“ประยุทธ์” มอบรางวัลเกษตรดีเด่น รับดีใจที่พบ ขอให้ภูมิใจกระดูกสันหลังชาติ รับอายที่ยังช่วยไม่ได้ เผยในหลวง-พระราชินีทรงห่วง ขอชาวนามองวิกฤตเป็นโอกาส อย่าทะเลาะ รับอยากชกปากพวกปลุกระดม ชี้โกงก็อย่าไปเลือก รับปากชาวนาจัดการไอ้โม่งทำข้าวแพง ทั้งที่ซื้อราคาถูก แย้มรู้เป็นใคร พร้อมสอบกำไรอยู่ที่ใคร แนะขายไม่ผ่านคนกลาง รับต้องระวังขายข้าวโกดัง หวั่นถูกโยนบาป อ้างจำนำข้าวทำถูก
วันนี้ (4 มิ.ย.) ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานมอบรางวัลเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2558 ให้แก่ผู้นำชาวนา องค์กรชาวนา เนื่องในโอกาสวันข้าวและชาวนาแห่งชาติในวันที่ 5 มิ.ย. โดยพล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ดีใจที่ได้มาพบชาวนาในวันนี้ ตนเป็นทหารมาทั้งชีวิตเคยทำงานแถวชายแดนในพื้นที่ชนบทจึงได้เห็นความยากจนและความลำบากของชาวนา และจากการตามเสด็จฯ จึงทำให้ทราบว่าทั้งสองพระองค์ทรงห่วงชาวนาอยากให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น วันนี้เราจึงต้องนำสิ่งที่พระองค์ท่านเริ่มต้นมาทำต่อ แม้เป็นนายกฯ ที่ไม่ใช่นักการเมือง ไม่เคยคิดมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อต้องเข้ามาดูแลบ้านเมืองชั่วคราวจะต้องสร้างความเข้มแข็งและความมั่นคงให้มากที่สุด โดยเฉพาะปัญหาในด้านการเกษตรที่วันข้างหน้าสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ฝนจะไม่ตกตามฤดูกาล จึงต้องมีการวางแผนการเพาะปลูก ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ จะต้องวางแผนบริหารจัดการข้าวทั้งประเทศ กำหนดพื้นที่เพาะปลูก ส่งเสริมปลูกข้าวพันธุ์ดี และทำระบบชลประทาน ขุดเจาะแหล่งน้ำ ลดต้นทุนการผลิต ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ให้มากขึ้น โดยจัดทำในรูปแบบสหกรณ์
“อยากให้ชาวนาทุกคนภาคภูมิใจ เพราะชาวนาคือกระดูกสันหลังของชาติ ถ้ากระดูกสันหลังหักก็เหมือนกับชีวิตดับหรือเป็นอัมพาต เท่ากับประเทศไทยป่วยหรือบาดเจ็บ เหมือนตนที่ขณะนี้ปวดคอ ปวดหัวเพราะเครียดจากการทำงาน จะหายก็ต่อเมื่อเห็นชาวนามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น วันนี้เวลาผมนั่งรถโก้ๆ แล้วผ่านไปเจอชาวนาที่ตากแดดตากฝน ผมอายเขาเพราะยังช่วยอะไรเขาไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า วันนี้ข้าวล้นคลังราคาข้าวตกต่ำมีความเสียหายมาก ซึ่งนโยบายประชานิยมนั้น อาจจำเป็นในบางเรื่อง แต่เป็นเพียงระยะสั้น ไม่ใช่ระยะยาว ซึ่งวันนี้ตนเข้ามาหยุดการทุจริตทั้งหมด ทุกคนต้องช่วยกันดูไม่ให้มีคนโกง ต้องช่วยกันรักษาประโยชน์ของชาติ วันนี้ขอให้ชาวนามองวิกฤตเป็นโอกาส ต้องไม่มีสีไม่มีกลุ่ม จะมาทะเลาะกันไม่ได้อีกแล้ว โลกจะทะเลาะหรือรบกันจนตายก็ปล่อยเขาไป แต่ถ้าเรามัวแต่ทะเลาะกันจะประเทศจะขับเคลื่อนต่อไปไม่ได้ ตนไม่ได้รังเกียจนักการเมืองหรือประชาธิปไตย แต่ประชาธิปไตยต้องมีธรรมาภิบาลและต้องดูแลคนทุกอาชีพ
“วันนี้รัฐบาลเข้ามาสร้างอนาคตให้ ก่อน 22 พ.ค. ปัญหามีมากมายเพราะมีคนมาปั่นให้ทะเลาะกันเอง ถามว่าคนปลุกปั่นได้อะไร ประเทศเสียอะไร แกนนำตายหรือไม่ มีแต่มวลชน เราต้องคิดถึงประเทศชาติ วันหน้าประเทศจะได้เป็นมหาอำนาจในอาเซียน ใครทำแล้วโกงก็อย่าไปเลือก ผมไม่ได้หมายถึงใครนะ วันนี้ยังมีเคเบิ้ล หรือเสียงตามสายพูดจาปลุกระดมให้คนเกลียด คสช. ผมอยากฝากชกปากสักที” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรียังเปิดโอกาสให้ชาวนาถาม ซึ่งนายรังสรรค์ กาสูรงค์ ตัวแทนชาวนาจาก จ.ฉะเชิงเทรา ลุกขึ้นถามว่า ทำไมซื้อข้าวจากพวกเราในราคาถูก แต่เมื่อไปขายกลับมีราคาแพง จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีหาตัวไอ้โม่งที่ทำให้ราคาแพงขึ้น พล.อ.ประยุทธ์จึงกล่าวว่า ไอ้โม่งไม่ต้องไปหาก็เจอ แต่ตนก็จะรับเรื่องใหักระทรวงเกษตรฯ ไปจัดการ อย่างไรก็ตาม การจะทำอะไรก็ต้องระวังและดูข้อกฎหมายเป็นหลัก ถ้าเป็นการแทรกแซงก็จะผิดข้อตกลงของเขตการค้าเสรีหรือเอฟทีเอ ส่วนการแทรกแซงราคารับจำนำข้าว 15,000 บาทต่อตันผิดหรือไม่ ตนไม่รู้ แต่ต้องมีการตรวจสอบ ทั้งนี้ขอให้ชาวนารวมตัวกันใช้โซเชียลบิซิเนสเพื่อให้มีช่องทางในการขายข้าวโดยตรงไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง เพราะหากรัฐบาลจะนำข้าวในสต็อกมาขายราคาถูกก็จะทำให้เสียกลไกตลาด
พล.อ.ประยุทธ์ยังให้สัมภาษณ์ถึงข้อเรียกร้องของตัวแทนชาวนาจังหวัดฉะเชิงเทรา ว่า ชาวนาเขามีความสงสัยว่ากำไรในเรื่องการขายข้าวอยู่ที่ใคร ซึ่งขณะนี้กระบวนการยุติธรรมกำลังดำเนินการสอบสวนอยู่ ก็มีทั้งเรื่องกระบวนการการรับจำนำข้าว การขายข้าว ทั้งหมดอยู่ในกระบวนการสอบสวนแล้ว ในส่วนที่ตนได้มอบหมายให้ไปดูข้าวที่อยู่ในโกดังนั้น กระทรวงพาณิชย์ต้องไปดูกติกา กฎหมายพอสมควรว่าจะสามารถนำข้าวที่อยู่ในโกดัง จะสามารถนำออกมาขายให้กับประชาชนในราคาถูกได้หรือไม่ ซึ่งก็จะมาดูว่าต้นทุนที่เราใช้ไป จะสามารถนำมาทดแทนได้แค่ไหน ไม่เช่นนั้นก็จะถูกผู้ที่เกี่ยวข้องในโครงการรับจำนำข้าว กล่าวหาว่าเราจำหน่ายข้าวในราคาที่ถูกเกินไป แล้วทำให้ขาดทุนเยอะ กลายเป็นว่าความผิดที่พวกเขาได้รับมาเป็นเพราะเราขายข้าวไม่ดีเอง เรื่องนี้ต้องระวังหากจะเอาข้าวมาขายในราคาถูก จะกลายเป็นข้อแก้ตัวให้กับอีกฝ่ายหนึ่ง ถ้าขายได้มาก ในราคาสูงก็จะเป็นข้ออ้างอีกว่า แสดงว่าเขาทำถูก ส่วนจะถูกหรือผิดก็ให้กระบวนการยุติธรรมไปว่ากัน ตนรู้แต่เพียงว่าตอนนี้มันเป็นภาระกับระบบการเงินการคลังของประเทศ จึงต้องไปหาตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องในกระบวนการทั้งการส่งออก การปลอมปนข้าว ที่หลายคนเรียกว่าไอ้โม่ง ตอนนี้อยู่ในกระบวนการทั้งหมดแล้ว ทุกฝ่ายก็คงจะรู้ว่าเป็นใคร โดยเฉพาะกระทรวงเกษตร กำลังรวบรวมข้อมูล และดำเนินการฟ้องศาลอยู่ซึ่งอาจจะดำเนินคดีในทางแพ่งด้วย