“อุดมเดช” บินลง จชต. ดูมาตรการป้องกันป่วน ชี้ มุ่งป่วนถนนสายรอง รับดูแลยาก เผย การทำงาน 3 ประการดี จนท. ทำเต็มที่เชื่อคนพื้นที่เข้าใจ จับตา ค้ามนุษย์ - การเมือง เอี่ยว ฉะ พวกบอกรักชาติ กลับหนุนโจรใต้ น่าอาย กำลังสืบให้ชัดเจน เผย กำลังมองพื้นที่ควบคุมโรฮีนจา ปัด ตั้งศูนย์พักพิง ยันไม่เกี่ยวระดับองค์กร ย้ำ ไทยแก้ปัญหาดีที่สุดแล้ว
วันนี้ (17 พ.ค.) ที่ท่าอากาศยานกองการบินกรมการขนส่งทหารบก พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และ ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อติดตามสถานการณ์การลอบวางระเบิดที่ จ.ยะลา หลังเกิดเหตุการต่อเนื่องว่า การเดินทางลงพื้นที่ในวันนี้ เพราะยังมีสถานการณ์ยังมีเหตุการณ์อยู่ ยกเว้นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา ถือว่ามีเหตุการณ์ค่อนข้างมาก แม้ไม่กระทบกระเทือนและก็ให้เกิดความสูญเสียในเรื่องของชีวิต แต่มีผู้บาดเจ็บบางส่วน และในวันนี้จะเดินทางไปดูมาตรการต่างๆส่วนใดที่น้อยไปก็จะเติมเต็มมาตรการเหล่านั้นในการดูแลพื้นที่จังหวัดยะลาที่กำลังมีปัญหาอยู่ซึ่งทางนายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงพร้อมทั้งฝากข้อคิดเห็นบางประการไปให้กับหน่วยปฏิบัติงานในพื้นที่ได้ปฏิบัติ
อย่างไรก็ตาม เราให้ความสนใจและเป็นเรื่องที่ต้องเร่งแก้ปัญหา ทั้งนี้ในระดับพื้นที่ได้ให้นโยบายและประชุมในรอบเดือนเพื่อปรับแผนการปฏิบัติมาโดยตลอด โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเมืองเราให้ความสำคัญเป็นพิเศษและไม่ต้องการให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้น แต่ยังมีปัจจัยของความยากลำบาก ใครที่ไม่ได้รับผิดชอบในพื้นที่หรือลงไปรับทราบปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ ก็คงคิดว่าทำไมผู้ก่อเหตุยังสร้างสถานการณ์ได้อยู่ซึ่งต้องเข้าใจว่าคนที่จ้องจะก่อเหตุคงไม่ใช้จุดหลักๆที่เราได้ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด เขาพยายามหลบเลี่ยงและไปใช้เส้นทางที่ไม่ใช้ถนนสายหลัก ซึ่งเค้าพยายามจะหลบหลีกเลี่ยงเข้าพื้นที่สำคัญ เพราะมีโครงข่ายของถนนที่ไม่ใช่ถนนสายหลักตามเส้นทางในภูมิประเทศที่มีจำนวนมาก ถือเป็นความยากลำบากอยู่เหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตามเราจะดำเนินการโดยอาศัยการทำงานใน 3 ด้านหลักคือ เรื่องยุทธการการวางคนของเจ้าหน้าที่ เรื่องงานด้านการข่าวซึ่งถือว่าสำคัญมากต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนด้วย นอกจากนี้เรื่องงานมวลชนต้องดำเนินการควบคู่กันไปเพื่อให้เกิดความเข้าใจ ทั้งนี้ ในทั้ง 3 ประการเราทำมาได้ดีอยู่แล้วการก่อเหตุดังกล่าวผู้ก่อความไม่สงบต้องการที่จะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตัวเองว่ายังสามารถทำได้ เราจึงต้องดูแลให้เกิดความเรียบร้อยต่อไป ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่พยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำให้เกิดความสงบและเรียบร้อย
เมื่อถามว่า นอกจากปัจจัยเรื่องพื้นที่และเส้นทางยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกหรือไม่ที่ทำให้จังหวัดยะลาเป็นเป้าก่อเหตุติดต่อกันถึง 3 วัน พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ในพื้นที่จังหวัดยะลาโดยเฉพาะในเขตเมืองว่างเว้นวรรคจากการก่อเหตุเป็นระยะเวลาที่นาน ความมั่นใจในพื้นที่จึงทำให้เกิดช่องว่างบางประการ ส่วนเรื่องอื่นๆที่โยงใยกันอยู่นั้น ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีทั้งในเรื่องภัยแทรกซ้อนยาเสพติด อาชญากรรมจากการละเมิดสิทธิมนุษยชน การค้ามนุษย์สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของผลประโยชน์ที่ผู้กระทำผิดกฎหมายจ้องที่จะทำ นอกจากนี้มีความเกี่ยวพันกันทั้งหมดในเรื่องนี้ ตลอดจนความแตกต่างในเรื่องอุดมการที่ยังมีความเชื่อเก่าๆและมีความไม่เข้าใจเกี่ยวกับภัยแทรกซ้อนปัญหาผลประโยชน์ในพื้นที่
“เรื่องของการค้ามนุษย์ การเมือง อุดมการณ์ความเชื่อเก่าๆ มีความเกี่ยวพันธฺเกื้อกูลกัน เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่บอกว่าจะช่วย เพราะรักชาติ แต่กลับไปทำ หรือมีความเกี่ยวพันธ์ส่งเสริมให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงมีผู้สนับสนุน เป็นสิ่งที่ไม่ดี น่าอาย ทุกคนก็บอกว่ารักชาติอยากให้เกิดความสงบเรียบร้อยแต่เมื่อมีความขัดแย้งกับความต้องการของตัวเอง จึงหันมาสนับสนุนกลุ่มเหล่านี้เพื่อให้เกิดปัญหาขึ้น ตลอดจนการดิสเครดิตใดๆก็ตาม เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ถามว่าแล้วแบบนี้จะรักชาติอย่างไร ใครก็ตามที่เกี่ยวข้อง ให้กลับไปดูตัวเองและมีจิตสำนึกด้วยว่าทำแบบนั้นมันรักชาติหรือ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่อยากฝากบอกว่าท่านไม่ได้ทำในสิ่งที่ดีหรอก หากมีความเกี่ยวพัน ผมไม่ได้เอ่ยว่าเป็นใครเพราะเป็นเรื่องความเชื่อมโยงของงานด้านการข่าวที่กำลังมองในแต่ละส่วนอยู่เพื่อที่จะทำให้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ได้คลี่คลายส่วนจะเป็นการเมืองท้องถิ่นหรือระดับประเทศนั้น ถือเป็นเรื่องที่มีความเกี่ยวพันกัน แต่ขอให้เกิดความชัดเจนมากกว่านี้ เช่น คนนี้อาจจะรู้จักกับกลุ่มนี้และกลุ่มดังกล่าวก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหาผลประโยชน์ในพื้นที่ การจับมือเพื่อร่วมมือกันมันเชื่อมโยงกันอยู่ เรากำลังดู และจะทำให้มีความชัดเจนขึ้นและเป็นเรื่องที่แก้ไขกันต่อไป” พล.อ.อุดมเดช กล่าว
พล.อ.อุดมเดช กล่าวอีกว่า ยืนยันว่า เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่จะต้องควบคุมให้ได้เพียงแต่เหตุการณ์ในตอนนี้ไม่ได้สร้างความเสียหายในเรื่องของชีวิตแต่ในส่วนของทรัพย์สินก็อาจมีความเสียหายบ้างแต่เชื่อว่าประชาชนในพื้นที่จะเข้าใจเพราะการปฏิบัติงานต่างๆ เป็นไปด้วยความลำบาก ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นอาจจะกระทบต่อขวัญกำลังใจของประชาชนในพื้นที่อยู่บ้างแต่เราก็พยายามสร้าง ความปลอดภัยให้ได้ขอให้มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่จะดูแลรักษาความปลอดภัยให้ได้
พล.อ.อุดมเดช ยังกล่าวถึงกรณีที่ประเทศสหรัฐอเมริกาต้องการที่จะให้ไทยตั้งศูนย์พักพิงให้กับชาวโรฮีนจาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานความมั่นคงไปดูพื้นที่เพื่อหาจุดที่เหมาะสม เพราะขณะนี้เราพยายามกวดขันให้คนที่หลบซ่อนอยู่หรือเข้าประเทศมาโดยผิดกฎหมาย ออกมาและดูแลให้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนมากยิ่งขึ้นเพราะฉะนั้นตรงนี้เรากำลังมองหาสถานที่อยู่ ซึ่งมีแนวคิดอยู่บ้างแล้ว ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีหน้าที่โดยตรงยังรับไหวอยู่ก็ถือเป็นหน้าที่ของตำรวจไปก่อน แต่ถ้าหากรับไม่ไหวหรือมีจำนวนมากไปก็ต้องหาพื้นที่
“ขณะก็มองพื้นที่อยู่บ้างแล้วแต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นพื้นที่ใด เราก็พยายามจะดูแลตรงนี้ให้ดีที่สุดในส่วนของต่างประเทศเองก็น่าจะเห็นถึงความตั้งใจจริงของประเทศไทยซึ่งต้องเข้าใจว่าเราเป็นประเทศกลางทาง และได้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างดีที่สุดแล้ว และเหตุการณ์ก็หมักโหมม มานานและที่ผ่านมาก็มีการออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ได้เป็นจำนวนมากและไม่เคยปรากฏในห้วงที่ผ่านมาทั้งนี้ในส่วนของต่างประเทศที่จะต้องเข้าใจว่าเราทำเต็มที่แล้วและก็จะทำให้ดีขึ้นไปอีกส่วนมาตรการในการดำเนินการของทหารนั้นได้มอบหมายให้กองทัพภาคที่ 4 ไปดูแลโดยจัดกำลัง 3 ฝ่ายทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือน เข้าไปในพื้นที่เป้าหมายตั้งแต่ จ.สงขลา จ.สตูล ที่คาดว่าจะมีสถานที่พักหรือสถานที่กักกันต่างๆถือเป็นความจำเป็นที่เราจะต้องเข้าไปดูทุกพื้นที่เพื่อเคลียร์สถานที่ให้ได้ผมยืนยันว่า ประเทศไทยไม่ได้ตั้งศูนย์พักพิงเหมือนกับบริเวณตามแนวชายแดนไทยที่หลบหนีการสู้รบมา อันนี้ไม่ใช่ แต่เป็นพื้นที่ที่ทางตำรวจต้องควบคุม ซึ่งจะไม่เกี่ยวข้องไปถึงระดับที่องค์กรต่างๆ ต้องเข้ามาดูแลซึ่งเรื่องนี้เราก็ต้องระมัดระวังทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายการเตรียมพื้นที่ให้ความดูแลในระหว่างที่ยังไม่มีประเทศใดรับกลับไปได้” พล.อ.อุดมเดช กล่าว