xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” จี้คลังแจงขายหุ้นใช้หนี้ข้าวให้ชัด หวั่นผลกระทบ แนะนำเงินปราบโกงจ่าย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(แฟ้มภาพ)
“มาร์ค” บี้คลังรายละเอียดต้องชัดขายหุ้นใช้หนี้จำนำข้าวต้องคำนึงผลกระทบ หวั่นรัฐวิสาหกิจเป็นเอกชน ชี้ไม่ถึงขั้นขายสมบัติชาติ จี้รัฐปรับประสิทธิภาพการใช้เงินน้อยลง อย่าผลักภาระ สะกิดนำเงินที่ปราบโกงมาจ่ายหนี้ แนะกลั่นกรองรถไฟความเร็วสูงหัวหิน-เชียงใหม่ รับเป็นดุลพินิจรัฐกู้เงินกองทุน กสทช.ใช้หนี้ แต่หวั่นใช้เงินเดิมผิดวัตถุประสงค์

วันนี้ (27 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการคลังมีแผนที่จะขายหุ้นของรัฐบาลจำนวนแสนล้านเพื่อนำมาใช้หนี้ในโครงการรับจำนำข้าวที่ขาดทุนว่า ต้องมีรายละเอียดที่ชัดเจนว่าจะขายหุ้นตัวใด เพราะจะต้องพิจารณาถึงผลกระทบที่ตามมาซึ่งไม่มีอะไรได้มาฟรี ถ้าขายหุ้นตอนนี้เท่ากับว่ากระทรวงการคลังจะไม่ได้รับเงินปันผลจากหุ้นตัวนั้นทุกปี จึงต้องคำนวนความคุ้มค่าหรือไม่ และการขายหุ้นจะกระทบต่อสถานะทำให้รัฐวิสาหกิจ ต้องกลายเป็นของเอกชนหรือไม่ ฉะนั้นถ้าเป็นกรณีหลังจะอ้างว่าขายเพื่อนำไปล้างหนี้ไม่ได้ ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมในกิจการที่เป็นรัฐวิสาหกิจ

เมื่อถามว่า ประเทศไทยอยุ่ในสถานะที่ลำบากถึงขนาดต้องขายสมบัติชาติเพื่อใช้หรือแล้วหรือ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รัฐบาลต้องพยายามในการเจียดงบฯเพื่อใช้หนี้ที่เป็นเงินต้นมากกว่านี้ ทั้งนี้ยอมรับว่าการจะใช้หนี้ให้เสร็จใน 1-2 ปี คงทำไม่ได้ แต่รัฐต้องรับภาระบ้างไม่ใช่เลื่อนออกไป โดยการกู้เงินมาใช้หนี้ หรือขายสมบัติมาใช้หนี้ ตนติดว่าไม่ควรทำ เพราะคนรุ่นนี้ต้องมีความรับผิดชอบกับการกู้ยืมที่เกิดขึ้น ไม่ใช่การผลักภาระไปให้ลูกหลานอย่างเดียว เพราะในข้อเท็จจริงรัฐยังสามารถขาดดุลได้มากว่านี้ แต่การเลือกใช้วิธีกู้เงินหรือขายสมบัติชาติมาชำระหนี้ ไม่ใช่เพื่อให้เกิดภาพว่ามีการใช้หนี้แล้ว โดยที่หนี้จริงไม่ได้ใช้แต่เป็นการแลกเปลี่ยนกันออกไป

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า รัฐบาลเคยระบุถึงการทุจริต 30-40% ทำให้งบประมารณรั่วไหล หากรัฐบาลทำได้จริงก็ควรเอาเงินนี้มาใช้หนี้ จะเป็นสิ่งที่ประชาชนชื่นใจที่สุด ส่วนวิธีการเงินจะคล้ายคลึงกับรัฐบาลหรือไม่ ต้องระมัดระวังในการเปรียบเทียบเพราะยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ ชินวัตร เป็นการกู้เงินลงทุนนอกงบประมาณ ที่ไม่โปร่งใส แต่กรณีนี้เป็นการเอาหนี้ออกจาก พ.ร.บ.งบประมาณประจำปีแล้วเอาเงินลงทุนเข้ามาแทน ซึ่งยังเป็นข้อดีที่สามารถตรวจสอบได้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนและดูทางเลือกที่จะเสียสละการใช้เงินลงบ้าง ไม่เช่นนั้นก็ไม่ต่างกัน คือ ผลักภาระให้อนาคตเพียงอย่างเดียว

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อถึงกรณีรัฐบาลประกาศเดินหน้าสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-หัวหิน และสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ที่มีการศึกษาแล้วว่า ทั้งสองโครงการมีมูลค่าทางเศรษฐกิจต่ำกว่าโครงการอื่น หากจะทำต้องเข้าสู่กระบวนการกลั่นกรอง ถ้ารัฐบาลงบฯหรือหุ้นกับเอกชนตามกระบวนการปกติ อย่างน้อยก็ยังมีกระบวนการตรวจสอบ ส่วนความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ เส้นทางหัวหิน ตนไม่ทราบ แต่เส้นทางเชียงใหม่ แม้จะมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ แต่ก็ต่ำกว่า และในเชิงยุทธศาสตร์ก็กำหนดให้พิจารณาเส้นทางที่เชื่อมโยงกับต่างประเทศก่อน แต่ในขณะที่ยังไม่ทราบว่ารัฐบาบจะทำอะไร เพราะยังไม่มีการจัดงบประมาณที่ชัดเจน และการร่วมทุนก็มีขั้นตอนพอสมควร ก่อนเดินหน้าได้ตามกฎหมาย

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณี ครม.มีมติ ให้กู้เงินโดยไม่มีดอกเบี้ยจากกองทุน วิจัยของ กสทช.ที่ได้จากการประมูลทีวีดิจิตอลมาใช้หนี้ว่า หากรัฐบาลคิดว่า กสทช.มีเงินมากไป และกฎหมายที่เพิ่งแก้ระบุให้นำเงินที่ได้จาก กองทุน กสทช.ให้นำมาเข้าคลังก็สามารถใช้ดุลพินิจได้ แต่ถ้าเป็นเงินก้อนเดิมที่อยู่ในกองทุนฯ ก็จะเป็นการใช้เงินผิดประเภท เพราะแต่ละกองทุนจะมีวัตถุประสงค์ ดังนั้น ทางที่ดีคือรัฐบาลควรหารายได้แทนการกู้เงิน จึงต้องปรับปรุงประสิทธิภาพในการใช้เงินให้มากกว่านี้ ถ้าหากเป็นตนคงไม่ใช้วิธีนี้เป็นทางเลือกแรก


กำลังโหลดความคิดเห็น