“ประยุทธ์” ประชุม คตช. เผยเดินหน้าปราบโกงหลายมิติ แต่มีปัญหาขาดความเชื่อใจ ปชช.ยังขัดแย้ง ต้องทำให้สงบก่อน ด้านประธาน คตร.เผยหลังประชุมนายกฯ กำชับแก้โกงยั่งยืน ให้กระทรวงยุติธรรมบูรณาการงบปราบโกงทุกกระทรวงเข้าด้วยกัน เลขาฯ ป.ป.ท.แจง คตช.เห็นชอบ 3 มาตรการปราบโกง ศอตช.คอยเกาะติด เผยความคืบหน้าสอบข้าราชการเอี่ยวโกงรอบ 1-2 สอบอยู่เอาผิดบางแล้ว รับนายกฯ สั่งเร่งรอบสามยังไม่พิจารณา
วันนี้ (13 ก.ค.) ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) มีรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ หน่วยงานราชการ และภาคเอกชนเข้าร่วม ภายหลังการประชุม พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ในฐานะเลขานุการ คตช.แถลงว่า นายกฯ ต้องการให้การแก้ปัญหาการทุจริตต่อเนื่องและยั่งยืน ไม่ใช่จบในรัฐบาลชุดนี้ โดยวางรูปแบบ โครงสร้าง ให้กระทรวงยุติธรรมบูรณาการงบประมาณปราบปรามการทุจริตที่ทุกกระทรวงมีอยู่เข้าด้วยกัน และที่ประชุม คตช.มีแนวคิดตั้งกองทุน โดยจะของบฯ จากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
ด้านนายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการ ป.ป.ท.กล่าวว่า ที่ประชุม คตช.เห็นชอบมาตรการปราบปรามการทุจริต 3 เรื่อง คือ 1. ยกระดับการบังคับใช้มาตรการทางปกครองและวินัย ต่อไปหากศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) พบการกระทำผิดในหน่วยงานราชการใดจะแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาการหน่วยงานนั้นดำเนินการลงโทษทางปกครองและวินัย แต่หากแจ้งไปแล้วผู้บังคับบัญชายังไม่ดำเนินการ ศอตช.จะใช้กระบวนการทางกฎหมายที่มีอยู่ไปกระตุ้น แต่ถ้ายังเฉยอยู่อีก จะเสนอให้นายกฯดำเนินการ 2. ศอตช.จะใช้มาตรการทางภาษีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำความผิด รวมถึงเอกชนที่เสนอขายสินค้าหรือบริการให้กับภาครัฐ แต่ไม่ดำเนินการทางภาษีให้ถูกต้อง และ 3. ศอตช.จะติดตามและรับเรื่องร้องว่ามีหน่วยราชการใดไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 21 ก.ค.นี้
เลขาธิการ ป.ป.ท.กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการตรวจสอบข้าราชการที่พัวพันการทุจริตในรอบที่ 1 และ 2 อยู่ระหว่างการตรวจสอบของหน่วยงานต้นสังกัด ดำเนินการทางวินัยไปบางส่วนแล้ว ซึ่งนายกฯ ให้เร่งสอบให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ข้าราชการที่สอบแล้วไม่มีส่วนเกี่ยวจะได้กลับไปดำรงตำแหน่งเดิม ส่วนใครทุจริตจริงจะได้ลงโทษทางวินัยและแต่งตั้งบุคคลอื่นเข้าไปดำรงตำแหน่งแทน ส่วนการพิจารณารายชื่อข้าราชการที่พัวพันการทุจริตรอบที่ 3 ยังไม่ได้พิจารณา ส่วนการเพิ่มบทบัญญัติการลงโทษแก่เจ้าหน้ารัฐที่กระทำความผิดกรณีทุจริต สูงสุดถึงขั้นประหารชีวิตตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 3 นั้น ความจริงโทษประหารชีวิตมีอยู่แล้ว เพียงแต่เพิ่มบทลงโทษในส่วนเจ้าหน้าที่รัฐต่างประเทศ หรือเจ้าหน้าที่ขององค์กรระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นมาเท่านั้น