“ปานเทพ” นำเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย ยื่นหนังสือต่อ “ประยุทธ์” เสนอแนวทางแก้ปัญหาขาดแคลนก๊าซใน 6 ปีข้างหน้า แนะใช้อำนาจตาม ม.44 เปิดประมูลแข่งขึ้นผลิตปิโตรเลียม ใช้ระบบแบ่งปันผลผลิต พร้อมกำหนดให้ผู้เข้าร่วมประมูลยอมปรับเงื่อนไขให้การผลิตดำเนินต่อไปโดยไม่ขาดตอน พร้อมมอบอุปกรณ์ เครื่องมือเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ ให้เข้าพื้นที่รับโอนการผลิตก่อนหมดสัมปทาน
ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล วันนี้ (4 มิ.ย.) เครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) นำโดยนายปานเทพ พังพงษ์พันธ์ ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านนายจำเริญ ยุติธรรมสกุล รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอการแก้ไขปัญหาขาดแคลนก๊าซธรรมชาติใน 6 ปีข้างหน้า
นายปานเทพกล่าวว่า สัมปทานปิโตรเลียมเดิมที่จะหมดลงในปี 2565-2566 ไม่มีเงื่อนไขให้รัฐบาลเข้าพื้นที่เพื่อโอนถ่ายการผลิตปิโตรเลียม ทำให้รัฐไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ก่อนที่จะสิ้นสุดสัญญาซึ่งอาจทำให้เกิดวิกฤตพลังงานได้ เป็นเหตุให้รัฐต้องตัดสินเปิดสัมปทานรอบที่ 21 เพื่อหาพลังงานทดแทน โดยไม่ผ่านการประมูล หรืออาจจะถูกกดดันให้มีการต่ออายุการผลิตแก้ผู้ผลิตรายเดิม ดังนั้น คปพ. จึงเห็นว่ารัฐต้องสร้างเงื่อนไขที่ชอบธรรม ให้อำนาจต่อรองกลับมาเป็นของรัฐ จึงเสนอให้นายกฯใช้อำนาจตามมาตรา 44 เปิดประมูลแข่งขันในการผลิตปิโตรเลียม ที่ใช้ระบบแบ่งปันผลผลิตเฉพาะแปลงที่มีศักยภาพสูง ทั้งนี้ต้องกำหนดให้ผู้เข้าร่วมประมูลต้องยินยอมปรับปรุงเงื่อนไขของสัญญาเพื่อให้การผลิตดำเนินต่อไปโดยไม่ขาดตอน รวมทั้งต้องมอบอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ เป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ และให้รัฐสามารถเข้าพื้นที่เพื่อรับมอบการโอนถ่ายการผลิตปิโตรเลียมก่อนหมดอายุสัมปทาน
นายปานเทพยังขอให้แก้ไขกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้งร่าง พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม เนื่องจากเป็นกฎหมายที่ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยขอเสนอร่าง พ.ร.บ.ประกอบกิจการปิโตรเลียมของ คปพ. ให้เปรียบเทียบและทำประชาพิจารณ์แล้วจึงส่งต่อให้ สนช.เห็นชอบต่อไป