกรณีที่มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐได้กระทำการดังกล่าว วิญญูชนหรือผู้รู้ผิดรู้ชอบเห็นว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐอย่างร้ายแรง สามารถยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินโดยความเห็นชอบของ คตง. หรือ ป.ป.ช. อาจไต่สวนข้อเท็จจริงและสรุปสำนวนยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง แผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ และให้ศาลวินิจฉัยโดยไม่ชักช้า ทำให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถหยุดยั้งความเสียหายแก่รัฐอย่างร้ายแรงได้”
นพ.ชูชัยกล่าวต่อว่า นอกเหนือจากการจัดตั้งให้มีแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณเพื่อปกป้องเงินของแผ่นดินแล้ว กมธ.ยกร่างฯ ยังเห็นชอบในหลักการว่า แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่ของรัฐในศาลอาญาที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นโดยประกาศคณะกรรมการบริหารยุติธรรมเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2558 ที่ผ่านมา ต่อไปในอนาคตเมื่อมีคดีทุจริตในปริมาณที่มากพอ สามารถยกระดับเป็นศาลคดีทุจริตฯ ต่อไป กลไกใหม่ดังกล่าวข้างต้นเป็นการปฏิรูปโครงสร้างระบบขจัดคอร์รัปชันที่สำคัญ เชื่อว่าจะช่วยแก้ปัญหาการคอร์รัปชันในสังคมไทยได้ดีทีเดียว