ตรัง - แม่ของหนึ่งใน 5 นักศึกษาไทยที่ตกเป็นผู้ต้องหาถูกค้นพบอาวุธปืนก่อนขึ้นเครื่องบิน และถูกเจ้าหน้าที่ปากีสถานควบคุมตัว ยันไม่เชื่อลูกชายจะทำตัวเหลวไหล เพราะนิสัยดี และเรียนดีมาตลอด ชี้อาจไปพัวพันเพราะเพื่อนบางคน
วันนี้ (12 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น. ของวันที่ 11 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 14/1 ม.10 บ.นาหยีค้อม ต.ในควน อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง เพื่อพบกับครอบครัวของ นายศักดิ์กริยา สองหลง หรือน้องยา วัย 18 ปี หนึ่งใน 5 นักศึกษาไทยที่ถูกทางการปากีสถานควบคุมตัว หลังจากถูกตรวจพบอาวุธปืน พร้อมกระสุน ก่อนขึ้นเครื่องบินที่เมืองละฮอร์ ประเทศปากีสถาน โดยได้พบกับ นางจิตรา สองหลง อายุ 42 ปี ผู้เป็นมารดา พร้อมกับเพื่อนบ้านจำนวนหนึ่งซึ่งกำลังจับกลุ่มพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยท่าทีที่วิตกกังวล และต่างไม่เชื่อว่า นายศักดิ์กริยา จะมีส่วนเกี่ยวข้องต่ออาวุธปืน พร้อมกระสุนที่ถูกตรวจพบดังกล่าว
โดย นางจิตรา กล่าวว่า นายศักดิ์กริยา หรือน้องยา ถือเป็นบุตรคนที่ 2 ของครอบครัว จากจำนวนทั้งหมด 3 คน โดยแรกเริ่มได้เรียนหนังสือชั้น ป.1-6 ในโรงเรียนแถวบ้านของ จ.ตรัง ก่อนย้ายไปเรียนชั้น ม.1-3 ทั้งวิชาศาสนา และวิชาสามัญ ที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งหนึ่งใน จ.สตูล และกลับมาเรียนต่อชั้น ม.4 ที่โรงเรียนนูรุลอิงซานมูลนิธิ จ.ตรัง จากนั้นได้มีเพื่อนๆ แถวบ้านชักชวนไปเรียนวิชาศาสนา ที่โรงเรียนมุสลิมแห่งหนึ่งในเมืองสวาบี ประเทศปากีสถาน เมื่อปี 2556 โดยตั้งเป้าที่จะเรียนให้จบ 9 ปี หรือเทียบเท่ากับการจบปริญญาตรี เพื่อเดินทางกลับมาเป็นครูสอนศาสนาที่ จ.ตรัง หรือแห่งหนึ่งแห่งใดในประเทศไทย
ซึ่ง นางจิตรา กล่าวอีกว่า ตลอดช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ลูกชาย คือ นายศักดิ์กริยา หรือน้องยา ไม่เคยเดินทางกลับมาบ้านที่ จ.ตรัง เลย แต่จะโทรศัพท์พูดคุยกับพ่อแม่อยู่เป็นประจำ โดยทราบว่ามีความเป็นอยู่ที่ดี เพราะทางโรงเรียนให้การช่วยเหลือในหลายๆ ด้าน ขณะที่ทางครอบครัวก็มีรายได้จากการทำสวนยางพาราไม่มากนัก จึงสามารถส่งไปให้ลูกชายที่ประเทศปากีสถาน ได้เดือนละ 3 พันบาทเท่านั้น ส่วนการเรียนก็ทราบว่าอยู่ในระดับที่ดี และไม่เคยทราบข่าวว่ามีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นเลย กระทั่งล่าสุด ลูกชายโทรศัพท์มาบอกว่าจะกลับบ้านที่ จ.ตรัง เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. แต่ไม่นึกว่าจะต้องมาถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวเช่นนี้
“ลูกชายไม่เคยมีนิสัยเกเร ประพฤติตัวที่เสื่อมเสีย หรือสร้างความเดือดร้อนให้แก่ทางครอบครัวเลย นับตั้งแต่ยังอยู่ที่ จ.ตรัง ทำให้รู้สึกงุนงงอย่างมากว่า ถูกจับกุมตัวได้อย่างไร เพียงแต่อาจจะโชคร้ายเพราะการกระทำของเพื่อนๆ บางคน ซึ่งทางครอบครัวก็ไม่เคยรู้จักว่ามีนิสัยใจคออย่างไร โดยหลังเกิดเรื่องได้มีเจ้าหน้าที่จากทางจังหวัด อำเภอ สันติบาล และสถานทูตปากีสถานประจำประเทศไทย มาสอบถามข้อมูล ซึ่งทางครอบครัวก็ยืนยันว่า ไม่มีทางที่ลูกชายจะไปทำเรื่องราวที่เหลวไหลเด็ดขาด จึงอยากให้ทางการช่วยเหลือให้เขาได้กลับมายัง จ.ตรัง โดยเร็วที่สุด แต่หากไม่มีอะไรคืบหน้าก็อาจจะต้องเดินทางไปหาลูกชายที่ปากีสถาน”