แฉอีก! อดีตนักข่าวรอยเตอร์ มือโพสต์ภาพมั่ว! อ้าง ชั่วโมงพุทธ - เด็กไทยผลิตทาส ข้อมูลเว็บไซต์ จวก! เป็น “มือปืนรับจ้าง” ผู้สร้างวาทกรรมความเกลียดชังที่น่ารังเกียจ บ่งชี้ถึงการใกล้ถึงจุดอวสานของวงการหนังสือพิมพ์ของตะวันตก รวมทั้งเป็นอุทาหรณ์ของต่างชาติที่สนับสนุน “ทักษิณ”
วันนี้ (9 มิ.ย.) มีรายงานว่า หลังจากสังคมออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์ความไม่เหมาะสม กรณีเฟซบุ๊ก Andrew MacGregor Marshall ของ นายแอนดรูว์ แม็คเกรเกอร์ มาร์แชลล์ อดีตผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ประจำเอเชียและตะวันออกกลางชาวสกอตแลนด์ และผู้เขียนหนังสือ A Kingdom in Crisis ซึ่งถูกห้ามจำหน่ายในประเทศไทย
“จวกเละ! “นักข่าวฝรั่ง” โพสต์รูปชั่วโมงพุทธในห้องเรียนเด็กไทย มั่วด่าการศึกษาไทยผลิตแต่ทาส”
กรณีได้โพสต์ภาพชั้นเรียนของโรงเรียนสตรีแห่งหนึ่งในประเทศไทย เป็นภาพเด็กๆ กำลังคุกเข่ากราบในท่าเบญจางคประดิษฐ์ โดย แอนดรูว์ เขียนข้อความแสดงทัศนะต่อภาพดังกล่าวว่า “การศึกษาไทยคือการผลิตทาส มิใช่การสร้างคน (Thai education is about producing slaves, not empowering people)”
ทำให้ชาวไทยส่วนหนึ่งเข้าไปเห็นก็โต้แย้งว่า กิริยาดังกล่าวไม่เกี่ยวกับเรื่องไพร่ทาส แต่เป็นกิริยาของการกราบพระ โดยภาพดังกล่าวน่าจะถ่ายในระหว่างการเรียนการสอนชั่วโมงพุทธศาสนา ก่อนที่จะมีผู้เข้าไปโจมตีนายแอนดรูว์เป็นจำนวนมาก ว่า กล่าวหามั่วซั่ว ไม่รู้เรื่องวัฒนธรรมไทย ทั้งๆ ที่เคยอยู่เมืองไทย
ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. เว็บไซต์สำนักข่าวอิศรา ได้เผยแพร่บทความ แปลโดย “บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์” ระบุว่า
เว็บไซต์ http://landdestroyer.blogspot.jp/2014/02/senior-reuters-journalist-mocks.html ได้นำเสนอบทความที่น่าสนใจชิ้นหนึ่งว่าด้วย แมลงวันตอมแมลงวันด้วยกันเองที่ทำตัวเป็นมือปืนรับจ้างเขียนงานโฆษณาชวนเชื่อให้กับ นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บิดเบือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย แต่ ซีเอ็นเอ็น, บีบีซี และสื่อหลายสื่อกลับยินดีนำไปเผยแพร่ต่อ
นักข่าวอาวุโสของรอยเตอร์ล้อเลียนชายพิการว่า “มือที่มองไม่เห็น”
“แอนดรูว์ แม็คเกรเกอร์ มาร์แชลล์” มือปืนรับจ้างผู้สร้างวาทกรรมความเกลียดชังที่น่ารังเกียจ บ่งชี้ถึงการใกล้ถึงจุดอวสานติ์ของวงการหนังสือพิมพ์ของตะวันตก รวมทั้งเป็นอุทธาหรณ์ของต่างชาติที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
(ภาพทวีต ชายคนหนึ่งสวมหมวกเหล็กและเสื้อลายพรางแบบทหารยืนใกล้คนมือด้วนทั้งสองข้างคนหนึ่ง พร้อมข้อความของนายแอนดรูว์ แม็คเกรเกอร์ มาร์แชลล์ที่ว่า เปิดตัว “มือที่มองไม่เห็น” ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ไม่สงบ)
พฤติกรรมที่น่ารังเกียจของนายมาร์แชลล์ เผยให้เห็นสีที่แท้จริงของนักเคลื่อนไหวที่สนับสนุนประชาธิปไตย
จากรายงานของสำนักข่าวเอทีเอ็น เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2557 กล่าวว่า ถ้าย้อนกลับไปดูประวัติของนายแอนดรูว์ แม็คเกรเกอร์ มาร์แชลล์ บรรณาธิการอาวุโสของรอยเตอรส์และมือปืนรับจ้างให้กับบริษัทอัมสเตอร์ดัม แอนด์ พาร์ทเนอรส์ ของ นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ล็อบบียิสต์ จะพบว่ามีปัญหาทั้งในด้านของความน่าเชื่อถือและจรรยาบรรณ เบื้องหน้านั้นได้ชื่อว่าทำงานกับรอยเตอร์ แต่เขาก็สามารถเขียนบทความขนาด 10,000 คำ สนับสนุน นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม และลูกค้า ซึ่งก็คือ ทักษิณ เผด็จการที่ถูกยึดอำนาจและผู้นำตัวจริงของรัฐบาลปัจจุบันของไทยต่อมา แม้จะประกาศอย่างเป็นทางการว่าได้ลาออกจากรอยเตอร์แล้ว เพื่อจะได้มีเวลาเต็มตัวในการเขียนหนังสือตามที่ได้รับการว่าจ้าง แต่ก็ยังแอบเข้าๆ ออกๆ สำนักงานที่สิงคโปร์มานานกว่าปีแล้ว
สื่อตะวันตกต่างช่วยกันโหมสนับสนุนหนังสือ “ไทย สตอรี” ของเขาที่อาศัยข้อมูลจากวิกิลีกส์ แต่ก็มีคนไม่ได้อ่านในจำนวนมากพอๆ กัน แม้ว่านายมาร์แชลล์จะประสบความล้มเหลวไม่ว่าจะมองในแง่การเป็นนักหนังสือพิมพ์หรือเป็นนักโฆษณาชวนเชื่อ แต่ก็ยังได้รับการอ้างอิงว่าเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในไทยเสมอมา
บีบีซีมักจะอ้างความเห็นของเขาบ่อยๆ เช่นเดียวกับนิตยสารฟอรีน โพลิซี ที่จะเจียดพื้นที่ให้ เมื่อเร็วๆ นี้ ซีเอ็นเอ็นก็ยกพื้นที่ในหน้าบรรณาธิการพิมพ์บทความเรื่อง “Opinion: Prognosis for divided Thailand bleak, but why?” ของเขา ซึ่งซีเอ็นเอ็นอ้างว่าเป็นนักข่าวอิสระและนักเขียนที่เน้นเรื่องการเมืองไทย
แน่นอน ซีเอ็นเอ็น รู้ดีว่า นายมาร์แชลล์ เป็นใคร แต่เนื่องจากผู้อ่านไม่สนใจและไม่มีการสอบสวนข้อเท็จจริงว่าพวกเขากำลังพิมพ์งานของนักโฆษณาชวนเชื่อรับจ้างซึ่งแต่ละวันผลิตแต่วาทกรรมเกลียดผู้หญิง วาทกรรมที่สร้างแต่ความเกลียดชัง เจตนาโกหกและใส่ร้ายป้ายสี
ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่พบเห็นกันทั่วไป กรณี นายมาร์แชลล์ โพสต์ภาพในทวิตเตอร์และล้อเลียนภาพเหล่านั้น หรือให้ความสนใจกับผู้ที่มีความเห็นทางการเมืองตรงกันข้ามกับนายจ้างของเขาแล้วเปิดฉากโจมตีคนผู้นั้น
อย่างไรก็ดี การกระทำที่ครึกโครมล่าสุดของ นายมาร์แชลล์ ดูเหมือนจะข้ามเส้นแบ่งเขตจนทำให้ถูกรุมกระหน่ำจากทุกสื่อและเปิดช่องให้มีการประณามอย่างเปิดเผยจากองค์กรสื่อทุกองค์กรที่นายมาร์แชลล์อาจจะเคยทำงานด้วยระหว่างที่ทำงานที่รอยเตอร์
ภาพของมือปืนที่ไม่มีการยืนยัน และไม่มีการเปิดเผยชื่อว่าเป็นใครที่มีส่วนร่วมในการยิงกันนานถึง 30 นาทีที่หลักสี่ ภาพของชายคนหนึ่งที่ถือปืนไรเฟิล และชายซึ่งมือด้วนทั้งสองข้างอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ นายมาร์แชลล์ ฉวยโอกาสล้อเลียนชายผู้นี้ด้วยการอ้างว่าพบ “มือที่มองไม่เห็น” ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุรุนแรงที่ระบอบทักษิณเคยพูดไว้ และหลังจากนั้น ก็เกิดเรื่องขึ้นทุกวันนานติดต่อกันหลายเดือนแล้ว
การล้อเลียนเกินความพอดีของ นายแอนดรูว์ แมคเกรเกอร์ มาร์แชลล์ นักข่าวของรอยเตอร์ ซึ่งมีขึ้นและได้รับการเผยแพร่ในซีเอ็นเอ็น ขณะที่บีบีซีขอสัมภาษณ์เขา และ นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ล็อบบียิสต์ที่ทักษิณว่าจ้างได้นำไปอ้างอิงต่อ ไม่สามารถจะพูดเป็นอื่นได้ นอกจากสะท้อนถึงแผนการ เจตนารมณ์ และวิธีการที่ได้รับการว่าจ้างจากตะวันตก และนับเป็นตัวอย่างล่าสุดที่ตอกย้ำถึงความต่ำช้าเลวทรามของวงการหนังสือพิมพ์ของตะวันตก ที่เป็นสื่อกระแสหลัก ขณะเดียวกัน ใช่ว่านักข่าวตะวันตกที่ทำงานในสื่อกระแสหลัก ทุกคนจะซื่อสัตย์ยอมรับว่าตัวเองก็เหมือนกับนายมาร์แชลล์ ที่ขาดทั้งความน่าเชื่อถือและไร้จรรยาบรรณ พวกเขาทุกคนยังคงหลอกลวง มีอคติและมีความเห็นแสบสันทางการเมือง
ทั้ง ซีเอ็นเอ็น, บีบีซี นิตยสารฟอรีน โพลิซี และสำนักข่าวอื่นๆ ต้องการจะคบหากับคนอย่างนายมาร์แชลล์ จริงหรือ คนซึ่งวิพากษ์วิจารณ์การประท้วงด้วยถ้อยคำหยาบคายเหมือนเด็ก หรือพูดถึงเนื้อหนังมังสาของผู้หญิงแก่ๆ คนหนึ่ง หรือล้อเลียนชายพิการคนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนายมาร์แชลล์ไม่ให้ทำหน้าที่ของนักข่าว (หรือแม้กระทั่งนักโฆษณาชวนเชื่อ) ด้วยการปิดหูปิดตาผู้อ่าน รวมทั้งปล่อยขี้เท่อตามบทที่ได้รับจากบริษัทสื่อของตะวันตก ซึ่งเป็นคนจ่ายเงินก้อนงามให้
แน่นอน สำหรับตะวันตกที่ต้องการให้งานเดินหน้าต่อไป ก็แทบไม่มีทางเลือกอื่น การที่ยังต้องอาศัยแหล่งข้อมูลของนายแอนดรูว์ มาร์แชลล์ อาจจะได้รับการตอบรับจากกลุ่มที่สนใจในความจริง และปราศจากอคติ แต่ก็ทำให้ประชาชนได้ข้อสรุปเช่นกันว่าไม่ใช่แค่นายมาร์แชลล์ เท่านั้นที่ไม่มีสิทธิอ้างตัวเองว่าเป็นนักข่าว ระบบส่วนใหญ่ของวงการหนังสือพิมพ์ที่ยังคงมองว่างานของเขานั้นเหมาะสม ก็ไม่มีคุณค่าใดๆ เช่นกัน