คน มมส. เฮ! ต่อสู้มา 2 ปี หนุน คำสั่ง คสช. ยุติบทบาท “ศุภชัย สมัปปิโต” ผู้รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ออกแถลงการณ์ระบุ นับเป็นการปลดล็อคปัญหาและขจัดสิ่งคลุมเครือในมหาวิทยาลัย
วันนี้ (27 มิ.ย.) มีรายงานว่า ในการประชุมสภามหาวิทยาลัยมหาสารคาม ครั้งที่ 6/2558 (เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.) ณ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ กรุงเทพมหานคร ตัวแทน สภาคณาจารย์ บุคลากร และนิสิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งที่ 19/2558 และประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้ “นายศุภชัย สมัปปิโต” ผู้รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม พ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558 ที่ผ่านมา โดยมีการยื่นเรื่องแก่ นายปัญญา ถนอมรอด นายกสภามหาวิทยาลัยมหาสารคาม ด้วย
แถลงการณ์ระบุว่า ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วิรัติ ปานศิลา ประธานสภาคณาจารย์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวขอบคุณ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และนายกรัฐมนตรี ที่มีคำสั่งให้ นายศุภชัย สมัปปิโต ผู้รักษาราชการพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ผู้รักษาการแทนอธิการบดี ซึ่งนับเป็นการปลดล็อคปัญหาและขจัดสิ่งคลุมเครือในมหาวิทยาลัย
ทั้งนี้ การที่ นายศุภชัย สมัปปิโต อยู่ในตำแหน่งผู้รักษาการแทนอธิการบดีมา 2 ปี ทั้งๆ ที่ระเบียบให้เพียงแค่ 6 เดือน จนมีคำสั่งพ้นจากตำแหน่งนั้นในที่สุด อาจเป็นผลมาจากกรณีต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. กรณีโครงการสร้างอาคารวิทยพัฒน์ คณะศึกษาศาสตร์ จำนวน 88 ล้านบาท มีบริษัทอาจจะไม่มีตัวตนขึ้นมารับงาน ไม่มีการค้ำประกัน ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินราชการ
2. กรณีการเบิกจ่ายเงินค่าพิเศษอธิการบดีจำนวนเงินกว่า 2 ล้านบาท เมื่อเรื่องดังกล่าวถูกนำเข้าสภามหาวิทยาลัย กลับเห็นว่าเป็นไปได้ชอบ
3. กรณีก่อสร้างศูนย์กีฬาและนันทนาการ มีการยกเลิกสัญญาเพราะผู้รับเหมาทิ้งงาน จากการถูกรวบงวดงานให้เหลือเพียง 10 งวด จาก 20 งวด โดยก่อนเลิกสัญญาได้มีการจ่ายค่าจ้างให้กับผู้รับเหมาเป็นจำนวนเงินกว่า 50 ล้านบาท ที่เกินผลงานที่ผู้รับจ้างส่งมอบไปกว่า 7 ล้านบาท
4. กรณีการโยกย้ายเงินรายได้มหาวิทยาลัยกว่า 3,000 ล้านบาท ไม่ผ่านคณะกรรมการมหาวิทยาลัย
5. กรณีการใช้ผลงานวิชาการเพื่อประกอบการยื่นเรื่องขอตำแหน่งทางวิชาการ โดยเอาผลงานวิชาการที่มีชื่อว่า Analysis of Anthocyanin,Flavonoids,and Phenolic Acid in Tropical Bignay Berries ให้เป็นของตัวเอง และขณะนี้ทางวารสารระดับชาติที่ตีพิมพ์ผลงานดังกล่าวได้ถอนการตีพิมพ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
6. กรณีการแต่งตั้งบุคลากรของมหาวิทยาลัย ส่อขาดหลักธรรมาธิบาลหรือไม่ อยู่ในระหว่างการพิจารณาไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันเเละปราบปรามการทุจริตเเห่งชาติ (ป.ป.ช.)
“อีกทั้งยังมีข้อเรียกร้องต่อสภามหาวิทยาลัย โดยเฉพาะนายกสภามหาวิทยาลัย และผู้แทนกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิที่ยังไม่ได้โปรดเกล้าฯ และยังทำหน้าที่อยู่ ให้มีจิตสำนึกต่อความเสียหายและรับผิดชอบต่อความผิดพลาดดังกล่าว โดยการลาออก และเสนอให้ คสช. ปฏิรูปและตั้งคณะกรรมการมหาวิทยาลัยชุดใหม่ที่มีความเหมาะสมต่อไป”
มีรายงานว่า เมื่อปี 2556 นายปัญญา ถนอมรอด อดีตประธานศาลฎีกา ซึ่งเป็นประธานและนายกสภามหาวิทยาลัยมหาสารคาม มีมติเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2556 เลือก นายศุภชัย สมัปปิโต รักษาการอธิการบดี มมส. เป็นอธิการบดีต่ออีกหนึ่งสมัย
อย่างไรก็ตาม กลุ่มอาจารย์และบุคลากรใน มมส. ได้ยื่นหนังสือถึง นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาธิการ กกอ.) เพื่อคัดค้านการแต่งตั้งอธิการบดี มมส. เนื่องจากเห็นว่า นายศุภชัย คุณสมบัติไม่เหมาะสม เนื่องจากถูกตั้งกรรมการสอบวินัย มีพฤติกรรมร่วมกับพวกฉ้อราษฎร์บังหลวง เป็นเหตุให้ราชการเสียหาย ถูกตรวจสอบ และชี้มูลความผิดจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สำนักตรวจสอบพิเศษภาค 7 กรณีการก่อสร้างอาคารของคณะศึกษาศาสตร์และกรณีการเบิกค่าตอบแทนตำแหน่งอธิการบดีเกินจำนวนที่สภามหาวิทยาลัยอนุมัติ โดยไม่มีระเบียบรองรับ ขณะเดียวกัน ทางกลุ่มอาจารย์และบุคลากร มมส.ยังเห็นว่า กระบวนการสรรหาอธิการบดีมีความไม่โปร่งใส ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยขณะนี้ นายอภิชาติ ได้มีหนังสือถึงสภา มมส.ขอให้ตรวจสอบการคัดค้านการแต่งตั้งอธิการบดี มมส. ให้ได้ข้อยุติ และแจ้งให้ สกอ. รับทราบ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาเสนอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป
ขณะที่ ประชาคม มมส. เสรีเพื่อความเป็นธรรมจะออกแถลงการณ์คัดค้านการแต่งตั้งนายศุภชัย เป็นอธิการบดีสมัยที่ 2 โดยเห็นว่าตลอดระยะเวลาที่นายศุภชัยบริหารงาน เกิดปัญหาการทุจริตอย่างต่อเนื่อง ทั้งการทุจริตการก่อสร้างอาคารวิทยพัฒนา คณะศึกษาศาสตร์ ที่มีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริต กรณีการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษอธิการบดีโดยไม่มีระเบียบรองรับ โดยทั้งหมดยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของ สกอ. นอกจากนี้ ยังมีการร้องเรียนว่าการสรรหาอธิการบดีมีความไม่โปร่งใส รวมถึงผู้บริหารมหาวิทยาลัย ยังใช้อำนาจคุกคามเสรีภาพในการแสดงออกของนักศึกษา โดยมีการโทรศัพท์ข่มขู่ผู้ปกครองของนิสิตที่ออกมาเคลื่อนไหว ข่มขู่การแจกเอกสารข้อเท็จจริงของนิสิตเกี่ยวกับปัญหาของ มมส. ต่อประชาคม เป็นต้น.