ถึงคิวเชือด ขรก. ล็อต 2 เผย 4 หน่วยงาน ส่งชื่อให้ “บิ๊กตู่” แล้ว ปูด! ศอตช. ชง 172 ราย “ขรก.ไทยเข้มแข็ง โรงพัก และ คดีไร่ส้ม” ยังเหนียว งวดนี้เน้นฟัน “ขรก.ชั่วจากภาคใต้” ทั้งแก๊งค้าโรงฮีนจา - เอี่ยวส่วนน้ำมันเถื่อน “เสี่ยโจ้” ด้านภาคอีสาน “จนท. ส.ป.ก.โคราช” ไม่น่ารอด จากปมรังวัด “เขาใหญ่”
วันนี้ (27 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ 4 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ ป.ป.ท. ได้ประชุมร่วมกันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และได้ส่งมอบรายชื่อข้าราชการที่พัวพันกับการทุจริตในรอบที่ 2 ให้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ เพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีให้ส่งต้นสังกัดตรวจสอบดำเนินการเอาผิดทางวินัยและอาญาต่อไป หลังจากที่ได้ดำเนินการส่งรายชื่อรอบแรก 198 คนไปแล้ว
“ทราบว่า พล.อ.ไพบูลย์ ได้นำรายชื่อล็อต 2 ทั้งหมด เสนอถึงนายกรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันเดียวกัน แต่ผมไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อหรือจำนวนได้ต้องขอเป็นความลับ”
ส่วนกรณีรายชื่อหากเป็นข้าราชการที่เกษียณอายุแล้วจะดำเนินการอย่างไร นายประยงค์ กล่าวว่า ในทางปกครองอาจจะไม่สามารถโยกย้ายได้ แต่ในทางอาญาก็ยังต้องดำเนินการต่อไป เชื่อว่า จำนวนรายชื่อล็อต 2 มีกี่ราย พล.อ.ไพบูลย์ จะเป็นผู้ชี้แจงในรายละเอียดเอง “ไม่ขอบอก แต่ก็ไม่มากไม่น้อยไปกว่าเดิม”
มีรายงานว่า เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ศอตช. ได้รวบรวมรายชื่อข้าราชการที่พัวพันกับการปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ ล็อตที่ 2 เสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจตามมาตรา 44 พิจารณาสั่งย้ายจากตำแหน่งให้พ้นจากหน้าที่ภายใน 30 วัน เพื่อไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการทุจริตจำนวนทั้งสิ้น 172 รายชื่อ โดยก่อนหน้านั้น มีการเปิดเผยว่า มีเพียง 70 รายชื่อ ซึ่งมีคดีเรื่องโครงการไทยเข้มแข็ง โครงการโรงพัก และคดีไร่ส้ม ตามที่มีการรายงานไปก่อนหน้านั้น
“พบว่า 172 รายชื่อ จะเป็นข้าราชการในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับขบวนการค้าโรฮีนจา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นฝ่ายปกครอง และนักการเมืองท้องถิ่น รวมทั้งข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิที่ดินโดยมิชอบใน จ.นครราชสีมา สังกัด ส.ป.ก. รวมถึงเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่เข้าไปพัวพันกับการเรียกรับส่วยน้ำมัน และเกี่ยวข้องกับ นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ เสี่ยโจ้ ปัตตานี ที่หลบหนีอยู่ในขณะนี้ ส่วนข้าราชการที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับโครงการไทยเข้มแข็ง โครงการโรงพัก และคดีไร่ส้ม ยังไม่มีการพูดถึง”
มีรายงานว่า ในล็อต 2 ได้มีการแบ่งกลุ่ม ข้าราชการที่กระทำผิดดังนี้ 1. ข้าราชการกลุ่มที่ถูกชี้มูลความผิดแล้วจาก ป.ป.ช. และต้องจัดการเอาผิดทางวินัยด้วยทุกคดี 2. ข้าราชการกลุ่มที่อยู่ระหว่างไต่สวนและมีพฤติกรรมเข้าไปยุ่งเหยิง กับพยานหลักฐาน และ 3. ข้าราชการกลุ่มที่มีความผิดชัดเจนหากอยู่ในตำแหน่งแล้วอาจกระทำทุจริตต่อเนื่อง