“นายกรัฐมนตรี” ถามถ้าคุณเป็นคนไทย สื่อนอกจัดเสวนา ม.112 สมควรหรือไม่ สับพวกปล่อยข่าวปฏิวัติซ้อนให้วุ่นวาย รู้แล้วฝีมือใคร ไม่เข้าใจทำไมต้องยุ โทษสื่อขยายผล แนะหันมาดูชาติกันบ้าง ย้ำอยู่ตามโรดแมป ประชามติผ่านก็เลือกตั้ง ลั่นถ้าตนไม่ได้พูดคือไม่ใช่ ขอให้เลิกกันเสียที จี้ให้ช่วยกันคิดเพื่อพัฒนาไม่ใช่ไปโพนทะนาไม่ได้ประโยชน์ ปัดส่งสัญญาณ สปช. ชี้ปฏิรูปบางเรื่องใช้เวลาเป็น 10 ปี จวกชาติติดขัดแต่คำว่าประชาธิปไตย กั๊กตอบทำงานตรงใจหรือไม่
วันนี้ (16 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวอย่างมีอารมณ์เมื่อถูกถามถึงกรณี คสช.มีคำสั่งห้ามสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศจัดเสวนาเรื่องมาตรา 112 ว่า “คิดว่าควรจัดหรือไม่ คุณเป็นคนไทย คิดว่าควรหรือไม่ ถ้าไม่ควรก็ไม่ควรตั้งคำถามนี้ขึ้นมา ถ้าคิดว่าควรก็คงไม่ใช่คนไทย”
เมื่อถามว่า มองอย่างไรต่อกระแสข่าวปฏิวัติซ้อน นายกฯ กล่าวว่า ไม่มอง มันต้องมีคนสักคนที่ออกมาปล่อยข่าวนี้เพื่อให้เกิดความวุ่นวายเท่านั้นเอง พูดหลายครั้งแล้วว่าสื่อต้องช่วยตน เรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นมาได้หรือไม่ มันจะเกิดขึ้นจากอะไร ตนก็เป็นทหารเก่าใครจะมาปฏิวัติได้ เขารู้แล้วว่าเขาจะต้องทำกันอย่างไร ไม่ใช่ทำอะไรกันมาแล้วอะไรก็ต้องปฏิวัติ มันไม่ใช่ ที่ตนออกมาก็ยอมรับว่าเป็นคนทำ แต่มาทำก็เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นกันอีกในวันข้างหน้า ทำไมต้องไปยุกันไปมาให้มันออกกันมาอีกไม่เข้าใจ มันไม่มีเรื่อง จะออกมากันทำไม ออกมาได้หรือ ใครมันจะอยากออกมาแบกรับความรับผิดชอบแบบนี้
เมื่อถามว่า เป็นการสร้างให้เกิดความหวาดระแวงกันเองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็สร้างแล้วสื่อก็ไปขยายให้พวกเขา แค่คนพูดเพียงคนเดียวเท่านั้น ใครก็ยังไม่รู้เลย เขาพูดเพื่อวัตถุประสงค์อะไรก็ยังไม่รู้ ที่สำคัญยังไม่มีการยืนยันอะไร แต่สื่อก็ไปขุดคุ้ยกันอยู่นั่น มันจบไปแล้ว พูดกันทุกคนว่าเขาไม่เกี่ยว ยืนยันว่ามันไม่มี มันไม่ใช่นิยาย มันดีหรืออย่างไร ที่ตนเดินทางไปหลายประเทศซึ่งต่างประเทศมั่นใจว่าบ้านเรามีเสถียรภาพพร้อมที่จะเข้ามาลงทุน เพียงแต่เขาถามว่าตนจะรักษาสถานการณ์แบบนี้อีกต่อไปหรือไม่ การเมืองจะทำให้เหตุการณ์กลับมาวุ่นวายอีกหรือไม่
“วันนี้จึงขอร้องให้ทุกคนหันกลับมาดูประเทศชาติกันบ้าง ในเมื่อต่างชาติห่วงอยู่แค่นี้แล้วทำไมเราจะต้องไปเปิดพื้นที่เวทีสื่อไปเรื่อยเปื่อย ถ้าเรารักษาสถานการณ์ต่างๆ ไว้ได้ การค้าการลงทุนก็จะดีขึ้น เศรษฐกิจทั้งระดับล่างและระดับบนจะดีขึ้นตามมา วันนี้ไม่ใช่จะเอาทุกเรื่อง เศรษฐกิจให้ดี การเมืองก็ต้องเอาแบบนั้นแบบนี้ ยืนยันว่าผมยังไม่เคยฝืนโรดแม็ปเลยแม้แต่ตัวเดียว สื่อก็เขียนไปมาอยู่ได้ ใครจะพูดอะไรก็พูดไปแต่ผมขอยืนยันในโรดแมปที่วางไว้มีรัฐธรรมนูญ เลือกตั้งได้ก็เลือกตั้ง ประชามติผ่านเมื่อไรก็เลือก ถ้าไม่ผ่านก็ว่ากันใหม่เท่านั้นเอง” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่าจะเอาผิดต่อคนที่ปล่อยข่าวหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ดูก่อน ขณะนี้ติดตามอยู่ พอรู้แล้วว่าเป็นใคร เมื่อถามย้ำว่า แล้วเรื่องการปฏิวัติตัวเองก็ไม่มีทางเป็นไปได้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า สื่อก็ไปช่วยอธิบาย เพราะตนขี้เกียจอธิบายแล้ว สังคมก็ไม่ต้องมาสงสัย เลิกเสียที ความคิดแบบนี้โดยเฉพาะเรื่องข่าวลือ
“ถ้าผมไม่ได้พูดนั่นก็คือไม่ใช่ เอาแบบนี้ นิ่งๆ กันเสียบ้าง บ้านเมืองจะได้สงบ จะได้ไปทำอย่างอื่นกันบ้าง อย่างประชุม ครม.วันนี้มีเรื่องทำมาก ทั้งเรื่องเกษตรกร การลงทุน สื่อทำไมไม่เสนอข่าวแบบนี้บ้าง หรือจะเอาแต่เรื่องความมั่นคง เรื่องปฏิวัติรัฐประหาร ขอให้เลิกกันเสียที ขอให้เปลี่ยนเป็นเรื่องความมั่นคงที่เกี่ยวกับเสถียรภาพของรัฐบาล คนไม่ดีก็ต้องถูกดำเนินคดีแล้วก็ต้องไม่พูดในสิ่งที่ไม่ดีกับประเทศชาติ เพราะวันนี้ต่างชาติเตรียมเข้ามาลงทุนในบ้านเราแล้ว” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดการค้าการลงทุน สร้างรายได้ให้แก่ประเทศ ส่วนที่ชอบพูดกันอยู่ในเรื่องการเมือง การเลือกตั้ง การปฏิรูปต่างๆ นั้นถือเป็นเรื่องภายในของเรา ทำไมต้องไปประจานให้คนอื่นเขามารู้ด้วย คนไทยต้องช่วยกันเพื่อแก้ปัญหาและเดินหน้าประเทศ ไม่ใช่ไปเที่ยวโพนทะนาให้คนอื่นรู้ว่ากำลังมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง มันไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย เรื่องนี้ตนเป็นห่วง
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะปรับในเรื่องโรดแมปหรือไม่ เพราะ สปช.เตรียมคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ นายกฯ กล่าวว่า โรดแมปเขียนไว้ชัดเจนอยู่แล้ว มีกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนกรณีเรื่องรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่ผ่านก็มีกำหนดเวลา มีการตั้ง กมธ.ขึ้นมาใหม่ เป็นไปตามขั้นตอน ตนจึงไม่เห็นความจำเป็นต้องปรับโรดแมป ส่วนจะมีการล็อบบี้กันหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบเพราะไม่ได้อยู่ใน สปช. และไม่จำเป็นที่ตนต้องมีใบสั่งหรือส่งสัญญาณอะไรไป สปช. ตนจะไปสั่งทำไปเพราะตั้งเขาขึ้นมาแล้ว มีเงินเดือนก็ต้องทำตามหน้าที่ของเขา ทำงานกันไป แต่ส่วนตัวคิดว่าเขามีความตั้งใจทำงานกันทุกคนเพียงแต่คนมันเยอะ มาจากหลายภาคหลายส่วน มาจากต่างจังหวัด นักการเมืองก็มี จะมาบอกว่าไม่มีส่วนร่วมคงไม่ได้
นายกฯ กล่าวว่า สิ่งที่ตนต้องการคือให้พวกเขาไปหารือกันว่าทำอย่างไรบ้านเมืองจะเดินหน้าต่อไปได้ แต่ปรากฏว่ามันก็ไปไม่ได้คือหารือกันไม่ได้ ต่างคนต่างมีความคิดของตัวเอง มีความคิดของพรรค เมื่อมาอยู่ตรงนี้แล้วมันจะไปกันอย่างไร ถ้าประเทศไทยเป็นอย่างนี้มันก็ไปไม่ได้ วันนี้เราต้องการปฏิรูปเพื่อส่งต่อการปฏิรูปดังกล่าวไปวันข้างหน้า มันเป็นโจทย์ของตนซึ่งตนก็มีหน้าที่ของตนอยู่ ส่วน สปช.หรือว่า สนช.ก็ไปทำหน้าที่ของเขา
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เมื่อมีรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นก็จะมีการเลือกตั้งตามมา ตนถือว่าจบหน้าที่ หน้าที่ของการปฏิรูปเขาก็ต้องไปเรียบเรียงว่าหลังการเลือกตั้งใหม่แล้ว ได้รัฐบาลใหม่เข้ามาจะต้องทำอะไรต่อ สนช.ต้องออกกฎหมายว่าจะทำอะไรกันต่อบ้าง มีกี่เรื่อง ไม่ใช่ว่าจะปฏิรูปภายในปีหรือ 2 ปีมันจะเสร็จ บางทีต้องใช้เวลาเป็นสิบๆปี ทุกประเทศก็ทำกันแบบนี้ ซึ่งตนก็อยู่ไม่ได้แล้ว จะไปอยู่อะไรกันนาน ถ้าทุกคนช่วยกันทำเช่นนี้ ประเทศชาติจะมีความชัดเจนมากขึ้น ไม่เลือกเขาเลือกเรา เอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง มีความจริงใจ ไม่เอาเปรียบ ถ้านักการเมืองเป็นแบบนี้ทั้งหมด ประเทศจะไปได้โลดในวันข้างหน้า แต่ทุกวันนี้ติดขัดด้วยคำว่าประชาธิปไตย ดังนั้น ต้องปิดเรื่องคะแนนเสียง เรื่องการโหวต
นายกฯ กล่าวว่า ในความคิดของตนมันจึงต้องมียุทธศาสตร์ประเทศว่าจะเดินประเทศไปทางไหน อะไรที่เป็นยุทธศาสตร์ชาติก็ต้องทำตามนั้น อะไรที่เป็นนโยบายพรรคก็ต้องทำตามนโยบายของพรรคที่ประชาชนเลือกเข้ามา วันนี้เล่นทำตามนโยบายพรรคเพียงอย่างเดียว ประเทศชาติก็เสียหาย ได้คนอีกพวกหนึ่งแต่อีกพวกกลับไม่ได้ จึงทำให้มีฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาลมาตลอด มันจะต้องมีบางอย่างที่ฝ่ายค้านและรัฐบาลร่วมมือกัน เช่น การลงทุนการสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ทั้งสองฝ่ายต้องร่วมมือกันทำ แต่ครั้งที่แล้วทำไม่ได้เราค้านกันไปมา บางแผนงานโครงการดีกับประเทศก็ไม่ได้ทำ ปัญหาอยู่ที่ไม่มีความโปร่งใสทำให้ทุกอย่างไปไม่ได้
เมื่อถามว่า ที่บอกว่า สปช.ตั้งใจทำงานนั้น ตรงกับใจนายกฯ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การทำงานเราต้องดูอธิบายและทำความเข้าใจ คำว่าถูกใจหรือไม่ถูกใจมันเป็นเรื่องธรรมดาเพราะทุกคนเป็นผู้หลักผู้ใหญ่กันทั้งนั้น ถามว่าทุกคนมีความรักชาติเหมือนกันหรือไม่ ทุกคนก็รักชาติกันทั้งนั้น เพียงแต่ความคิดเห็นของแต่ละคนย่อมมีความแตกต่างแต่ตนไม่มี
เมื่อถามว่า แสดงว่ามีบางส่วนที่ไม่ตรงใจนายกฯ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คำว่าตรงใจหรือไม่ตรงใจต้องดูว่าบ้านเมืองได้ประโยชน์อะไรจากตรงนั้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการเดินทางไปประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดเชียงใหม่ด้วยว่า กำลังดูอยู่ว่าจะมีเครื่องบินซี-130 ให้ผู้สื่อข่าวด้วยหรือไม่ ถ้าไปก็ขอให้ติดร่มหรือผ้าขาวม้าไปด้วยแล้วกันเพื่อต้องลงมา