กว่า 1 ชั่วโมง “ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” แกนนำ คปพ. คุยส่วนตัว “นายทหารศูนย์ปรองดอง” หลังยื่นหนังสือถึง นายกฯค้านร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม และค้านขึ้นภาษีแอลพีจี เผยผ่านเฟซบุ๊ก “ทหารศูนย์ปรองดอง” เชิญคุยอีกรอบ 19 มิ.ย. ศกนี้ เวลา 13.00 น. เพื่อแสดงความเห็น 3 ประเด็น
วันนี้ (17 มิ.ย.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ แกนนำ คปพ. และอดีตโฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้โพตส์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า
“ผมได้ถูกทหารจากศูนย์ปรองดองฯเชิญไปพูดคุยครั้งต่อไป ในวันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 13.00 น. ณ สโมสรทหารบก เพื่อให้ไปแสดงความเห็น 3 ประเด็น คือ 1. คิดเห็นอย่างไรกับการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล 2. คิดเห็นอย่างไรกับรัฐธรรมนูญ 3. ข้อเสนอต่อรัฐบาล และถึงเวลานี้ผมก็ยังไม่ได้รับความชัดเจนถึง “เหตุผลที่แท้จริง” ว่า ทำไมถึงต้องเชิญผมมาให้ความเห็นในเรื่องเหล่านี้”
มีรายงานว่า ในช่วงเช้าวันนี้ (17 มิ.ย.) ระหว่างที่น ายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นำเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่าน นายกมล สุขสมบูรณ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ห้องประชุมชั้น 2 ศูนย์บริการประชาชน ภายในสำนักงาน ก.พ. (ถนนพิษณุโลก) เพื่อคัดค้านและไม่เห็นด้วยกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ปิโตรเลียมฉบับที่...พ.ศ....และ ร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียมฉบับที่ ... พ.ศ....ที่ผ่านการอนุมัติโดยหลักการของคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว เนื่องจาก ร่าง พ.ร.บ. ทั้ง 2 ฉบับนั้น ไม่เคยมีการเผยแพร่ให้ประชาชนทราบก่อน และไม่มีการรับฟังเสียงของประชาชน หรือ มีกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนแต่อย่างใด แต่มีการอนุมัติโดยครม.ไปก่อน
โดยภายหลังการยื่นหนังสือกับที่ปรึกษา รมต.ประจำสำนักนายกฯ ปรากฏว่า มีนายทหารมาเชิญนายปานเทพเพียงคนเดียวให้มาพบที่ห้องประชุมชั้น 3 สำนักงาน ก.พ. โดยใช้เวลาในการพบนายทหารประมาณ 1 ชั่วโมง นายปานเทพ ก็ได้กลับมาที่ห้องประชุมชั้น 2 อีกครั้ง โดยมีมวลชนที่มานั่งรอเต็มห้องประชุม
จากนั้น นายปานเทพ ได้แถลงข่าวโดยมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ช่อง News1 นายปานเทพ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากการประสานนอกรอบตั้งแต่ช่วงกลางคืนของวันอังคารที่ 16 มิ.ย. ซึ่งนายทหารอยากจะคุยกับตนนอกรอบเสียก่อน แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะคุยเรื่องอะไร และไม่ได้นัดหมายกัน และบังเอิญว่านายทหารท่านนี้มาประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลพอดี และตนก็มายื่นหนังสือพอดี ตนเลยจัดเวลาว่าเมื่อยื่นหนังสือเสร็จจะพูดคุยด้วย หาสถานที่พูดคุยไม่ได้จึงขึ้นมาชั้น 3 เพื่อมาพูดคุยกัน ซึ่งได้พูดคุยกันประมาณ 1 ชั่วโมง ไม่ได้มีท่าทีของการข่มขู่ และไม่ได้เป็นการเชิญแบบมีหนังสือเชิญที่เป็นคำสั่งคสช. ดังนั้น ไม่มีอะไรน่ากังวล เป็นการรับฟังความคิดเห็นเฉพาะบุคคลเท่านั้น ส่วนทำไมต้องเชิญตนนั้นตนก็ไม่ทราบ
แต่ทราบว่าคงจะมีอีกหลายคนที่ถูกเชิญแบบนี้เช่นกัน แต่ยืนยันว่า ไม่มีบรรยากาศการข่มขู่แต่อย่างใด แต่ทั้งนี้พูดคุยเสร็จตนก็ยังไม่รู้ว่าวัตถุประสงค์จริงๆ แล้วอยากพูดคุยเรื่องอะไร แต่มีคำถามที่ถามตน 3 ข้อ คือ 1. คิดเห็นอย่างไรกับรัฐบาล 2. คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ 3. มีข้อเสนออะไรที่จะเสนอต่อรัฐบาล ซึ่งได้ยืนยันไปว่าใน 3 หัวข้อไม่ได้พูดถึงมาเป็นเวลา 1 ปีแล้ว นอกจากเรื่องพลังงานเท่านั้น
ทุกคนเป็นห่วงว่านายกรัฐมนตรีจะอยู่ต่อไปอีกสองปีหรือไม่ และจะอยู่อย่างไร รัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไร ซึ่งตนเชื่อว่าสาระสำคัญอยู่ที่ว่ารัฐบาลจะครองใจประชาชนได้อย่างไร เชื่อว่า การครองใจประชาชนได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับประชาชนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์หรือไม่ ถ้ามองประโยชน์ประชาชนเป็นใหญ่ระชาชนก็จะสนับสนุนท่านเอง และสิ่งที่ประชาชนเสนอตอนนี้ ก็คือ การยึดประโยชน์ของประเทศชาติและผลประโยชน์สูงสุดที่ประชาชนจะได้รับมาจากพลังงาน ถ้ารัฐบาลดำเนินการปฏิรูปเพื่อพลังงานอย่างแท้จริงแล้วนั่นคือการครอบหัวใจประชาชน
เชื่อว่า คสช. คงไม่อยากให้มีการชุมนุม ดังนั้น จึงเป็นการบ้านที่ศูนย์ปรองดองต้องเรียกมาคุยทุกกลุ่ม แต่อยากจะฝากว่าการคิดเรื่องเชิญแกนนำมาพูดคุยกันระหว่างแกนนำหรือแกนนำข้ามสีมาพูดคุยกันก็ดี คิดว่าไม่ใช่ทางออกที่แท้จริงเพราะว่าหมดแกนนำเหล่านั้นก็มีแกนนำรุ่นใหม่อยู่ดี เพราะปัญหาคือเรื่องของข้อเท็จจริงและการนำความจริงมาสู่ประชาชน ความจริงที่ไม่ถูกนำเสนออย่างตรงไปตรงมาก็ถูกบิดเบือนทำให้เกิดเครือข่ายของผู้คนที่เป็นขบวนการตามมาได้
จึงเชื่อเรื่องความจริงที่ต้องพูดตรงไปตรงมากับประชาชน ต้องไม่ปกปิดประชาชน และความจริงเหล่านั้นจะนำไปสู่การพิสูจน์ว่าคนที่ผิดจะต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย เพราะถ้าความเชื่อในสิ่งที่ผิดดำรงอยู่ต่อไป หมดแกนนำที่หนึ่งก็มีรุ่นที่สอง สาม สี่ แต่ตราบใดเอาความจริงมาปรากฏและดำเนินการเพื่อประชาชนมันสลายสีได้ เพราะประโยชน์ด้านพลังงานมีสีเดียว คือ สีธงชาติ กับประชาชน กับกลุ่มทุนพลังงานไม่กี่คนเท่านั้น
“ผมเชื่อว่า การเชิญระดับแกนนำมันไม่จบหรอกครับ มันต้องแก้ที่เนื้อหาของเบื้องหลัง การเคลื่อนไหวของคนแต่ละคนมาจากอะไรถึงจะนำไปสู่จุดนั้นได้ และผมเชื่อว่าการที่เราเคลื่อนเรื่องพลังงาน่มีวาระซ่อนเร้น เราไม่ได้เคลื่อนมาเพื่อมาเป็นรัฐบาลแทนรัฐบาลชุดนี้ เราไม่ได้เคลื่อนมาเพื่อไล่รัฐบาล เราเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่ให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด แต่ถ้ารัฐบาลชุดไหนไม่ว่าจะมาจากเลือกตั้ง หรือ เผด็จการ ถ้าทำร้ายทรัพย์สินทรัพยากรของชาติและขูดรีดประชาชนจากกลุ่มทุนพลังงานผมว่าก็ถูกขับไล่ได้” นายปานเทพ กล่าว
หวังว่า พลเอก ประยุทธ์ จะเป็นบุคคลที่ได้รับข้อมูลไม่ครบ เพราะท่านยังมีท่าทีเลื่อนสัมปทานออกไป มีการจัดเวที เราก็ยังมีความหวังว่าท่านอาจจะตามไม่ทันเกมในการนำเสนอข้อมูลของทางราชการก็ได้ เราก็ต้องเปิดโอกาสให้ท่าน นอกจากวันไหนท่านแสดงตัวชัดเจนเราก็จะรู้ว่าท่านเป็นวีรบุรุษหรือเป็นซาตาน เมื่อเปิดโอกาสให้เราเสนอเราก็เสนอโดยที่เรายังไม่ชุมนุม เพราะเราเชื่อว่ามื่อท่านเปิดเวทีรับฟังเราก็พร้อมเสนอ แต่ถ้าท่านรับฟังเฉยๆไม่ปฏิบัติตามไม่ได้แปลว่าท่านฟัง แต่แปลว่าท่านแค่ได้ยินเฉยๆ จึงหวังว่าจะฟังไม่ใช่แค่ได้ยินจากเรา