ศปป.จัดเวทีปรองดองรอบ 2 ดึงตัวแทนพรรคการเมือง-นักวิชาการ-ภาคประชาชนร่วมถกทิศทางปฏิรูปประเทศ บรรยากาศเป็นไปด้วยดี แกนนำแดงอ้างร่างรัฐธรรมนูญใหม่จะก่อวิกฤตสร้างความเสียหายมากกว่าเดิม แนะ กมธ.ยกร่างฯ เขียนให้เป็นประชาธิปไตย ขู่ถ้าไม่แก้ไขแล้วทำประชามติจะเกิดหายนะในอนาคต พร้อมเตือน คสช.อำนาจของร้อน ถ้าอยู่นานไม่เป็นผลดี ขณะเดียวกันเรียกร้องทบทวนปิดพีซทีวี
ที่สโมสรทหารบก วิภาวดี วันนี้ (3 มิ.ย.) ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) จัดเสวนาปรองดองสมานฉันท์เพื่อความมั่นคงและยั่งยืนในสังคมไทย ครั้งที่ 2 ในหัวข้อ “อนาคตของประเทศไทย” โดย ศปป.ได้เชิญตัวแทนพรรคการเมือง นักวิชาการ และตัวแทนกลุ่มภาคประชาชนเข้ามาร่วมพูดคุยหารือเพื่อเสนอแนวทางเดินหน้าปฏิรูปประเทศ โดยมี พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เสนาธิการทหารบก เป็นประธานในเวทีการพูดคุย พร้อมด้วย พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ในฐานะ ผอ.ศปป. เข้าร่วมเสวนา
สำหรับบรรยากาศก่อนเข้าประชุม ได้มีนักวิชาการและนักการเมืองทยอยเข้าร่วมเสวนา ประกอบด้วย นายเสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการอิสระ นายสุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีต รมว.คลัง นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำ กปปส. นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง สภาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) นายปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการอิสระ รวมทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เดินมาร่วมเสวนาในช่วงบ่าย อย่างไรก็ตาม ในการประชุมหารือไม่อนุญาตสื่อมวลเข้าร่วมรับฟังแต่อย่างใด
นายนพดล ปัทมะ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือว่า วันนี้มาคุยเรื่องอนาคตของประเทศมากกว่าเรื่องในอดีต เช่น เรื่องการศึกษา เศรษฐกิจ กระบวนการยุติธรรม รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย เห็นเจตนาที่ดีของ ศปป. แต่ละคนมีมุมมองของตัวเอง แต่ก็หารือกันด้วยดี
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการพูดคุยเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ นายนพดลกล่าวว่า ไม่มีเรื่องการเมือง ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร วันนี้บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปด้วยดีแบบพี่น้อง ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ทหารจะเป็นคนให้รายละเอียดเอง เป็นความร่วมมือในเรื่องของการปฏิรูป ไม่ได้คุยกันในเรื่องความขัดแย้งในอดีต
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวว่า ภาพรวมในการพูดคุยครั้งนี้ พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เสนาธิการทหารบก ประธานในเวทีเสวนาได้เปิดกว้างรับฟังทุกความคิดเห็นที่หลายฝ่ายแสดงความห่วงใย ทั้งมิติด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม โดยเฉพาะการร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อทางออกให้กับประเทศและการประชุมแบบนี้จะมีขึ้นอีกในครั้งต่อไป โดยแต่ละฝ่ายได้นำเสนอความคิดเห็นที่หลากหลายมิติตามแนวทางมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน เชื่อว่าเวทีหารือแบบนี้จะเป็นสิ่งที่ดี
ส่วนข้อเสนอของกลุ่ม นปช.นั้น ตนได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญที่อาจจะก่อให้เกิดวิกฤตในอนาคตซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้นกว่าเดิม เพราะในเนื้อหาจะทำให้ประเทศกลับมาสู่วิกฤตอีกครั้ง และระหว่างทางก็จะทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจที่ประเมินค่าไม่ได้
นอกจากนี้ ตนได้ยังได้แสดงความคิดเห็นในประเด็นที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ปิดสถานีโทรทัศน์พีซทีวี ที่มีการอ้างคำพูดตนที่ระบุว่าอย่ามองคนเห็นต่างเป็นศัตรู เพราะจะทำให้บรรยากาศบ้านเมืองมีความน่ารักมากกว่านี้ ตนพูดเพียงเท่านี้กลับถูกเพิกถอนในอนุญาต ดังนั้นขอฝากไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ช่วยพิจารณาว่าคำพูดที่ตนพูดนั้นว่าถึงกับต้องถอนใบอนุญาตเลยหรือไม่ อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกตนจะมีความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่ไม่ใช่ว่าจะต้องมาทำลายล้างกัน
“ส่วนความขัดแย้งทางการเมือง พวกผมได้พูดว่าเป็นความเห็นที่แตกต่าง แต่ไม่ใช่ลักษณะการเผชิญหน้า ซึ่งแต่ละฝ่ายไม่ต้องการซ้ำเติมปัญหาให้กับประเทศ เพียงแต่ต้องรับฟัง และเมื่อรับฟังแล้วก็นำเสนอให้กับผู้มีอำนาจอย่างตรงไปตรงมา เพื่อแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด อีกทั้งจะเป็นประโยชน์ให้กับประเทศโดยรวม” นายจตุพรกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าหน้าที่ได้ขอความร่วมมือให้งดการเคลื่อนไหวต่างๆ หรือไม่ นายจตุพรกล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพวกตนพูดคำไหนคำนั้น และไม่มีวาระซ่อนเร้น เมื่อคนไทยให้โอกาส คสช.ก็ต้องทำตามโรดแมป ดังนั้นคนไทยก็ต้องอดทนตามวันและเวลา วันนี้ปัญหาของชาติไม่ได้อยู่ที่สีใดสีหนึ่ง หรือพรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของคนไทยทุกคนที่ต้องรับผิดชอบต่อบ้านเมืองอย่างเท่าเทียมกัน
ส่วนหากประเทศไม่มีการเลือกตั้งภายในปี 2559 ทาง นปช.จะดำเนินการในทิศทางอย่างไรต่อไปนั้น นายจตุพรกล่าวว่า เราได้แสดงความเห็นว่าต้องการอะไร ถ้าต้องการให้บ้านเมืองเกิดความสงบก็ต้องเขียนรัฐธรรมนูญให้เป็นเนื้อหาประชาธิปไตย หรือถ้าต้องการอยู่ต่อก็บอกกันตรงๆ ตนไม่ได้กลัวว่าการที่อยู่ในอำนาจนานจะเป็นผลดีต่อผู้ที่มีอำนาจ เพราะอำนาจเป็นของร้อน ถ้าอยากให้บ้านเมืองเดินหน้าไม่กลับมาที่จุดเดิมก็ต้องเริ่มต้นด้วยรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามต่อว่าการทำประชามติจะเป็นตัวชี้วัดทางสังคมหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าโชคดีหากมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในชั้นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญได้ก็ไม่ต้องมีการทำประชามติ แต่ถ้ากรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญยังไม่เปลี่ยนแปลงเนื้อหา การทำประชามติคือความหายนะในอนาคต เมื่อถามถึงเรื่องการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น นายจตุพรกล่าวว่า ในที่ประชุมไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องดังกล่าวนี้
ด้านนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า การพูดคุยครั้งนี้มีเรื่องกระบวนการยุติธรรมด้วยซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ