นายกรัฐมนตรีแสดงความไม่พอใจกรณีนานาชาติ-องค์กรสิทธิมนุษยชนตำหนิกรณีไทยส่งชาวอุยกูร์กลับจีน ยันคำนึงกฎหมายระหว่างประเทศแต่ต้องดูกฎหมายไทยด้วย ชี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน แจงรัฐบาลรับภาระไม่ไหว ดูแลมากี่ปีจนออกลูกออกหลาน ย้ำจีนบอกจะดูแลความปลอดภัยให้ ไปดูว่าลงโทษจริงไหม เตือนอย่าไปทำลายสถานทูตตอบโต้ บอกไทยกับตุรกีไม่ใช่คู่ขัดแย้ง
วันนี้ (10 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 11.10 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์กรณีหลายประเทศและองค์กรต่างๆ ออกมาตำหนิทางการไทยที่ส่งชาวอุยกูร์ส่วนหนึ่งกลับไปประเทศจีนว่า ใครประท้วงแล้วเวลามีปัญหากับที่อื่น ไทยเคยประท้วงคนอื่นบ้างหรือไม่ ไทยเคยประท้วงเขาบ้างไหม เวลาที่มีการทำอะไรให้ประเทศเสียโอกาส เขาเคยชี้แจงแทนรัฐบาลบ้างไหม สื่อเองก็ไม่เคยชี้แจงแทนประเทศ
อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวได้พูดไปแล้วว่าอะไรถูกหรือผิด โดยเราต้องปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ในฐานะที่เรามีพันธะสัญญาและกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งมีทั้งประเทศตุรกีและจีน ถามว่าถ้าเราทำอะไรไม่เป็นธรรมได้หรือไม่ ซึ่งวันนี้เหตุประท้วงที่ประเทศตุรกี ที่มีการทำลายสถานกงสุลไทย แล้วประเทศอื่นโดนด้วยหรือไม่ รู้หรือไม่ว่าเขาทำลายสถานทูตจีนไปแล้ว
“เรื่องนี้ต้องดูว่าอะไรคือผลประโยชน์ของชาติ กฎหมายระหว่างประเทศเราทำทุกอย่าง แต่ก็ต้องดูกฎหมายของไทยด้วย ต้องดูว่าที่เข้ามาในประเทศไทยนั้น เข้ามาอย่างไร เป็นการอพยพมาหรือไม่ เมื่อหนีมาแล้วเข้าประเทศได้อย่างไร การหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายหรือไม่ และกฎหมายที่กระทำต่อผู้หลบหนีเข้าเมืองจะต้องทำอย่างไร ทั้งนี้ ก็ต้องจับตัวไว้ก่อน ส่วนกรณีดังกล่าวซึ่งมีความละเอียดอ่อนอยู่แล้ว เมื่อมีความละเอียดอ่อนและอ่อนไหว ดังนั้น สื่อต้องระมัดระวังในการนำเสนอ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ได้พยายามชี้แจงทำความเข้าใจ รัฐบาลเองก็พยายามขอร้องและพยายามพูด แต่พูดมากนักก็ไม่ได้ เพราะมีผลกระทบต่อทั้งสองประเทศ ขณะเดียวกันประเทศไทยก็จะเสียผลประโยชน์ด้วย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สิ่งที่ต้องดู คือ 1. คนเหล่านี้ทำผิดกฎหมายหรือไม่ 2. คนเหล่านี้มีชาติกำเนิดอย่างไร เพราะแม้ว่าจะเป็นประเทศใดที่หลบหนีเข้าเมืองก็ถือว่าผิดกฎหมาย ขั้นตอนต่อไปของกฎหมายทุกประเทศคือการพิสูจน์สัญชาติ เมื่อพิสูจน์แล้วว่าใครอยู่ที่ไหนก็ส่งกลับไป หากมีกรณีความผิดต้องส่งกลับประเทศหรือไม่ หรือจะให้ไปไหนก็ได้หรืออย่างไร ก็ต้องไปหาทางคุยกันให้ได้ ทั้งอุยกูร์ จีน ตุรกี โดยต้องหาทางแก้ปัญหาร่วมกัน เพราะรัฐบาลไทยไม่สามารถรับภาระเหล่านี้ได้อีกต่อไป แต่โดยขั้นต้นเราสามารถดูแลได้ เพราะเรารับดูแลมากี่ปีแล้ว จนมีลูกมีหลานเยอะแยะไปหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายประเทศไม่มั่นใจในความปลอดภัยเมื่อส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ประเทศจีนบอกจะดูแลความปลอดภัยให้ ผมก็พูด ทำไมต้องถามซ้ำ ถ้าอยากรู้ก็ไปถามจีนเขาสิ เพราะจีนรับรองมากับฝ่ายความมั่นคงแล้ว ว่าจะดูแลความปลอดภัยให้ดีที่สุด โดยคนที่เราส่งตัวกลับไปเขาจะพิสูจน์เพื่อทราบอีกครั้งหนึ่ง ว่าเกี่ยวข้องกับคดีต่างๆ หรือไม่ ถ้าไม่เกี่ยวข้องเขาก็จะปล่อยหมด โดยจีนพร้อมที่จะให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ของไทย และองค์กรระหว่างประเทศเข้าไปดูแล ว่าปฏิบัติต่อคนเหล่านี้อย่างไร ในเมื่อแถลงไปแล้วจะเอาอะไรกันอีก ก็ต้องไปดูว่าเขาลงโทษจริงหรือเปล่า ลงโทษถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ และเขายืนยันว่าต้องทำตามกระบวนการยุติธรรม เขาไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อยากจะฝากว่าการที่ไปทำลายสถานทูต และสถานกงสุล มันคงไม่ใช่ เพราะเรายังคงปกป้องทุกคนที่อยู่ในประเทศ และเมื่อวานนี้ก็ได้ส่งคนไปดูแลสถานทูตตุรกีในไทยแล้ว นี่คือบทบาทที่ไทยจะต้องยืนยันในหลักการของเรา ไทยกับตุรกีไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกันเลย ทูตของตุรกีก็บอกว่าพร้อมจะลงทุนกับรัฐบาล แล้วมีเหตุผลใดที่ตนจะต้องไปทำลายการลงทุนระหว่างไทยกับตุรกี หรืออยากให้ตนทำลายความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนด้วย จะให้ตนเลือกทางใด จะเอาอย่างไร คนทั้งประเทศตอบมา
เมื่อถามว่า คิดว่าทำไมท่าทีของต่างประเทศถึงให้ความสำคัญกับการส่งผู้อพยพกลับจีน มากกว่าการทำลายสถานกงสุลของไทย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มาตรฐานของต่างประเทศเขาดูด้วยโลกปัจจุบัน หลักสิทธิมนุษยชน ต้องถามว่าเขาได้มาดูคนอพยพทั้งหมดแสนสี่ หรือสี่แสนเมื่อ 30 ปีก่อนเหมือนเราหรือไม่
“ใครประท้วงเรา ใครที่ยื่นว่าเราทำอย่างโน้นอย่างนี้ ว่าไม่ถูกต้อง ใคร ก็ยูเอ็นเอชซีอาร์ (สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ) นั่นหละ ดูให้มันครบสิ ผมไม่ได้ไปทะเลาะกับใคร จะให้ผมไปทะเลาะกับนี่กับโน่นบ้าง ทะเลาะแล้วถามว่าประเทศได้อะไร ก็ไม่เห็นได้อะไรสักอย่าง สื่อต้องช่วยผม คลายปัญหาเหล่านี้ ด้วยหลักการของกฎหมายไทย กฎหมายระหว่างประเทศ สิทธิมนุษยชน ดูทุกอัน บวกกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยสองถึงสามประเทศนี้ เป็นมิตรที่ดีต่อกันหมด แล้วจะให้รบกันหรืออย่างไร หรือจะพ่วงเรื่องศาสนาเข้าไปอีก ของเก่ายังแกะกันไม่ออก ปัญหาเยอะแยะไปหมด ทำไมต้องสร้างปัญหา รัฐบาลต้องทำงาน พอบอกว่าดูแลไม่ดี คนแออัด แล้วถามว่าได้ส่งคนเหล่านี้ไปตุรกีด้วยหรือไม่ ก็ส่งไปก่อนอีก แล้วจะเอาอะไรอีก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ปวดหัวกับปัญหานี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยบอกว่า “อย่ามาถามผม” ก่อนยุติการสัมภาษณ์ด้วยอารมณ์โมโห