“บุญส่ง” ขอ รธน.ใหม่ให้อำนาจ กกต.ออกหมายเรียก-หมายจับได้

กกต.ด้านกิจการสืบสวนฯ ขอรัฐธรรมนูญใหม่ให้อำนาจออกหมายเรียก-หมายจับได้ เชื่อผุด กจต.จัดเลือกตั้งโดนร้องอื้อ

นายบุญส่ง น้อยโสภณ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวตอนหนึ่งระหว่างเปิดการประชุมเชิงวิชาการเรื่องการดำเนินคดีเลือกตั้งระดับภูมิภาคที่ จ.เชียงใหม่ ว่า กกต.จัดโครงการนี้ขึ้นเป็นครั้งที่ 2 มี กกต.จังหวัด ผอ.กกต.ประจำจังหวัด รอง ผอ.กกต.ประจำจังหวัด หัวหน้างานสืบสวนสอบสวน และพนักงานสืบสวนสอบสวนจังหวัด ในเขตพื้นที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 รวม 8 จังหวัด ประกอบด้วย จ.เชียงใหม่ เชียงราย น่าน พะเยา แพร่ ลำปาง ลำพูน และแม่ฮ่องสอนเข้าร่วม เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ร่วมกันซึ่งจะนำผลจากการประชุมมาปรับปรุงและพัฒนาแนวทางการทำสำนวนคดีสืบสวนสอบสวน และยื่นคำร้องต่อศาลในคดีเลือกตั้งของ กกต.ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ปัญหาคือเมื่อคดีไปถึงศาลจะทำอย่างไรให้ศาลอุทธรณ์เห็นด้วยกับสำนวนของ กกต. เพราะฉะนั้นก็ต้องปรับปรุงกฎหมายทั้งหมด กกต.แต่ละจังหวัดต้องมีเจ้าหน้าที่ด้านสืบสวนสอบสวนอย่างน้อยจังหวัดละ 5 คนขึ้นไป และต้องมีเครื่องมือที่ทันสมัยมากกว่าที่ใช้อยู่ เพราะถือว่าเครื่องมือที่จะใช้นั้นสำคัญต่อการสืบหาข้อเท็จจริงต่างๆ

“สิ่งสำคัญกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ กกต.ที่ต้องแก้ไข คือ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยมาตรา 267 กกต.ขอแก้ไขให้ชัดเจนว่าเรามีอำนาจอะไรบ้าง เพราะสิ่งที่เห็นได้ชัดนั้น กกต.ต้องสามารถที่จะออกหมายเรียก และหมายจับ เหมือนการพิจารณาคดีอาญาของศาลได้”

นายบุญส่งกล่าวว่า นอกจากนี้โจทย์ใหญ่ที่สุด คือ ให้การเลือกตั้งเป็นวันเดียว การให้มีคณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง (กจต.) เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่เสนอไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องรวมถึงกรรมาธิการยกร่างฯ ว่าหากเกิดขึ้นจริงจะทำให้เกิดปัญหาเรื่องความเป็นกลางทันที จะมีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง จะมีคนออกมาโต้แย้ง เกิดเรื่องร้องเรียนมากมาย เมื่อประกาศผลการเลือกตั้งแล้วก็ยังจะมีการร้องเรียนว่า กจต.เข้าไปมีส่วนร่วมกับผู้สมัคร เป็นต้น