อดีตเลขาธิการอาเซียนปาฐกถาพิเศษ ยกผู้ตรวจฯ คอยประคับประคองศีลธรรมจริยธรรม ชี้เป็นเรื่องสำคัญสร้างอัตลักษณ์ ปัจจัยสร้างสังคม แข่งชาติอื่น หวังแก้โรฮีนจาจะพบมาตราการระยะยาว ย้ำภาพลักษณ์สะท้อนความน่าเชื่อถือ ไม่สนไม่ได้ ชี้ระบบอุปถัมภ์ทำลายค่านิยม-บั่นทอนชาติ ปลุกข้าราชการเป็นเสาหลักจรรโลงความโปร่งใส ต้องมีศักดิ์ศรี อย่าเดินทางลัด
วันนี้ (29 พ.ค.) นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ ประธานสถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทย และอดีตเลขาธิการสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปาฐกถาพิเศษเนื่องในสัปดาห์ส่งเสริมจริยธรรม ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินจัดขึ้น เรื่อง “ปฏิรูปจริยธรรมไทยเพื่อก้าวใหม่ในอาเซียน” โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นผู้คอยรักษา ประคับประคองศีลธรรมและจริยธรรมซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากในการสร้างอัตลักษณ์ของเราในเวทีภูมิภาคและต่างประเทศ เพราะเราจำเป็นต้องออกไปมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นมากขึ้น โดยดูจากรายได้ประชาชาติรวมของไทยปีหนึ่ง ประมาณ 4 แสนล้านดอลล่าร์ ใหญ่อันดับ 2 ของอาเซียน เกี่ยวข้องกับประชาคมระหว่างประเทศทั้งนั้น
สำหรับปัญหาโรฮีนจานั้น คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหวังว่าการประชุมแก้ไขปัญหาโรฮีนจาวันนี้จะพบมาตรการแก้ปัญหาระยะยาว โดยเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับรายงานที่ไทยถูกกล่าวหาเรื่องค้ามนุษย์ ส่งผลต่อการส่งสินค้าของไทยเข้าอเมริกา ส่วนอียูมีเรื่องเรือประมงไทยไม่มีทะเบียน และกล่าวหาว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนลูกเรือ อียูจึงมีการตั้งเงื่อนไขการนำเข้าสินค้าประมงไทย ดังนั้น เรื่องจริยธรรม คุณธรรม ภาพลักษณ์ของไทยจึงเกี่ยวข้องความน่าเชื่อถือของไทยบนเวทีระหว่างประเทศ เราไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป จะบอกว่าไม่สนไม่ได้ จึงเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไข เราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นรอดพ้นจากการเป็นอาณานิคม เป็นศักดิ์ศรีที่เราต้องเรียกคืน จริยธรรมและศีลธรรมคือสิ่งที่เราต้องร่วมกันสร้างสรรค์ สะสม ขัดเกลาให้เป็นค่านิยม
นอกจากนี้ยังพบว่าระบบอุปถัมภ์เข้ามาทำลาย และมีค่านิยมอื่นเข้ามาเบียดเสียด ท้ายที่สุดทำให้พึ่งตัวเองไม่ได้ ต้องหาโอกาสจากช่องโหว่ของสังคม เป็นการบั่นทอนตัวเอง และบั่นทอนสมรรถนะประเทศชาติในการเข้าแข่งขันกับประเทศอื่น ทั้งนี้ ข้าราชการคือเสาหลักที่จะจรรโลงความโปร่งใส ความรับผิดชอบ ข้าราชการจะต้องมีศักดิ์ศรีของตนเอง ไม่พึ่งเพื่อนร่วมรุ่น ไม่หวังพึ่งสี เพราะเมื่อเราไม่พึ่งตนเองแล้ว เริ่มเล่นพวกเล่นสี คนที่เสียประโยชน์คือสังคม ดังนั้นทุกสังคมที่จะไปถึงจุดสูงสุดของการพัฒนาคือคนดีเก่งขึ้นไป ยอมรับความเสมอภาค เปิดโอกาสให้ทุกคนในสังคมโดยไม่มีการกีดกั้น ต้องเป็นที่พึ่งของตนเอง มีความซื่อสัตย์สุจริต ตรงไปตรงมา อย่าพยายามเดินทางลัด เคารพกฎเกณฑ์ระเบียบวินัย ถ้าทุกคนอยู่ในกรอบ เคารพกฎเกณฑ์ ทุกสิ่งจะหมุนเป็นวงล้อเคลื่อนสังคมไปข้างหน้า แต่ถ้าเมื่อใดที่มีจุดใดจุดหนึ่งต้องการเอาเปรียบ ฟันเฟืองจะฝืด และล้มทั้งระบบ ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ ฉะนั้นประเทศไทยมีดีเยอะ จะรักษาสิ่งดีต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและปฏิรูป ค่านิยมบางอย่างต้องค่อยๆ ลดและตระหนักว่าเป็นปัญหา จริยธรรมและศีลธรรมเป็นปัจจัยสร้างสังคม สร้างชาติ แข่งขันกับชาติอื่นและไม่แพ้เขา และต้องยอมรับในความหลากหลายของสังคมด้วย