นายกฯ ขึ้น ฮ.ไประยอง ชี้มีปัญหาน้ำต้องรื้อเขียนยุทธศาสตร์ใหม่ ย้อนที่ผ่านมาบิดเบือนจนมีปัญหา รับถือเป็นน้ำตา หาเงินใช้หนี้แสนล้าน รายได้เกษตรลดต้องยอมรับกลับสู่ความจริง แย้มปีหน้าก็ต้องไปแล้ว แขวะจิตใจคนเลวแก้ไม่ได้ ไม่ใช่รวยแล้วเปลี่ยน ขอประชาชนอย่าเลือกคนผิด ยันจัดการน้ำไม่ได้เอื้อแต่อุตสาหกรรม เกษตรกรต้องรู้จักปรับตัวอย่าพึ่งแต่ทหารช่วย แจงทำได้แค่โครงการเร่งด่วน
วันนี้ (10 มิ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์มายังโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาประแสร์ ต.ชุมแสง อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำพื้นที่ประแสร์ และภาคตะวันออก โดยมีนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการ จ.ระยอง และข้าราชการประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดจากเจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 14 จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวกับประชาชนที่มาให้การตอนรับตอนหนึ่งว่า วันนี้เรื่องของน้ำมีปัญหาทั้งประเทศ เพราะที่ผ่านมาการบริหารจัดการน้ำไม่ชัดเจน ต้องรื้อเขียนยุทธศาสตร์ใหม่ปี 57-69 อย่างขณะนี้การปลูกข้าวนาทีเริ่มมีปัญหาแล้ว เพราะจากที่ฝนตกไม่ต่อเนื่องและเก็บน้ำไม่ได้ ล่าสุดเพิ่งสั่งการให้มีการทำประกันการปลูกข้าวในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา จากเดิมที่ประกันเฉพาะการปลูกข้าวในพื้นที่แล้งซ้ำซาก เพราะรัฐบาลไม่สามารถใช้เงินมาช่วยเหลือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ เราพูดกันที่ข้อเท็จจริงไม่ได้พูดเอาคะแนนเสียง และหากจะมาไล่กันให้มากระซิบข้างๆ จะพูดเสียงดังไม่ได้
นายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาการบริหารราชการแผ่นดินมีการบิดเบือน ทำให้เรามีปัญหาอย่างทุกวันนี้ ดังนั้น จากนี้เราต้องทำเพื่อลูกหลาน คนไทยในอนาคตที่ยังไม่เกิดมา ไม่อย่างนั้นวันข้างหน้าทุกอย่างก็จะกลายเป็นของต่างชาติหมด สิ่งที่ตนทำมาตั้งแต่ปี 57 จะจบในปี 59 ส่งต่อให้รัฐบาลใหม่ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของพวกทุกคนที่จะรวมพลัง แต่ไม่ใช่เป็นการรวมตัวเพื่อต่อต้านรัฐบาลตน หรือรัฐบาลใหม่ แต่เป็นการรวมพลังใช้อำนาจอธิปไตยอย่างถูกต้อง ทั้งในเรื่องการเลือกตั้ง การทำประชามติ เพื่อให้ประชาชนมีความเข้มแข็งไม่ให้การเมืองมาทับถม วันนี้ฝนตกเยอะ ทรัพยากรมี แต่ไม่รู้ว่าจะใช้อย่างไรให้คุ้มค่า ที่ผ่านมาป่าของไทยหายไปถึง 20 ล้านไร่ จากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จากการถูกหลอก บิดเบือนความต้องการ รวมถึงเรื่องยางและข้าว
“ผมต้องหาเงินมาใช้หนี้ไม่รู้กี่แสนล้าน นั่นถือเป็นน้ำตาของผม เป็นภาษีของประชาชน ผมอยู่อย่างนี้ต่อไปอีกไม่นาน เมื่อรู้ว่าอะไรดีก็ต้องช่วยกันทำ วันนี้ผมไม่อยากมีอำนาจซักวัน แต่อยากมีอำนาจในการบูรณาการ ใช้อำนาจตามมาตรา 44 เอาทุกกระทรวงมารวมกันในการแก้ปัญหา นี้คือภาระ ผมไม่ได้ไปรังแกท่าน แต่รายได้จากการเกษตรที่ลดลง คือเรื่องที่ต้องยอมรับ ต้องกลับไปสู่ความเป็นจริง บิดเบือนไม่ได้อีกแล้ว เพื่อไม่ให้ถูกมองว่าเป็นประเทศล้มละลายในสายตาชาวโลก แม้จะมีปัญหาในการใช้งบ แต่ไม่ได้เป็นรัฐบาลที่ตูดขาดเงินหมดตามที่ใครกล่าวหา เรามีเงินสำรองไว้เพื่อแก้ปัญหาในยามฉุกเฉิน ไม่ได้เก็บเงินไว้แจกใคร ผมมองภาพรวมทั้งประเทศ ทั้งระดับภูมิภาค จังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน รัฐมนตรีทุกคนต้องมองแบบผม เพื่อให้คนไทยมีความเข้มแข็งไม่ถูกชักจูง อยู่กับระบอบประชาธิปไตยที่เป็นสากล อย่าไปทำแบบกลุ่มผลประโยชน์ ต้องมองคนอื่นด้วย ผมไม่ได้อยู่กับท่านไปตลอดชีวิต คิดว่าปี 60 ก็จะไม่อยู่แล้ว ปี 59 ก็ต้องไปก็ต้องไปวันนี้ไม่มีอะไรในโลกที่ดีอย่างเดียว หรือเสียอย่างเดียว เว้นแต่จิตใจมนุษย์ที่เลวแก้ไม่ได้ ไม่ใช่รวยแล้วเปลี่ยน แต่ต้องคิดถึงตอนที่ตัวเองจนด้วย มองกันอย่างเสมอภาค ยอมรับกติกา ทุกคนย่อมมีโอกาสกลับตัวได้หากยอมรับกติกาของสังคม อยู่ที่ประชาชน และอย่ากลับไปเลือกผิดอีก เพราะเลือกผิดมาหลายครั้งแล้ว ทั้งหมดคือความรับผิดชอบของผม วันนี้บ้านเราแม้มีผลผลิตเยอะ แต่ขาดสตอรี เราต้องสร้างสตอรีเพื่อเพิ่มมูลค่าเหมือนญี่ปุ่น ขณะที่บ้านเราไม่มีสตอรีแต่มีสตรอเบอร์รี หรือไม่ก็สตอเบอร์แหล แต่ตรงนี้ไม่ได้ว่าหรือก้าวล่วงใคร เดี๋ยวหาว่าตนไปยุ่งกับเขาอีก ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นรัฐบาลนี้ว่าทำงานอย่างเต็มที่ทุกอย่างโปร่งใสเพราะเราไม่ได้เข้าหาผลประโยชน์” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ยังให้สัมภาษณ์ต่อภายหลังการลงพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา และระยองว่า มาเยี่ยมประชาชนทั้งสองจังหวัดว่ามี 2 ภารกิจ คือ ดูแลป่า ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมซึ่งเกี่ยวข้องกับหลายกระทรวงทั้งเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทยและการบริหารจัดการน้ำ วันนี้มีการปรับทุกอย่างและอำนวยการขั้นที่ 1 ของปี 2557 ในการนำงบประมาณค้างท่อมาใช้ในหลายโครงการ โดยปัญหาเร่งด่วนคือ การแก้ปัญหาเรื่องน้ำ แหล่งกักเก็บน้ำขนาดเล็ก เพราะตอนนี้ยังสร้างเขื่อนอะไรไม่ได้ ในพื้นที่แล้งซ้ำซาก มีปัญหาน้ำท่วมเราต้องเตรียมการเหล่านี้ไว้ ซึ่งต้องแก้ปัญหาให้ได้ ตั้งแต่การกักเก็บน้ำ ระบายน้ำ ส่งน้ำ อุทกภัย ภัยแล้งซ้ำซาก จนถึงการจัดหาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร อุตสาหกรรม ประปา การอุปโภคบริโภค
นายกฯ กล่าวว่า สำหรับการเกษตรนั้น ทั้งข้าว พืชไร่ ล้วนใช้น้ำทั้งสิ้น วันนี้ที่มีการยกระดับอ่างเก็บน้ำประแสร์ขึ้นมาเพื่อให้มีการกักเก็บน้ำมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาในช่วงหน้าน้ำเมื่อน้ำล้นขอบทำให้น้ำไหลกลับลงสู่แม่น้ำประแสร์เช่นเดิม ทำให้ใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่ เมื่อยกระดับขอบอ่างเก็บน้ำให้สูงขึ้น ทำให้ส่งน้ำได้เพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่ปล่อยทิ้งกลับไปข้างล่าง ส่วนข้อเรียกร้องจากชาวบ้านให้มีการใช้อ่างเก็บน้ำแห่งนี้จัดการผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อเกษตรกรด้วยนั้น จะส่งไปยังหน่วยที่เกี่ยวข้องด้านการผลิตไฟฟ้า เพื่อพิจารณาว่าคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ ไม่ใช่อยากได้อะไรก็ทำทั้งหมด นอกจากนี้ทางอีส วอเตอร์ จะมีการติดตั้งท่อส่งน้ำประปา 15 จุด และจะแล้วเสร็จภายใน 3 เดือน และให้ชาวบ้านได้ใช้น้ำฟรี ทีเรื่องอย่างนี้ทำไมไม่พูดบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่อีสต์วอเตอร์ได้เปลี่ยนตัวผู้บริหารคนใหม่จะทำให้สามารถแก้ไขปัญหาเดิมได้อย่างชัดเจนใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อย่ามาบอกว่าแก้ปัญหา ทุกคนที่เข้ามานั้นทำเหมือนกับตน เอาทุกเรื่องที่มีความเดือดร้อนมาแก้ คสช.ก็เข้ามาแบบนั้น เอาปัญหาที่หมักหมม ซ้ำซาก ไม่เกิดผลสัมฤทธิ์โดยเร็วมาปรับใหม่ อันไหนก่อนหลัง เร็วช้า จะทำอย่างไร และไม่ให้เกิดผลประโยชน์รั่วไหล ไม่มีทุจริต ยืนยันว่า การบริหารจัดการน้ำไม่ได้เน้นเฉพาะภาคอุตสาหกรรม เพราะทุกคนมีปริมาณการใช้น้ำอยู่แล้ว แต่ถ้าจะบอกว่าไม่ดูอุตสาหกรรมนั้นไม่ได้ ประเทศนี้ต้องอยู่ด้วยหลายอย่าง เกษตรกรรมอย่างเดียวก็อยู่ไม่ได้ วันหน้าจะปลูกไปขายใคร ตนจึงได้บอกว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงการปลูกพืชว่าต้องกำหนดอุปสงค์-อุปทาน ที่เหลือต้องไปทำอาชีพอะไร และอย่าสอนให้คนคิดในทางที่ไม่ถูกตลอด เพราะโลกเปลี่ยนแปลง ประเทศก็ต้องเปลี่ยนแปลงให้ทันกับสภาวะแวดล้อม ไม่ใช่อะไรก็เรียกร้องทุกอย่างเหมือนเดิมมันจะได้ไหมเล่า
เมื่อถามว่า มีเสียงเรียกร้องจากเกษตรกรให้นำกำลังทหารมาช่วยในเรื่องการขุดคลอง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ก็ทำอยู่ แต่มีกว่า 200 โครงการ ทหารจะขุดไหวไหม ทหารมีเท่าไหร่รู้หรือไม่ มีเพียงกรมการทหารช่างเพียงกรมเดียวและมีเครื่องมือไม่เท่ากับบริษัทเอกชน ฉะนั้นโครงการไหนที่เร่งด่วน ทหารจะทำ เพราะไว้ใจได้ แต่บางอย่างที่ต้องกระจายเพื่อให้เกิดงานก็ต้องให้บริษัทเอกชนดำเนินการ ไม่อย่างนั้นก็เจ๊งกันเป็นแถบ อยากให้เข้าใจบ้าง สื่อต้องมองภาพให้เยอะๆ ทุกจุด ตนไม่ได้โกรธ แต่ได้พยายามพูดมา 2 ปีแล้ว ในการสอนวิธีการคิดท่านมาบอกว่า ตนตอบไม่ตรงคำถามตลอด แต่ที่ตอบนั้นต้องการให้เรียนรู้ ตนเรียนรู้สื่อ สื่อต้องเรียนรู้ตนบ้าง