เปิด “ยุทธศาสตร์ชาติ” ระยะ 20 ปี “ทหาร” ตบเท้านั่ง “คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ” พรึ่บ! ครม. บิ๊กตู่ มอบ “วิษณุ เครืองาม” แจง สปช. กำหนดแนวทางปฏิรูปให้สอดรับกัน เผยอำนาจกรรมการชุดนี้ เร่งจัดทำร่างยุทธศาสตร์ฯใช้ในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน นำนโยบาย “ปฏิรูป” รัฐบาล 11 ข้อ คสช. 11 ด้าน ประเด็นปฏิรูปของ สปช. 36 กิจกรรม มาใช้เป็นกรอบในการจัดทำ ก่อนชง ครม. เห็นชอบเป็นกรอบระยะ 2 - 3 ใช้ในอนาคต
วันนี้ (30 มิ.ย.) มีรายงานว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นอกสถานที่อย่างเป็นทางการ ที่ จ.เชียงใหม่ ที่ประชุมได้เห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เสนอให้มีการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี
โดยแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ที่มีเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และให้ทุกหน่วยงานจัดส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องสำหรับการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติดังกล่าว ให้คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการดำเนินการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ในระยะ 20 ปี
นอกจากนี้ มอบหมายให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นำกรอบการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติดังกล่าว ไปหารือกับสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เพื่อให้แนวทางปฏิรูปไปในทิศทางเดียวกัน
ทั้งนี้ กรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ประกอบด้วย เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เลขาธิการ ครม. และ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นรองประธาน
องค์ประกอบกรรมการ ประกอบด้วย ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (พลเอก สกล ชื่นตระกูล พลเอก จีระศักดิ์ ชมประสพ และ พลเอก อันนตพร กาญจนรัตน์) เป็นที่ปรึกษา มีเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นรองประธานกรรมการ คณะกรรมการ ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงการคลัง ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา พันเอก ณัฐวุฒิ ภาสุวณิชยพงศ์ พันเอก นิมิตต์ สุวรรณรัฐ ผู้ทรงคุณวุฒิที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง 6 คน (ภาคเอกชน 3 คน และอื่นๆ 3 คน) โดยมีรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้รับมอบหมายและรองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นเลขานุการร่วมที่ได้รับมอบหมาย
สำหรับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ อาทิ จัดทำร่างยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน นำนโยบายรัฐบาล 11 ข้อ ประเด็นปฏิรูปของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ 11 ด้าน และประเด็นปฏิรูปของ สปช. 36 กิจกรรม มาใช้เป็นกรอบในการจัดทำ และให้เสนอร่างยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ให้ ครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อใช้เป็นกรอบการดำเนินงานในระยะที่ 2 ของรัฐบาล และกรอบการปฏิรูปในระยะที่ 3 ต่อไป แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานเพื่อช่วยปฏิบัติงานของคณะกรรมการได้ตามความจำเป็น ดำเนินการอื่นใดตามที่นายกรัฐมนตรี หรือ ครม. มอบหมาย เป็นต้น
ทั้งนี้ ให้ทุกหน่วยงานจัดส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องสำหรับการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ให้คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการดำเนินการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) นำกรอบการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ไปหารือกับสภาปฏิรูปแห่งชาติ เพื่อให้แนวทางปฏิรูปดำเนินไปในทิศทางเดียวกันและมอบหมายให้ สลค. และ สลน. จัดทำแนวทางการปรับปรุงกลไกการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลในรูปของคณะกรรมการเพื่อกำกับดูแลในภาพรวมเพื่อเสนอต่อนายกรัฐมนตรีต่อไป
มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ที่ผ่านมา ระหว่างการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. เพื่อพิจารณารับทราบรายงานของคณะกรรมาธิการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน เรื่อง การกำหนดยุทธศาสตร์ชาติและปฏิรูประบบงบประมาณและการคลังท้องถิ่น โดย นายธีรยุทธ์ หล่อเลิศรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน ชี้แจงรายงานต่อที่ประชุมว่า การกำหนดยุทธศาสตร์ชาติจะเน้นปฏิรูปเชิงระบบทั้งในระยะสั้น ระยะยาวที่ต้องมีความยืดหยุ่น สอดคล้องกับแนวทางที่กำหนดในรัฐธรรมนูญ ที่สามารถใช้เป็นแนวทางสำหรับการพัฒนาของภาคเอกชนและภาคประชาชนได้ด้วย เพื่อให้กฎหมายว่าด้วยยุทธศาสตร์ชาติมีประสิทธิภาพ จะต้องกำหนดเป็นร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ชาติที่ดีต้องกำหนดตัววัดที่ชัดเจน ต้องเป็นยุทธศาสตร์ชาติที่เป็นที่ยอมรับของกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากทุกภาคส่วน โดยยุทธศาสตร์ชาติในระยะยาว 20 ปี ต้องเริ่มจากรับฟังข้อเสนอแนะของประชาชน ประกอบการวิเคราะห์ในเชิงวิชาการที่ต้องอาศัยข้อมูลความรู้แบบสหวิชาการทั้งในประเทศ ภูมิภาค และระดับสากล จากนั้นต้องกำหนดแผนยุทธศาสตร์ระยะกลาง 5 ปี ที่อิงตามยุทธศาสตร์ชาติในระยะยาว โดยแผนยุทธศาสตร์ระยะกลางนี้ จะเป็นแผนแม่บทสำหรับหน่วยงานในภาครัฐที่จะเป็นการวิเคราะห์งบประมาณและประมาณการงบประมาณที่จะเน้นการปฏิรูประบบงบประมาณแบบมีส่วนร่วมของประชาชน งบประมาณแบบบูรณาการที่เน้นให้หน่วยงานทำงานร่วมกันมุ่งให้เกิดผลลัพธ์มีคุณค่ามากกว่าต่างหน่วยต่างทำ และงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลลัพธ์ที่จะเป็นระบบงบประมาณที่แสดงความเชื่อมโยงระหว่างทรัพยากรที่ใช้ไปกับผลตอบแทนที่ได้รับ
นายธีรยุทธ์ ชี้แจงว่า ในส่วนของการบริหารการคลังของส่วนท้องถิ่น จะต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ โดยกระบวนการจัดทำงบประมาณท้องถิ่นแบบใหม่ จะแบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ ระดับจังหวัด และระดับต่ำกว่าจังหวัด มีแนวคิดสำคัญ คือ การบริหารแบบเน้นจากล่างขึ้นบน ประชาชนจะเข้ามามีบทบาท เพิ่มความเป็นอิสระทางการคลังในการหารายได้ เช่น ให้ท้องถิ่นจัดเก็บภาษีเอง ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพและความโปร่งใสในการใช้จ่าย เน้นรักษาดุลการคลัง
ทั้งนี้ กระบวนการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูประบบงบประมาณทั้งหมดนี้จะเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นสำคัญ และมีระบบการติดตามประเมินผลอย่างเข้มข้น โดยดำเนินการผ่านกลไกการบริหารจัดการยุทธศาสตร์ชาติ ที่มีสภายุทธศาสตร์ชาติ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ และสำนักงานคณะกรรมการสภายุทธศาสตร์ชาติรองรับภารกิจ
ด้าน สมาชิก สปช. เห็นด้วยที่จะให้มียุทธศาสตร์ชาติ โดยเชื่อว่าจะช่วยให้การเดินหน้าประเทศเกิดผลเป็นรูปธรรม พร้อมเสนอแนะให้ลดขนาดของภาครัฐให้เหมาะสมกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ และต้องกำหนดพื้นที่ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ให้ชัดเจน รวมถึงให้เพิ่มงบยุทธศาสตร์เป็นพิเศษให้กับจังหวัดเพื่อให้การปฏิรูปเดินหน้าอย่างคล่องตัว
อย่างไรก็ตาม สมาชิก สปช. ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ควรดึงองค์กรที่มีอยู่แล้วหลายองค์กรมารองรับภารกิจ เช่น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มาทำหน้าที่หลักในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ และให้สภายุทธศาสตร์ชาติ ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานวางแผนความคิดจะเหมาะสมกว่าหรือไม่.
