รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เผยเช็กครอบครัว 5 นักศึกษาถูกจับที่ปากีสถาน พบยากจนกลัวลูกติดยาจึงส่งไปเรียนศาสนาต่อ ระบุสอบเบื้องต้นมีแค่ปืนกระบอกเดียว ยังไม่ทราบเอี่ยวชายแดนใต้หรือเปล่า แต่ไม่น่าเกี่ยวไอเอส ต้องสอบสวนให้ชัดก่อน รับไม่เข้าใจทำไมต้องเอาขึ้นเครื่อง ด้าน รมช.กลาโหมเล็งให้หน่วยความมั่นคงเข้ามาดูการคัดเลือกสถานศึกษา ปิดช่องโหว่พวกอ้างไปเที่ยวแล้วเรียนต่อ
วันนี้ (12 มิ.ย.) กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีที่ 5 นักศึกษาไทยถูกจับอาวุธปืนที่ประเทศปากีสถานว่า เจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจสอบประวัติของครอบครัวของ 5 นักศึกษาไทยแล้ว พบว่าครอบครัวมีความยากจนและเรียบร้อยดี ทั้งนี้ ครอบครัวกลัวว่าจะมีเรื่องยาเสพติดในพื้นที่จึงได้ส่งไปเรียนหนังสือ โดยเสียค่าใช้จ่ายเดือนละ 3,000 บาท ไปเรียนในเรื่องของศาสนา แต่เรายังไม่รู้ว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ทางกระทรวงการต่างประเทศกำลังสอบสวนอยู่ จากการสอบสวนเบื้องต้น 5 นักศึกษาได้บอกว่าไม่ได้เอาปืนไปทำหรือไปแสดงความยิ่งใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ เป็นเพียงปืนกระบอกเดียวขนาด 9 มิลลิเมตร
เมื่อถามว่า มีความเป็นห่วงหรือไม่ที่นักศึกษาเดินทางไปเรียนที่ตะวันออกกลาง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า มีการพูดจากันตลอดและส่วนใหญ่ไปเรียนเกี่ยวกับศาสนา ไม่ได้เกี่ยวกับเหตุการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ไม่มีมูลเหตุอะไร ส่วนจะเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้ายหรือไม่ เพราะ 5 นักศึกษาที่ไปเรียนอยู่ใกล้กับพื้นที่ความรุนแรงนั้นตอนนี้ยังไม่รู้ ต้องให้มีการสอบรายละเอียดก่อน ขณะนี้ยังยืนยันอะไรไม่ได้ทั้งหมด เพราะคนถือปืนกับคนมีปืนเป็นคนละคนกัน
“เรากลัวมานานแล้วว่าจะมีการปลูกฝังเด็กนักเรียน ซึ่งในเรื่องของไอเอสของไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไร แต่เรื่องนี้จะต้องสอบสวนให้ชัดเจนก่อน แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องนำปืนขึ้นเครื่องทั้งๆ ที่มีการห้ามนำอาวุธปืนขึ้นเครื่อง ผมตอบเรื่องนี้ยังไม่ได้ ต้องใช้ระยะเวลาในการสอบสวนอยู่ ส่วนที่จะมีการนำอาวุธปืนขึ้นไปจี้เครื่องบินหรือไม่ ผมตอบไม่ได้ เพราะไม่ทราบรายละเอียด” พล.อ.ประวิตรระบุ
ขณะที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) เมื่อเวลา 08.50 น. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการติดตามอยู่ ในส่วนของกองทัพบกมีผู้ช่วยทูตทหารประจำกรุงอิสลามาบัดประเทศปากีสถานช่วยดูแลอยู่แล้ว ทั้งนี้ ตนทราบว่า 1 ใน 5 นักศึกษานั้นบางคนมีภูมิลำเนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ก็มีบางคนก็อยู่ในพื้นที่อื่น ในเบื้องต้นฝ่ายความมั่นคงได้ตรวจสอบแล้วว่าครอบครัวของ 5 นักศึกษาที่อยู่ในภูมิลำเนาต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อาวุธของ 5 นักศึกษาที่ตรวจสอบนั้นเป็นเพียงอาวุธปืนขนาด 9 มม.จำนวน 1 กระบอกซึ่งเป็นอาวุธปืนขนาดเล็กที่ไม่สามารถใช้ก่อเหตุความรุนแรงได้
พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ทั้งนี้สันนิษฐานว่าอาจมีความเป็นไปได้ที่จะเอามาใช้งาน โดยที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ในขณะเดียวกันสถานศึกษาที่นักศึกษาทั้ง 5 คน ไปเรียนก็เป็นโรงเรียนสอนศาสนาในจังหวัดหนึ่งด้านทิศตะวันตกของประเทศปากีสถานที่มีพรมแดนติดกับประเทศหนึ่งที่อาจมีความเคลื่อนไหวก่อการร้าย เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้ก็ต้องรอฟังผลการสอบสวนอีกครั้งซึ่งถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ต้องดูว่าเราจะสามารถช่วยเหลือได้อย่างไรได้บ้าง
เมื่อถามถึงการมาตรดูแลโรงเรียนสอนศาสนาที่จะส่งนักศึกษาไปเรียนต่างประเทศ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า เท่าที่ตนดูส่วนใหญ่ก็อยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่ แต่จะต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการคัดเลือกสถานศึกษา โดยฝ่ายความมั่นคงต้องเข้ามาดูแล ทั้งนี้ตนทราบว่าส่วนใหญ่ใช้วิธีการอ้างว่าไปท่องเที่ยว แล้วอยู่เพื่อเรียนต่อ ดังนั้นจึงขาดการควบคุม ดังนั้นเราต้องหาทางควบคุมเพื่ออุดช่องโหว่ให้เกิดความเรียบร้อยให้ได้
