ครม. จัดสรรงบปี 58 - 59 กว่า 2.6 หมื่นล้านบาท แก้ไขปัญหา “จุดตัดทางรถไฟ” ทั่วประเทศ กว่า 2,517 จุด ป้องกันอุบัติเหตุ ส่วนจุดตัด “ระยะเร่งด่วน” ให้ใช้งบประมาณ ปี 58 ก่อน 467 ล้านบาท ให้กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และการรถไฟแห่งประเทศไทย ดำเนินการ
วันนี้ (2 มิ.ย.) พล.ต.สรรเสิรญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบและอนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 - 2559 วงเงินรวม 26,793 ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาจุดตัดทางรถไฟ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ดำเนินงานตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด
“ในส่วนที่ผ่านมามีจุดตัดรถไฟรวมทั้งหมดกว่า 2,517 จุด และมีจุดตัดที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่มีอุปกรณ์ป้องกันกว่า 1,933 จุด ซึ่งก่อให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง จึงได้วางแนวทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว คาดว่า ในส่วนของจุดตัดที่ไม่ได้รับอนุญาตจะมีการประเมิน หากมีจำนวนรถยนต์มากกว่า 10,000 คันต่อวันวิ่งผ่าน จะมีการทำเครื่องหมายสัญญาณ โดยจะใช้งบประมาณในการจัดทำเพิ่มเติม 467 ล้านบาท พร้อมกันนี้ ยังได้อนุมัติวงเงินอีกกว่า 2,126 ล้านบาท ในการพัฒนาอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐานในจุดตัดที่ได้รับอนุญาต รวมไปถึงอนุมัติวงเงินอีกกว่า 24,200 ล้านบาท สำหรับการสร้างทางรอดเพิ่มเติมในจุดตัดโดยกำหนดในปีงบประมาณ 2558 - 2560 ด้วย”
ทั้งนี้ มอบหมายกระทรวงมหาดไทย (มท.) และหน่วยงานท้องถิ่นกำกับดูแลพื้นที่ทั่วไประเทศไม่ให้เกิดจุดตัดทางรถไฟ (ทางลักผ่าน) เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ หากจำเป็นขอให้หน่วยงานท้องถิ่นที่เป็นเจ้าของพื้นที่รับผิดชอบดำเนินการตามมาตรฐานความปลอดภัยที่ ร.ฟ.ท. กำหนด
โดยกระทรวงคมนาคม ได้แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมพิจารณาการขออนุญาตและการแก้ไขปัญหาจุดตัดทางรถไฟกับถนน โดยมีรองปลัดกระทรวงคมนาคม หัวหน้ากลุ่มภารกิจการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านทางหลวงเป็นประธาน และมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการ ประกอบด้วย กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท สำนักงบประมาณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมชลประทาน สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กรุงเทพมหานคร และ ร.ฟ.ท. ซึ่งได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาจุดตัดทางรถไฟ
ในส่วนของ “จุดตัดทางรถไฟ” ร.ฟ.ท. รายงานว่า มีเส้นทางรถไฟทั่วประเทศ รวมระยะทางทั้งสิ้น 4,043 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 47 จังหวัด ซึ่งจากการสำรวจพบว่า มีจุดตัดทางรถไฟ 2,517 แห่ง เป็นจุดตัดที่ได้รับอนุญาต 1,933 แห่ง และไม่ได้รับอนุญาตหรือทางลักผ่าน 584 แห่ง (สายใต้ 456 แห่ง สายเหนือ สายอีสาน และสายตะวัดออก 128 แห่ง) จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางรถไฟกับถนนบ่อยครั้งและมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น
ส่วนสภาพปัญหาและการเกิดอุบัติเหตุ ร.ฟ.ท. ได้ดำเนินการณรงค์และแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุที่เกิดบริเวณจุดตัดทางรถไฟอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงเกิดอุบัติเหตุและเพิ่มความรุงแรงขึ้น โดยเฉพาะบริเวณจุดตัดทางรถไฟที่ไม่ได้รับอนุญาต (ทางลักผ่าน) ทำให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนมาโดยตลอด ทั้งนี้มีสาเหตุเนื่องจากผู้ขับขี่ยานยนต์ประมาทขาดวินัยจราจรและสภาพแวดล้อม
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางรถไฟ คณะกรรมการร่วมพิจารณาการขออนุญาตและการแก้ไขปัญหาจุดตัดทางรถไฟกับถนนได้เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาจุดตัดทางรถไฟ โดยมีระยะเวลาการดำเนินการปี 2558 - 2560 ดังนี้
จุดตัดทางรถไฟที่ไม่ได้รับอนุญาต (ทางลักผ่าน) จำนวน 584 แห่ง ใน “ระยะเร่งด่วน” (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558) ร.ฟ.ท. จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ด้วยการติดตั้งป้ายหยุด ป้ายรูปรถไฟ พร้มอจัดทำสัญญาณเตือน ไฟกะพริบตลอดเวลา เนินชะลอความเร็ว และป้ายเตือนบริเวณจุดตัดทางรถไฟที่ไม่ได้รับอนุญาต (ทางลักผ่าน) จำนวน 584 แห่ง ทั้ง 2 ด้าน
“การแก้ปัญหาจุดตัดทางรถไฟทั้งระยะเร่งด่วนและระยะที่ 2 นั้น คาดว่าจะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 467 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ ครม. ได้ให้ความเห็นชอบ”
ระยะที่ 2 (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559) ร.ฟ.ท. จะดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์เสริมเพิ่มสัญญาณจราจร “สัญญาณไฟแดงวาบพร้อมเสียงเตือน” บริเวณป้ายหยุดทั้ง 2 ด้าน ซึ่งทำงานด้วยระบบตรวจสอบขบวนรถไฟที่ระยะ 300 เมตร ก่อนถึงจุดตัดผ่าน ในระหว่างที่ดำเนินการระยะเร่งด่วน และระยะที่ 2 ร.ฟ.ท. จะดำเนินการในการแก้ไขปัญหาจุดตัดทางรถไฟเพิ่มเติม 2 แนวทาง ดังนี้ 1. ดำเนินการสำรวจจุดตัดทางรถไฟที่ไม่ได้รับอนุญาต (ทางลักผ่าน) และ 2. ดำเนินการติดตั้งป้ายจราจรบริเวณจุดตัดทางรถไฟ มาตรฐานตามคู่มือการติดตั้งป้ายจราจรของกรมทางหลวงชนบทการติดตั้งป้ายจราจร พร้อมทั้งจัดทำเส้นชะลอความเร็ว หรือสัญลักษณ์บนพื้นทาง (Rumble Strip) โดย ร.ฟ.ท. จะขอความร่วมมือให้หน่วยงานเจ้าของพื้นที่ (ถนน) เป็นผู้ดำเนินการเพื่อเสริมความปลอดภัยบริเวณจุดตัดทางรถไฟ