รองโฆษกรัฐเผยไทยส่งชาวอุยกูร์กลับจีน เป็นความร่วมมือไทย-จีน-ตุรกี ชี้หลบหนีเข้าไทยพิสูจน์สัญชาติจึงส่งกลับ คาดเกิดปัญหาการรับรู้จึงก่อเหตุบุกทำลายสถานกงสุลไทย ยันยึดหลักสากลดูแลตามหลักมนุษยธรรม เตือนคนไทยในตุรกีให้ระวังตัว ประสานดูแลความปลอดภัย รับ “ประยุทธ์” ห่วง เล็งคุยผู้นำตุรกี
วันนี้ (9 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวอย่างเป็นทางการภายหลังเกิดเหตุชาวอุยกูร์บุกทำลายสถานกงสุลไทยในกรุงอิสตันบูล ประจำประเทศตุรกี เพราะไม่พอใจทางการไทยที่ส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนว่า การส่งชาวอุยกูร์ไปยังประเทศตุรกีและจีนนั้นเป็นความร่วมมือกัน 3 ประเทศ ระหว่างไทย จีน และตุรกี เนื่องจากมีชาวอุยกูร์หลบหนีเข้ามายังประเทศไทยซึ่งเราดูแลมาเป็นปีแล้ว มีการพิสูจน์สัญชาติว่าเป็นชาวตุรกีและไม่มีคดีความ ประมาณ 170 คน ส่งกลับไปแล้วเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เป็นสัญชาติจีนประมาณ 100 คน ส่งกลับไปเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม และยังอยู่ระหว่างการพิสูจน์สัญชาติอีกประมาณ 50 คน ซึ่งจะดำเนินการพิสูจน์สัญชาติต่อไป
พล.ต.วีรชนกล่าวต่อว่า สำหรับเหตุการณ์ประท้วงที่ประเทศตุรกีนั้นอาจเป็นเพราะปัญหาการสร้างความรับรู้ เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ยืนยันว่าในระดับรัฐบาลมีความเข้าใจกันดี ดังนั้นเมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นก็ต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชน และยืนยันว่าเรายึดการดำเนินการตามหลักสากล แม้ทางการจีนจะไม่เห็นด้วยในการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับตุรกี แต่เมื่อพิสูจน์สัญชาติแล้วว่าเป็นชาวตุรกีและไม่มีคดีความเราก็ต้องส่งกลับไป ส่วนที่ส่งไปจีนนั้นก็มีการประสานในการดูแลความปลอดภัยให้เป็นไปตามหลักสากลด้วยเช่นกัน ยืนยันว่าที่ผ่านมาไทยได้ดูแลบุคคลเหล่านี้ตามหลักมนุษยธรรม เหมือนชาติพันธุ์อื่นๆ ที่มาอยู่ในไทย ไม่มีการละเมิดหรือขัดหลักกติกาสากล อย่างไรก็ตาม สำหรับคนไทยในตุรกีที่มีอยู่ 1,300 คน ได้แจ้งเตือนให้มีการระมัดระวังตัว ในช่วงที่กำลังทำความเข้าใจ พร้อมทั้งประสานทางตุรกีให้ดูแลความปลอดภัยทั้งหมดด้วย เชื่อว่าเราคงแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ เนื่องจากรัฐบาลมีความเข้าใจกัน โดยนายกรัฐมนตรีได้มีความห่วงใย ทั้งคนไทยและเจ้าหน้าที่สถานทูตได้กำชับให้กระทรวงการต่างประเทศดูแลความปลอดภัย พร้อมกันนี้กระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างการประสานให้นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับผู้นำประเทศตุรกีถึงปัญหาที่เกิดขึ้น