“ประยุทธ์” ลั่นวันนี้ประกาศเจตนารมณ์โตไปไม่โกง ชี้ชาติเสียหายแยะแล้ว เรียกรัฐมนตรีถกตามต่อทันที ขอระวังเผยแพร่โซเชียล จี้ทุกหน่วยร่วมทำงาน อย่าทำด้วยความรู้สึก ลั่นคอร์รัปชันจะโทษราชการอย่างเดียวไม่ได้ ขู่ลงโทษทั้งคู่ถือว่าสมยอม เผยชื่อคนโกงถึงนานแล้ว ถามจะให้ฆ่าให้หมด 152 คนหรืออย่างไร สวนตรวจสอบง่ายนักหรือ ยันคนผิดเข้าคุกคนถูกก็เอาออกมา ซักทำไมไม่ไปไล่บี้รัฐบาลที่แล้วบ้าง
วันนี้ (8 มิ.ย.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 08.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการประกาศเจตนารมณ์ “ต่อต้านการทุจริตสร้างจิตสำนึกไทยไม่โกง” พร้อมด้วยนายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านสังคม, พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)
โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้เป็นวันสำคัญซึ่งจะเป็นประวัติศาสตร์ที่สำคัญ เพราะเรามีความจำเป็นต้องพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม เพื่อเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านประเทศ มีทั้งเหตุการณ์ที่ดีและไม่ดี อยากให้ทุกคนศึกษาปัญหาและร่วมกันหาทางออกตามหลักพระพุทธศาสนาอริยสัจสี่ รู้ว่าปัญหาเกิดจากอะไรและแก้ที่ตรงไหน อย่างเช่นข้าราชการก็ต้องมีคำว่า How to do ไม่ใช่ประกาศเจตนารมณ์วันนี้แล้วก็จบ ต้องแก้ปัญหาทั้งระบบวางผลสัมฤทธิ์ที่ต้องการเช่นเดียวกับ คสช.ที่เมื่อปีที่แล้วคาดว่าสถานการณ์จะเป็นปกติแบบวันนี้ และมีการเริ่มการปฏิรูปบางอย่างเพื่อส่งต่อรัฐบาลต่อไปจะต้องไม่ได้เริ่มใหม่ทั้งหมด วันนี้ต้องขอบคุณมิตรประเทศที่ร่วมกันพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับอารยประเทศซึ่งเราเป็นประเทศเล็กๆ แต่ต้องมีตัวตนให้เห็นว่าไทยมีสิ่งที่ดี เพราะถ้าเสียงไม่ดังพอ ทำตัวไม่ดีก็จะกลายเป็นประเทศที่ถูกลืมในสังคมโลก
“วันนี้มีปัญหาหลายด้านทั้งเศรษฐกิจ สังคม ความแตกแยกทางความคิด การเป็นประชาธิปไตยที่มีปัญหาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การบังคับใช้กฎหมายมีปัญหา เพราะจิตสำนึกของคนทำให้ระบบข้าราชการเสียหาย ความน่าเชื่อถือลดลง ตนจึงต้องใช้เวลาที่อยู่ในขณะนี้สร้างความเชื่อมั่นให้หน่วยงานราชการให้ได้โดยจะไม่เลือกปฏิบัติ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ปัญหาการทุจริตมีหลายรูปแบบ ไม่รู้ว่าแก้ไขปัยหาได้ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์หรือไม่ แต่เชื่อว่าเกิน 90 เปอร์เซ็นต์ทำได้แล้ว ทั้งนี้การทุจริตผลกระทบเสียหายต่อทุกด้าน โดยเฉพาะความเชื่อมั่นต่างๆ อย่างเช่น ค่าอำนวยความสะดวก ที่ไม่เคยมีมาก่อน ใครเสียก็ขอให้มาแจ้งที่หน่วยราชการ เพราะแจ้งตำรวจก็ไม่เชื่อมั่น แจ้งทหารก็ไม่ไว้ใจ ก็ให้ไปแจ้งที่ศูนย์ดำรงธรรม ทุกคนต้องกล้าแสดงออกไม่ต้องกลัว จะเสียแค่ 100 บาท หรือ 1,000 บาทก็ไม่ได้ทั้งสิ้น ปัญหาการทุจริตนั้นอยู่ที่คนและสิ่งแวดล้อมจิตวิทยา เพราะโลกเจริญก้าวไกลแต่จิตใจมนุษย์อยู่ที่เดิม ไม่รู้จะทำอย่างไรให้สอดคล้องกับเทคโนโลยี
“ค่านิยมเหล่านี้ทำให้เกิดคำพูดที่ว่า โกงได้ไม่เป็นไรแต่ต้องแบ่งปัน ก็ถือเป็นการโกงตัวเอง โกงประเทศชาติ สอนให้ลูกหลานโกงต่อไปเรื่อยๆ ถือเป็นบาปกรรม ทุกคนจะต้องมีหิริโอตตัปปะ ละอายและเกรงกลัวต่อบาป แต่วันนี้คนที่ละอายต่อบาปกลายเป็นคนจน แต่คนไม่อายก็รวยขึ้นไปเรื่อยๆ จึงต้องลดช่องว่างตรงนี้ให้ไดเ โดยการอยู่ร่วมกันด้วยความพอเพียง วันนี้ทุกอย่างดีขึ้น ฝากบอกคณะทูตานุทูตว่าอย่ากังวลประเทศไทยไม่ได้เลวร้ายทั้งหมด และขณะนี้กำลังปรับปรุงให้สอดคล้องกับการค้าการลงทุน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า 2 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) พบว่า มีโครงการข้าวผิดพลาดขาดทุนกว่า 2 แสนล้านบาท ขายข้าวได้เพียง 1.5 แสนล้านบาท และประเมินว่าจะขายออกไปได้แต่ก็คงไม่มีรายได้มากกว่านี้ ส่วนเรื่องนี้ใครจะผิดหรือถูกก็ว่ากันไปตามกระบวนการ ประชาชนเข้าใจเรื่องดังกล่าวมากขึ้น วันนี้เรากำลังปรับโครงสร้งที่สำคัญทุกประเภท ไม่ใชเพียงใช้งบประมาณอย่างเดียวจนส่งผลกระทบต่อระบบการเงินการคลังของประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รับปชันประจำปี 2557 ได้คะแนน 38 จาก 100 อยู่ในอันดับที่ 85 จากทั้งหมด 175 ประเทศทั่วโลก เป็นอันดับที่ 12 จาก 28 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จากการอันดับในปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้อันดับดีกว่าเดิม จากปีก่อนหน้านี้ได้อันดับที่ 102 ของโลก และอันดับที่ 16 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เมื่อพิจารณาจากกลุ่มประเทศในอาเซียนมีเพียงสิงคโปร์ และมาเลเซียเท่านั้นที่มีคะแนนเกิน 50 โดยไทยอยู่อันดับที่ 3 จาก 9 ประเทศในอาเซียน
“แม้คะแนนประเทศจะสูงขึ้นดีใจ แต่ก็ยังไม่พอใจ ไม่อยากอวดว่า คสช.เข้ามาแล้วอันดับประเทศดีขึ้น เมื่อไหร่เราจะได้ที่ 1 ก็ไม่รู้ ระวังโลกจะแตกเสียก่อน แต่ต้องเอาให้ได้ในอาเซียนก่อนแล้วกัน สิทธิเสรีภาพของทุกคนมีเท่าเทียใกัน หากละเมิดคนอื่นเมื่อไหร่ถือว่าโกงเมื่อนั้น คิดว่าจะทำผิดก็คือโกง จะรอเวลาหมดโรดแมปแล้วกลับมาทำก็ไม่ได้ ยืนยันทุกอย่างเดินตามโรดแมปที่มีอยู่ ขอร้องว่าโกงอย่ามองเรื่องเงินอย่างเดียว แค่คิดผิดก็ถือเป็นการโกงคนอื่นแล้ว” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้รัฐบาลแก้ปัญหาทุจริตทั้งระบบ โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้างซึ่งหลายโครงการวันนี้ก็ลดราคาลงได้ 20-30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเงินส่วนนี้ก่อนหน้านี้เป็นตัวเลขที่สูญเปล่าไปเฉยๆ และถูกนำไปใช้เชื่อมโยงกับธุรกิจสีเทา วันนี้นี้ธุรกิจสีเทาหายไปหมดทำให้เศรษฐกิจไทยบางส่วนตกต่ำ แล้วก็ยังมาโทษว่าตนทำให้เศรษฐกิจประเทศแย่ลง แล้วจะให้ตนทำอย่างไร ทำต่อหรือไม่ เพราะเงินเหล่านี้ผิดกฎหมายทั้งหมด
“จะยอมให้มีการทำผิดกฎหมายกันหรือไม่ ผมจำเป็นต้องจัดการทั้งหมด และไม่ได้ต้องการคะแนนเสียง เพียงแต่ต้องการความพึงพอใจ ไม่ต้องการให้ต่อต้านหรือประท้วง เพราะประท้วงไม่ได้อยู่แล้ว อย่าคิดเตรียมการใดๆ ผมรู้ทั้งหมดว่าใครเตรียมการประท้วง ไม่งั้นจะเข้ามาทำไม ผมรู้ตัวผมอยู่ อย่าหลอกว่าทำอะไรก็ได้ พูดอะไรก็ได้เพราะเป็นประชาธิปไตย เข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่ วันนี้ผมเป็นคนกำหนดกติกา ที่ผ่านมาหลายรัฐบาล หลายพวกทำไม่ได้ วันนี้ผมมาออกกติกาท่านก็ต้องทำให้ได้ วันนี้ต้องไม่มีการทุจริต ได้สั่งให้รัฐมนตรีตรวจสอบในหลายโครงการ ตอนนี้ทราบว่ามีความกล้ากันมากขึ้น เริ่มมีชื่อให้เห็น” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้สื่อโซเชียลมีเดียทำให้คนไม่มีโอกาสแก้ตัว เผยแพร่ไปอย่างรวดเร็ว เช่น บางคนไปโพสต์ให้เกิดความแตกแตกแยก ปรากฏว่าเมื่อเข้าไปดูก็อ้างใช้รูปคนอื่น อย่างนี้ถือว่าไม่กล้าจริง ถ้ากล้าจริงขอให้มาหาตน อย่างไรก็ตาม ในการตรวจสอบการทุจริตนั้น คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ซึ่งตั้งมาเพื่อไม่ใช่ให้เป็นศาลไคฟง แต่ตั้งมาเพื่อตรวจสอบและส่งต่อไปยังองค์กรอิสระและหระทรวงยุติธรรม เพราะที่ผ่านมาทำไม่ได้ วันนี้รัฐมนตรีไม่ใช่นักการเมืองต้องแก้ไขให้ได้ ยืนยันไม่ได้เลือกข้างแต่ต้องดูว่าทำผิดหรือไม่ วันนี้ผมอยู่ข้างประเทศไทย คนที่ยอมรับกฎหมายก็ว่ากันไป แต่คนที่ไม่ยอมรับกฎหมายต้องเล่นงานเอาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้ทั้งหมด
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อยากให้ทุกคนติดตามดูแลเรื่องการทุจริต การทำงานวันนี้ต้องชัดเจน วันนี้มีคณะทำงานตรวจสอบ 3-4 คณะซึ่งทำงานอยู่ ซึ่งวันนี้ต้องชัดเจน แต่ต้องหาหลักฐานให้ดี ส่วนการดำเนินการจะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรม ตนไม่เคยสั่ง ทั้งนี้หากมีการตรวจสอบพบความผิดชัดเจนก็ต้องถูกดำเนินการ แต่ถ้าไม่ผิดก็กลับเข้ามาได้ หาตำแหน่งให้ได้อยู่แล้วส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าถุกกระทำเพียงฝ่ายเดียวนั้นไม่ใช่ ทุกอย่างว่าไปตามกระบวนการ ยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการแก้แค้นหรือทำลายล้างกัน
นายกรัฐมนตรีกล่าวในช่วงท้ายว่า เรื่องของภาษีจำเป็นที่ต้องแก้ไขการจัดเก็บภาษี ต้องเอาคนทั้งประเทศเข้าสู่ระบบภาษีให้ได้ จะต้องมีรายชื่อไม่ว่าจะมีรายได้เท่าไหร่ก็ตาม ถ้าถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีก็ต้องเสีย แต่ถ้าใครไมีรายได้ไม่ถึงก้ไม่เก็บ เพียงแต่ต้องมีรายชื่อไว้ในระบบเพื่อที่ทางราชการจะได้ดูแลช่วยเหลือได้ในอนาคต ซึ่งได้สั่งการไปยังกระทรวงการคลังแล้วว่าจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ และต้องทำให้การกรอกภาษีทำได้ง่ายขึ้น เพราะมีทั้งเกษตรกร พ่อค้าแม่ค้า ที่อาจไม่เข้าใจ บางคนก็ยังอ่านหนังสือไม่ออก เรื่องการทุจริตต้องไปดู แต่ตนยืนหยัดที่จะเดินหน้าด้วยความจริงใจ และการเข้ามาเป็นรัฐบาลวันนี้ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน
“ไม่ใช่มาเรียกผมเป็นหมูเป็นหมา เป็นตัวไอ้นั้นไอ้นี่ ผมรับไม่ได้เพราะผมเป็นทหาร เกียรติยศยังอยู่กับผม ผมจะตายหรืออยู่ที่ไหน ผมก็ยังเป็นทหาร เกียรติยศศักดิ์ศรีผมยังมีอยู่ ผมไม่ใช่นักการเมือง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
จากนั้นนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี พร้อมผู้ร่วมงานได้ประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริต สร้างขิจสำนึกไทยไม่โกง อย่างพร้อมเพรียงกัน โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวหลังประกาศเจตนารมณ์เสร็จว่า “ถ้าทำได้ก็ขอให้มีความเจริญรุ่งเรือง แต่ถ้าใครไม่ทำตามคำนี้ก็ขอให้มีอันเป็นไป ผมถวายสัตย์ฯ มาก็อย่างนี้”
ทั้งนี้ ภายหลังการประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริตฯ นายกฯ ได้ถือโอกาสเรียกรัฐมนตรีที่ร่วมงานทั้งหมดมาหารือที่ตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อติดตามความคืบหน้าในการทำงาน โดยใช้เวลาในการหารือประมาณ 20 นาที แหล่งข่าวในที่ประชุมเปิดเผยว่า การเรียกประชุมดังกล่าวนายกฯระบุว่า ไหนๆ รัฐมนตรีก็มากันหลายคน เหมือนกับ ครม.น้อย และมีทหารด้วย จึงได้เรียกมาติดตามงานของแต่ละกระทรวง เช่น งานด้านความมั่นคง การศึกษา เศรษฐกิจ ใครมีอะไรคั่งค้างก็ต้องรีบทำ
มีรายงานด้วยว่า ระหว่างนายกฯ มอบนโยบายเรื่องการต่อต้านการทุจริตฯ ในตอนหนึ่ง ได้เปรยว่าวันเสาร์-อาทิตย์อ่านหนังสือพิมพ์แล้วเห็นข่าวเรื่องการทุจริต และโทร.หาพี่ๆ แต่รับสายก็คุยกันนิดเดียวแล้วก็วางสาย สงสัยพี่ๆ คงกลัวตนจะสั่งงาน
นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาข้าราชการทุจริตคอร์รัปชันว่า วันนี้มีทุกภาคทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน อย่ามาโทษภาคราชการอย่างเดียว ฉะนั้นจะลงโทษทั้งคู่ ถือเป็นการสมยอม แต่จะโทษข้าราชการอย่างเดียวไมได้ ตนก็เป็นข้าราชการ คนดีๆ ก็มีอยู่ วันนี้ชอบพูดนักทหาร ตำรวจ ข้าราชการแล้วคนดีๆ เขาอยู่ไหนลูกเต้าเขาอยู่ไหน ครอบครัวเขาอยู่ที่ไหน มันเลวทั้งหมดหรืออย่างไรเขียนให้ดีบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า รายชื่อข้าราชการทุจริตถึงมือหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถึงนานแล้ว แล้วทำไมจะให้ฆ่าทั้งหมดทั้ง 100 กว่าคนเลยหรืออย่างไร ก็กำลังดำเนินการอยู่บุคคลใดอยู่ในตำแหน่งหน้าที่หลักก็เอาออกมาและสอบสวนลงโทษ เมื่อถามว่า ทั้งหมด 152 รายชื่อใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การดำเนินการตรวจสอบ 152 รายชื่อมีขั้นตอนในการทำงาน แต่การตรวจสอบมันง่ายนักหรือไง ทำไมจะต้องไปเร่งกฎหมายว่าต้องเสร็จวันนู้น วันนี้มันได้อะไรขึ้นมา ความเสียที่เกิดอยู่ได้อะไรจากตรงนี้หรือไม่ คนผิดก็เอาเข้าคุกตรวจสอบไป ถ้าถูกก็เอาออกมา มันไม่เห็นจะเป็นจะตายอะไรหนักหนา ต้องทำอย่างไรให้คนอยู่ทำงานได้ รัฐบาลที่แล้วทำไมไม่ไปไล่เขาทำบ้าง แต่ทำไมเหลือมาถึงวันนี้
มีรายงานว่า ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีตอบคำถามผู้สื่อข่าวนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวอย่างมีอารมณ์หงุดหงิดในทุกคำถาม และตอบเพียงสั้นๆ และตัดบทให้เป็นคำถามต่อไป