ผบช. ภ. 1สกัดตำรวจนักวิ่ง ไอเดียเจ๋งแต่นายไม่ปลื้ม?

สน.พระอาทิตย์

วิธีการ “คัดสรร” ครั้งนี้ของพล.ต.ท.อำนวย ก็น่าจะจุดประกายความหวังให้กับตำรวจไร้เส้น ไร้สาย มีกำลังใจในการทำงาน มีกำลังใจในการเป็นตำรวจอาชีพ ที่ไม่ใช่แค่อาชีพตำรวจมากขึ้น แม้จะเป็นแค่ระดับกองบัญชาเดียวเท่านั้น ไม่ใช่ระดับ ตร. ที่ให้ทุกกองบัญชาการทั่วประเทศดำเนินการเป็นนโยบายเหมือนกัน ก็ยังเป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ที่เริ่มต้นขึ้น

ภาพสะท้อนคำสั่งพล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1(ผบช.ภ.1) เจ้าของฉายา “นวยทนได้” ทำบันทึกถึง รองผบช.ภ.1 และผบก.ในสังกัด บช.ภ.1 แจ้งตำรวจที่ยื่นคำร้องขอรับการแต่งตั้งตำรวจระดับ รองสว.และผบ.หมู่ ในสังกัด บช.ภ.1 ประจำปี 2557 ให้มาแสดงวิสัยทัศน์และทดสอบความรู้ความเข้าใจในสายงานตามตำแหน่งที่ประสงค์จะรับการแต่งตั้ง

ตอกย้ำระบบเส้นสาย ระบบอุปถัมภ์ ยังไม่หมดไปจากแวดวง “สีกากี” ไม่ว่าจะยุคไหน สมัยใด

คำสั่ง “นวยทนได้” จะมองว่าเป็นการ “หักหน้า” ก็ต้องบอกว่า “หักหน้า“ แต่ถ้าจะมองว่าเป็นการสร้างระบบคุณธรรมให้เกิดขึ้นในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ก็ต้องบอกว่าเป็นการสร้างระบบคุณธรรมให้เกิดขึ้นในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ กระนั้นไม่ว่าจะมองแบบไหน ก็สะท้อนภาพ ความล้มเหลวในเรื่องระบบคุณธรรมของ“สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”

พล.ต.ท.อำนวย บอกเหตุผลในบันทึกดังกล่าว เพราะบช.ภ.1 ได้ตรวจสอบแล้วปรากฏมีข้าราชการตำรวจยื่นคำร้องขอรับการแต่งตั้งในสายงานปฏิบัติการป้องกันปราบปราม สืบสวน และจราจร ในสถานีตำรวจบางสถานีสังกัด บก.ภ.จว.สมุทรปราการ นนทบุรี และปทุมธานี เป็นจำนวนมากเกินจำนวนตำแหน่งว่าง

“เพื่อให้การแต่งตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม และเป็นการคัดเลือกข้าราชการตำรวจให้มีความเหมาะสมกับตำแหน่ง ภ.1 จึงได้จัดให้มีการดำเนินการคัดเลือกข้าราชการตำรวจ โดยมีขั้นตอนและวิธีการ 1.จัดให้แสดงวิสัยทัศน์2.ทดสอบความรู้ความเข้าใจในสายงานตามตำแหน่งที่ประสงค์จะรับการแต่งตั้ง”

สำหรับรายละเอียดขั้นตอนนั้น การแสดงวิสัยทัศน์ แบ่งเป็นสองส่วน (ส่วนละ 20 คะแนน)

ส่วนที่ 1

ประวัติส่วนตัว 1. ยศ ชื่อ ชื่อสกุล ... ตำแหน่ง(ปัจจุบัน)...... 2.อายุตัว...... อายุราชการ......3.คุณวุฒิ ( 5 คะแนน) ปริญญาเอก.... ปริญญาโท...... ปริญญาตรี...... ต่ำกว่า ปฺ.ตรี.....(ป.เอก 5 ,โท 4 ,ตรี 3,ต่ำกว่าตรี 2 คะแนน)

4.ผลงานดีเด่นเป็นที่ประจักษ์ (แนบหลักฐานถ้ามี).....(ระดับ ประเทศ 5, สตช. 4, บช.ภ. 3, ภ.จว. 2 คะแนน) 5. ความสามารถพิเศษ......( เช่น พูดได้หลายภาษา , มีความรู้ด้าน ไอที , นักกีฬาทีมชาติ ฯ คะแนนเต็ม 5 คะแนน) ตอบคำถามอีก 1 ข้อ( 5 คะแนน)

ส่วนที่ 2 ความรู้ความสามารถเฉพาะตำแหน่ง ตอบคำถาม 1 ข้อ ( 20 คะแนน)

รวม 2 ส่วน คะแนนเต็ม 40 คะแนน แล้วจัดเรียงลำดับตามคะแนนที่ได้ หากคะแนนเท่ากัน ให้ดูใครยศสูงกว่า ยศเท่ากันให้ดูใครครองยศสุดท้ายก่อน ยศสุดท้ายครองพร้อมกันให้ดูเงินเดือนใครมากกว่า เงินเดือนเท่ากันให้ดูใครบรรจุเป็นสัญญาบัตรก่อน เป็นสัญญาบัตรพร้อมกันให้ดูใครรับราชการตำรวจก่อน รับราชการตำรวจพร้อมกันให้ดูใครอาวุโส(อายุ)มากกว่า ยังเท่ากันอีกให้จับฉลาก แล้วให้ผู้มีคะแนนดีกว่าเข้าเลือกตำแหน่งเป็นลำดับไป

แม้ตามบันทึกดังกล่าว การแสดงวิสัยทัศน์ที่ “นวยทนได้” สั่งดำเนินการจะผ่านไปแล้วตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้งน่าจะหาผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ และความเข้าใจในสายงานตามตำแหน่งต่างๆไปเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ทันตามคำสั่งพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ซึ่งให้ทุกหน่วยงานทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับ รองสว. และผบ.หมู่ วาระประจำปี 2557 ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 18 พ.ค. และมีผลบังคับใช้พร้อมกันวันที่ 1 มิ.ย.2558

แต่วิธีการ “คัดสรร” ครั้งนี้ของพล.ต.ท.อำนวย ก็น่าจะจุดประกายความหวังให้กับตำรวจไร้เส้น ไร้สาย มีกำลังใจในการทำงาน มีกำลังใจในการเป็นตำรวจอาชีพ ที่ไม่ใช่แค่อาชีพตำรวจมากขึ้น แม้จะเป็นแค่ระดับกองบัญชาเดียวเท่านั้น ไม่ใช่ระดับ ตร. ที่ให้ทุกกองบัญชาการทั่วประเทศดำเนินการเป็นนโยบายเหมือนกัน ก็ยังเป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ที่เริ่มต้นขึ้น

อย่างไรก็ดี การจะให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มายึดตามวิธีการ “คัดสรร” ที่ บช.ภ.1 ใช้ แบบทันทีทันใดคงเป็นเรื่องลำบากพอสมควร เพราะแม้แต่พล.ต.ท.อำนวยเองที่เชื่อว่าวิธีนี้แฟร์ที่สุด ระบบคุณธรรมที่สุด ที่สำคัญสามารถป้องกันการวิ่งเต้นได้เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธความเป็นจริงในสังคมไทยที่ยังต้องมีระบบอุปถัมภ์ ซึ่งถูกฝังรากลึกมายาวนาน

ยิ่งในแวดวง “สีกากี” ไม่ต้องพูดถึง ระบบเส้นสาย ระบบพวกพ้อง ระบบอุปถัมภ์ ขนาดการแต่งตั้งโยกย้ายระดับ “นายพล” นอกฤดูทดแทนตำแหน่งว่างจากผู้ที่สมัครใจเข้าโครงการเออร์ลี่รีไทร์ ที่มีการแต่งตั้ง “นายพล” ล็อตแรก ระดับ ผู้ช่วยผบ.ตร.-ผบช. เสร็จสิ้นไปแล้วหลายเดือน ก็ยังไม่มีการกำหนดวันเวลาในการแต่งตั้งโยกย้ายระดับ “นายพล” ล็อตสอง ระดับ รองผบช.-ผบก.เสียที

ท่ามกลางกระแสข่าวที่ว่ากันว่า ชนวนเหตุที่ยังไม่มีการหยิบยก โผนายพลล็อตสอง มาดำเนินการ เนื่องจากต้องรอ “รองผู้การฯ.” รายหนึ่งที่มีความใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างเข้าอบรมหลักสูตร ผู้บังคับการ ที่จะจบกลางเดือนมิถุนายนนี้ เพราะหากไม่รอและแต่งตั้งทันที ก็จะทำให้ รองผู้การฯรายนี้ คุณสมบัติไม่ครบขึ้น “นายพล” ต้องตกขบวนปีนี้

ดังนั้น ดูแล้ววิธีการ “คัดสรร” ดูคุณสมบัติตำรวจก่อนเข้าสู่ตำแหน่งคงเป็นเรื่องที่ยากพอควร ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คงต้องขึ้นอยู่กับ พล.ต.อ.สมยศ หรือ ผบ.ตร.คนต่อๆไป จะเห็นควรอย่างไร หากเห็นดีเห็นงาม เห็นว่าเป็นประโยชน์ ก็เสนอให้คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ( ก.ตร.) พิจารณา ออกมาเป็นมติเป็นหนังสือ บังคับใช้เป็นกฎ เป็นเกณฑ์ ข้อบังคับ แต่ถ้าไม่เห็นดีเห็นงามก็จบไป แล้วกองบัญชาการใดหรือหน่วยไหนจะนำไปปฏิบัติก็ดำเนินการกันเป็นการภายในกันเอาเอง