xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ไม่สนนายกฯ คนนอก ฉุนสื่อเสี้ยมทำแตกแยก ชี้ถอดยศ “แม้ว” ว่าตาม คกก.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” เตรียมแจงผลงาน 1 ปี แม่น้ำ 3 สาย 4 มิ.ย.นี้ โยน กมธ.ยกร่างฯ แจงแก้รัฐธรรมนูญ กร้าวไม่เป็นนายกฯ คนนอก ชี้เขียนจากปัญหาที่เกิดขึ้น ยันทำเพื่อประโยชน์ ฉุนสื่อเขียนข่าวอำนาจคือการอยู่ต่อ น้องชายคอยป้อง-ยุคนอื่นมีสิทธิ์นั่ง ผบ.ทบ.จนกองทัพมีแตกแยก เผยไม่ได้เป็นได้ทุกคน ลั่นทำงานไม่มีพี่น้อง แจงถอดยศ “ทักษิณ” คกก.ชี้ผิดก็ต้องทำ ไม่ละเว้น ยึดเครื่องราชฯ ตามกฎหมาย ดักสื่ออย่าเสี้ยมให้ออกมาต้าน ลั่นไม่เกรงใจ



วันนี้ (2 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ครม.ว่า ในวันที่ 4 มิ.ย.ตนจะไปชี้แจงต่อ สนช.ในการประชุมแม่น้ำ 3 สาย โดยจะชี้แจงผลงานทำงานครบ 1 ปีของรัฐบาลและคสช. และจะมอบให้รองนายกฯเป็นคนพูดในกลุ่มงานทั้ง 5 กลุ่ม ตนจะกล่าวเปิดเล็กน้อยว่าที่ผ่านมาดำเนินการอะไรไปบ้าง ซึ่งขั้นตอนที่ 1 ในเรื่องการปฏิรูป คสช.และรัฐบาลดำเนินการไปแล้ว จากนั้นเป็นเรื่องการส่งต่อให้กับ สปช.เพื่อดำเนินการและส่งต่อให้รัฐบาลใหม่ต่อไป ทั้งนี้ ตนจะสรุปแล้วมอบให้รองนายกฯพูดคนละ 20-30 นาที จะพูดให้ฟังว่าอะไรทำจบไปแล้ว อะไรที่กำลังทำหรืออะไรที่จะไม่ได้ทำแน่ ทำไม่ทัน ก็จะส่งต่อ ซึ่งตรงนี้ สปช.จะนำไปสานต่อ จะไปเริ่มต้นใหม่หมดไม่ได้ ที่ทำมาทั้งหมดก็ถือว่าล้มเหลว

เมื่อถามถึงรัฐบาลเสนอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญไปกว่า 100 ประเด็น คิดว่า กมธ.ยกร่างฯ จะแก้ไขได้มากน้อยแค่ไหน นายกฯ กล่าวว่า ไม่รู้ ไปถาม กมธ.ยกร่างฯ เอง ส่วนประเด็นที่เป็นห่วงคือเรื่องอย่าให้เกิดความขัดแย้ง และทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องที่ประชาชนยอมรับ ประชาชนได้ประโยชน์และประเทศไทยและเป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยยั่งยืน ไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีเสื้อสีนั้นสีนี้ขึ้นมาต่อต้านกันอีก ส่วนใครที่จะทำให้เกิดตรงนี้ได้ไม่ใช่ตน อยู่ที่ทุกคนและอยู่ที่สื่อมวลชน 50 เปอร์เซ็นต์

ผู้สื่อข่าวถาม มีคำขอให้แก้ใน ครม.ที่ไม่มีประเด็นนายกฯ คนนอกเพราะอะไร นายกฯ กล่าวว่า “เรื่องนายกฯ คนนอกไม่ใช่เหตุผลอะไร แต่เป็นเพราะนายกฯ คนนอก ทุกคนจะระแวงว่าจะเป็นผมหรือใคร ผมบอกแล้วว่าผมจะไม่ไปอยู่อย่างนั้นเด็ดขาด ผมจะไปอยู่ด้วยอะไร เขาเขียนไว้ไม่ใช่หรือว่าถ้าสถานการณ์มันเกิดความขัดแย้งสูงจนรัฐบาลดำเนินการไม่ได้ หรือเลือกตั้งไม่ได้ ก็เอาข้อเท็จจริงจากครั้งที่แล้วมาเขียนซึ่งเป็นเรื่องของเขา ถ้าผ่านได้เขาก็ผ่านไป แต่ไม่ใช่ผมแน่นอน แล้วถ้าผมเข้ามา ผมไม่มีอำนาจ มันจะคุมใครอยู่ อำนาจคือความชอบธรรม ที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้ ความชอบธรรม ของผมคือประชาชนพึงพอใจในสิ่งที่เขาควรจะได้ ไม่ใช่มาปลุกระดมให้คนเขามารักผมหรืออะไรต่างๆ แต่ผมมองในเรื่องอนาคต ผมไม่ได้มองว่าให้คนในประเทศมารักผม แม้คนจะเกลียดผมทั้งประเทศแต่ผมทำให้เกิดประโยชน์ บ้านเมืองมีความเจริญ ผมก็ภูมิใจ ต่อให้คนเกลียดผมทั้งประเทศก็ตาม และวันข้างหน้าคนเขาจะคิดถึงผม ซึ่งผมอาจตายไปแล้วก็ได้ มันเป็นประโยชน์กับประเทศไทย เมื่อถึงวันนั้นก็คิดถึงผมก็แล้วกัน”

เมื่อถามว่าการที่คงนายกฯที่ไม่ได้มาจาก ส.ส.ด้วย ครม.มีการอภิปรายหรือไม่ว่ามีสาเหตุจากอะไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องนี้สื่อต้องไปฟังคนที่เสนอและพูดกันว่าปัญหามาจากครั้งที่แล้ว ปัญหาติดล็อกทั้งหมดแล้วเดินหน้าประเทศไม่ได้ ในระหว่าง 6 เดือนไม่มีคนบริหารประเทศ รัฐบาลไม่มีอำนาจเต็มแล้วใครจะเดินหน้าในเรื่องเศรษฐกิจ งบประมาณ ซึ่งที่ผ่านมามีปัญหาเช่นนั้น เขาเลยคิดว่าต้องหาใครมาสักคนมาบริหารประเทศ เมื่อคิดอย่างนี้ก็แล้วแต่เขา ก็ไปสู้กันมา

“ตอนนี้เราไประแวงกันเรื่องอำนาจ แล้วกลัวเรื่องของอำนาจ ซึ่งการใช้อำนาจในทางสร้างสรรค์ เขาถึงเรียกว่าอำนาจ แต่ถ้าสิ่งที่เป็นอำนาจแล้วขี้โกง ทุจริต เรื่องนี้ตนคิดว่าไม่ใช่อำนาจ จึงอย่าไปพูดว่าตนอยากจะอยู่ต่อ หรือคสช.อยู่เพื่ออำนาจ ตอบตนมาว่าอำนาจคืออะไร” นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มาถึงตรงนี้ พล.อ.ประยุทธ์มีอารมณ์ฉุนเฉียวและสั่งให้ผู้สื่อข่าวตอบว่าอำนาจทั้งหมดคืออะไร สื่อฯ เวลาเขียนก็ขอให้เขียนให้ถูกต้อง ไม่ใช่ไปเขียนว่าอำนาจคือเรื่องการอยากอยู่ต่อในตำแหน่ง โดยมีน้องชายตนคอยออกมาปกป้อง อย่ามาพูดอย่างนี้กับตน

ผู้สื่อข่าวถามว่าการอยู่ในอำนาจของนายกฯ หากมี พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา น้องชายขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ.ตามกระแสข่าว จะเป็นการช่วยค้ำรัฐบาล นายกฯ กล่าวว่า ค้ำอะไร ถ้าตนทำไม่ดี กองทัพเขาจะค้ำตนหรือไม่ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าเป็นพี่น้องกันก็อาจจะช่วยกัน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเสียงดังว่า คิดกันอยู่แค่นี้ ตนทำงานไม่มีพี่มีน้อง

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ถามผู้สื่อข่าวว่า เวลาแต่งตั้ง ผบ.ทบ.เขาดูจากอะไรบ้าง เมื่อได้คำตอบว่าดูจากความรู้ความสามารถ ความมีอาวุโส แล้วคุณสมบัติที่เด่น พล.อ.ประยุทธ์ตอบทันทีว่า “ถ้าไอ้ 2 คนแรกมันห่วย มันไม่ได้ ก็ต้องตั้งคนที่ 3”

เมื่อถามว่ามีด้วยหรือ นายกฯ ส่ายหน้า พร้อมกล่าวว่า “ไอ้บ้า กว่าจะโตมาถึงขนาดนี้ เขาก็กรองกันมาทั้งหมดแล้ว ก็ไปไล่ความมีความอาวุโสกันมา ไม่ใช่ใครก็จะเป็นได้ ไม่ใช่ 5 เสือก็เป็นไปได้ทุกคน ถ้ารอง ผบ.ทบ.ดี ก็ต้องเป็นรอง ผบ.ทบ. ไม่ใช่รอง ผบ.ไม่เอา ไปเอาเสธ. ไปเอาผู้ช่วยขึ้นมาแล้วจะตั้งรอง ผบ.ทบ.มาทำไม”

นายกฯ กล่าวว่า การตั้งคนต้องเป็นแบบนี้ ซึ่งการปฏิรูปตำรวจก็เหมือนกัน ทำไมจะต้องกังวล ถ้าจะตั้งปลัดกระทรวงหรืออะไร ถ้ามีคณะกรรมการ มี พ.ร.บ.ให้เขา มันก็คงจะไม่เสียอย่างเก่า ความจริงมันก็มีอยู่แล้ว ถ้าเขาทำตัวอย่างตนได้ ไม่ไปก้าวก่าย ไม่ไปสั่งคนนั้นคนนี้ทุกอย่าง เป็นไปตามขั้นตอนว่าใครเป็นได้ ใครเป็นไม่ได้ ในกองทัพเขารู้อยู่แล้ว ทำไมจะต้องไปเขียนให้คนนั้นคนนี้ จากที่ไม่เคยอยากจะเป็นก็อยากเป็นขึ้นมาบ้าง คิดว่ากูก็มีสิทธิ์เหมือนกัน นี่แหละที่เรียกว่าความแตกแยกในกองทัพ เป็นเพราะสื่อ

เมื่อถามว่าสรุปว่าจะตั้งใครเป็น ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ต้องไปเขียนว่าใครจะเป็น เพราะคนที่จะเขียน ผบ.ทบ.คนปัจจุบันเป็นคนเขียน แต่ละเหล่าทัพก็จะไปเข้าการพิจารณาของแต่ละคณะ วันนี้สื่อไม่ต้องรีบเขียนเพราะไม่ใช่เรื่องของสื่อ สื่ออยากเป็น รมต.กลาโหมบ้างหรืออย่างไร บางคนอยากเป็น ผบ.เหล่าทัพเสียเอง

ผู้สื่อข่าวถามว่าการพิจารณาตัดสินใจคัดเลือก ผบ.ทบ.และผบ.เหล่าทัพไม่ได้ขึ้นอยู่กับนายกฯ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่เคยสั่งและตอนที่ตนเป็น ผบ.ทบ.ก็ไม่เคยเกรงใจใคร เพราะถือว่าเป็นสิทธิและอำนาจของตน แต่ทั้งหมดทุกคนจะเอาพวงของตัวเองเข้าสู่ที่ประชุมสภากลาโหม ซึ่งมีคณะกรรมการแต่งตั้ง ถ้าทุกคนดูแล้ว แต่ละกองทัพไม่มีปัญหา เขาก็ตั้งไปตามนั้น

เมื่อถามว่าคุณสมบัติ ผบ.ทบ.ที่นายกฯเห็นว่าเหมาะสมในยุคนี้ควรมีอะไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีอะไร ทุกยุคมันจะต้องทำให้กลไกของประเทศเดินหน้าไปด้วยกลไกปกติ อย่าต้องใช้อำนาจ ต้องใช้กฎหรือใช้มาตรา 44 ตลอดไปจนตาย ทำไมไม่ลดภาระตรงนี้ลงไป โดยสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคราชการ เราต้องช่วยกันสอน อย่าให้ตนต้องไปบังคับทุกคน จะต้องให้บังคับกันถึงเมื่อไร

พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงขั้นตอนการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะใช้อำนาจของ ผบ.ตร.ตัดสินใจใช่หรือไม่ว่า เขามีคณะกรรมการ เมื่อถามย้ำว่าหมายถึงหากคณะกรรมการฯสรุปก็ส่งเรื่องให้ ผบ.ตร.เลยใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถ้าคดีที่มีความเกี่ยวข้องกับสถาบันฯ ก็มีคณะกรรมการพิจารณา 2 คณะ โดยมีคณะกรรมการของกระทรวงยุติธรรม และตร. อย่าไปยุ่งกันมาก มาเมื่อไรก็วันนั้น มาถึงตนเมื่อใดก็ทำให้วันนั้น มันผิดหรือไม่ มีอยู่ประมาณ 7 ข้อ ตัวที่เป็นข้อลงโทษมีเรียงลำดับไว้ทั้งหมด 1-7 มันผิดตรงไหนหรือไม่ ถ้ามันผิดใน 7 ข้อก็ต้องทำ ถ้าไม่ทำก็ถือว่าละเว้น หรือใครที่ผ่านมาไม่ทำก็ถือว่าละเว้นอีก และตนไม่อยากเป็นคนที่ละเว้นอีก

เมื่อถามว่ามีการพูดถึงการยึดเครื่องราชฯ ด้วย นายกฯ กล่าวว่า ระเบียบเขามีอยู่แล้ว ถ้าปลดก็ต้องยึดเครื่องราชฯ สื่อไปดูบ้างว่ากฎหมายเขียนไว้อย่างไร ที่ตนพูดไม่ได้โมโหหรือใช้อารมณ์ บางครั้งมันต้องรู้ทุกเรื่องก็เครียดบ้างเหมือนกัน กว่าจะขุดออกจากส่วนในสมอง บางอารมณ์ตนก็อาจเป็นคนตลกบ้าง

เมื่อถามว่าหากถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ จริงอาจมีกลุ่มคนออกมาต่อต้านเคลื่อนไหว นายกฯ กล่าวว่า ถ้าออกมาก็ถือว่ามีความผิด สื่อก็ยาไปเขียนให้คนออกมา เพราะออกมาก็ถือว่าผิดกฎหมาย แต่ตนไม่ได้เกรงอะไร วันนี้จะต้องเกรงใจใคร กฎหมายก็คือกฎหมาย จะไปเกรงใจใครอีก กฎหมายว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น ตนไม่ได้ไปสั่งให้เขาทำ ถ้าไปเกรงใจแล้วไม่ต้องทำตามกฎหมายกันหรืออย่างไร จะให้ละเว้นทุกเรื่องหรือปล่อยให้ทุจริต มีเรื่องฉาวโฉ่ ถ้าอย่างนี้เรียกว่าเกรงใจ

เมื่อถามว่ามีรายงานความเคลื่อนไหวจากกลุ่มการเมืองหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คสช.ติดตามดูอยู่ ถ้าเกินเลยก็เรียกมาพูดคุย ถ้าผิดกฎหมายก็ดำเนินการตามกฎหมาย สื่อก็ดูด้วย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการเปลี่ยนจากรถเบนซ์มาเป็นรถโฟลค์ตู้ว่า ใกล้ออก ก็อยากให้พวกเราดูตัวเลข ความจริงรถมันเสีย เรื่องแค่นี้ รถเสียมันก็ต้องซ่อม ส่วนรถเป็นอะไรตนไม่รู้ ต้องถามพลขับ เมื่อถามว่าเปลี่ยนมานั่งโฟล์คแล้วสบายหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ชิน แต่ความจริงนั่งอะไรก็เหมือนกัน สมัยก่อนนั่งรถบุโรทั่งมากกว่านี้ แต่บังเอิญว่าเบนซ์มันเสีย ทำไมสื่อต้องถามทุกเรื่อง
กำลังโหลดความคิดเห็น