xs
xsm
sm
md
lg

"โกโต้ง"ติดต่อมอบตัว เล็งใช้2เกาะคุมตัวโรฮีนจา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน-ตำรวจ-ทหาร นำกำลังบุกเกาะปูยู ค้นบ้านเครือข่ายค้าโรฮีนจา 5 จุด แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ขณะที่ มทภ.4 นำรื้อแคมป์บนเขาแก้ว ป้องกันลักลอบใช้อีก เผยล่าสุดอายัดทรัพย์แก๊งค้ามนุษย์แล้วกว่า 200 ล้านบาท "ประวุฒิ" รับ "โกโต้ง" ประสานขอมอบตัว "ประยุทธ์" ยันจำเป็นต้องมีศูนย์ควบคุมตัวชั่วคราว คาดใช้ "เกาะกำใหญ่-เกาะค้างคาว" ทัพเรือภาค 3 เผยไม่ได้ผลักเรือบรรทุกโรฮีนจาออกจากเกาะหลีเป๊ะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 06.00 น. วานนี้ (14 พ.ค.) ชุดคอมมานโด ตำรวจ ทหาร ภายใต้การนำของ พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร (รอง ผบช.) ภาค 9 ในฐานะรักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธร (ผบก.ภ.) จ.สตูล และ พ.ต.อ.นิพนธุ์ เหมสลาหมาด รอง ผบก.ภ.จ.สตูล ได้บุกจู่โจมเกาะปูยู ต.ปูยู อ.เมือง จ.สตูล ซึ่งอยู่กลางทะเลอันดามัน ใกล้ชายแดนรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย เพื่อทำการตรวจค้นบ้านเครือข่ายค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาของนายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือ โกโต้ง รวมทั้งหมด 5 แห่ง ประกอบด้วย บ้านของ นายมาเลย์ เต๊ะปูยู นายก อบต.ปูยู ที่เข้ามอบตัวที่สถานีตำรวจภูธร (สภ.) ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา รวมไปถึงบ้านของนายเจ๊ะอาด โต๊ะดิน นายอนุ โต๊ะดิน นายรอสัก โต๊ะดิน และนายสำสุเด็น โต๊ะดิน ซึ่งทั้ง 4 ราย เป็นผู้ต้องหาคดีค้างเก่าที่ถูกศาลจังหวัดสงขลา ออกหมายจับคดีนำคนไปเรียกค่าไถ่ เมื่อวันที่ 9 เม.ย.2557 เนื่องจากมีพฤติกรรมนำบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อส่งต่อไปยังประเทศที่สาม โดยในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย และไม่พบผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับแต่อย่างใด

** ลุยรื้อแคมป์บนเขาแก้ว

วันเดียวกัน พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย นายเอกรัฐ หลีเส็น รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผบก.ภ. จ.สงขลา สนธิกำลังทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และประชาชนในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา เข้ารื้อถอนแคมป์ที่เคยถูกใช้เป็นสถานที่กักกันชาวโรฮีนจาที่ใหญ่ที่สุดบนเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ ซึ่งมีโรงเรือน 21 หลัง ห้องน้ำ 18 หลัง หอสังเกตการณ์ 2 หลัง โรงครัว 4 หลัง เพื่อไม่ให้มีการลักลอบนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีก

ส่วนหลุมศพต้องสงสัยที่พบใหม่บนยอดเขาแก้ว 19 หลุม ซึ่งเดิมทีจะมีการขุดพิสูจน์นั้น ต้องยุติการขุดไปก่อนชั่วคราว จนกว่าจะมีการรวมรวมหลักฐานเพิ่มเติม

พล.ท.ปราการ กล่าวว่า หลังจากที่มีการเปิดยุทธการตรวจสอบพื้นที่ตามแนวชายแดนตั้งแต่ จ.สตูล จนถึง จ.สงขลา มาเป็นเวลา 10 วัน พบแคมป์กักกันชาวโรฮีนจา 21 แห่ง เป็นแคมป์ใหญ่ 2 แห่ง ที่เหลือเป็นแคมป์ย่อย รวมทั้งในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านอีก 3 แห่ง และได้มีการสนธิกำลังทุกฝ่ายเพื่อรื้อถอนแคมป์ไม่ให้ใช้พื้นที่ทำผิดกฎหมายต่อไปอีก และยังจะมีการเปิดยุทธการลาดตระเวนตามแนวชายแดนต่อเนื่องไปถึงสิ้นเดือน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีแคมป์กักกันหลงเหลืออยู่ รวมทั้งตรวจสอบบุคคลต่างด้าวว่า ยังหลงเหลืออยู่ในป่าอีกหรือไม่ เพื่อให้การช่วยเหลือและให้การช่วยเหลือตามแนวทางของรัฐบาล

** อายัดทรัพย์แล้ว 204 ล้านบาท

ที่ศูนย์ปฎิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้า (ศปก.ภ.9 สน.) สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พล.ต.ต.ปวิน พงศ์สิรินทร์ รองผบช.ภ. 8 หัวหน้าทีมสอบสวนคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา แถลงความคืบหน้าของคดีว่า เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับได้แล้ว 26 คน จากที่ออกหมายจับ 61 คน โดยรายล่าสุดที่ได้เข้ามอบตัว คือ นายสุรียา อาหะหมัด หรือโกชัย เครือข่ายค้ามนุษย์ จ.สตูล จึงยังเหลือผู้ต้องหาตามหมายจับอีก 35 คน รวมถึงนายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง ตัวการใหญ่ ล่าสุดยังมีผู้ต้องหาติดต่อมอบตัวอีกหลายคน

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้ยึดและอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายค้ามนุษย์ในจ.ระนอง จ.สตูล และจ.นครศรีธรรมราช มูลค่ากว่า 204 ล้านบาท แยกเป็นจ.ระนอง กว่า 100 ล้านบาท จ.สตูล 29 ล้านบาท และจ.นครศรีธรรมราช 75 ล้านบาท ซึ่งทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อยู่ระหว่างการตรวจสอบการได้มา หากไม่สามารถชี้แจงได้ก็จะตกเป็นของแผ่นดิน

***ตรวจแคมป์พบศพแล้ว36ศพ

พล.ต.ท.มนตรี โปตระนันท์ ผบช.ภ. 9 กล่าวว่า ผลการตรวจพิสูจน์แคมป์และหลุมศพบนเทือกเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา พบศพแล้ว 36 ศพ ตรวจพิสูจน์เสร็จแล้ว 33 ศพ เหลืออีก 3 ศพ ซึ่งขุดพบในแคมป์ที่พบใหม่เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ซึ่งขณะนี้หลักฐานและพยานเริ่มชัดเจนมากขึ้น คาดว่าจะมีการออกหมายจับเพิ่มเติมอีก ส่วนคนต่างด้าวที่ช่วยเหลือได้แล้วยอดยังอยู่ที่ 312 คน เป็นเหยื่อค้ามนุษย์ 63 คน และหลบหนีเข้าเมือง 249 คน

ขณะที่ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ขณะนี้ทราบเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ ที่เชื่อมโยงกันทั้ง 3 จังหวัดแล้ว ตั้งแต่ต้นทาง จ.ระนอง จ.สตูล และปลายทางที่ จ.สงขลา และกำลังขยายผลไปยังเครือข่ายในจังหวัดอื่นๆ ส่วนผู้ต้องหาที่ควบคุมตัวทั้งหมดจะส่งฟ้องศาลพร้อมกัน ขณะนี้หลักฐานและพยานต่างๆ เริ่มชัดเจนขึ้น และคาดว่าจะมีการออกหมายจับเพิ่มเติมอีก โดยขณะนี้มีประชาชนแจ้งเบาะแส และรายละเอียดเข้ามามากขึ้น

***พบเปลี่ยนวิธีใช้มอเตอร์ไซต์ขนคนแทน

พ.ต.อ.ธานี นาคหกวิค ผกก.สภ.ท่าแซะ พ.ต.ท.ชนินทร์ ณรงค์น้อย รองผกก.สส.สภ.ท่าแซะ นายนักรบ ณ ถลาง นายอำเภอท่าแซะ จ.ชุมพร ควบคุมตัวชาวพม่าหลบหนีเข้าเมือง 9 คน พร้อมรถจักรยานยนต์ 3 คัน ซึ่งสกัดจับได้ที่บ้านทรายอ่อน หมู่ 17 ต.ท่าข้าม อ.ท่าแซะ เขตติดต่อต.ปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง ชายแดนไทย-พม่าโ ดยคนขับเป็นชาวพม่า 3 คน ได้รับการว่าจ้างจากขบวนการค้ามนุษย์ให้มารับเพื่อนร่วมชาติด้วยกัน คือ นายทู อายุ 34 ปี นายซอ อายุ 37 ปี และนายเอาเจอมู อายุ 30 ปี ทั้ง 3 คน แฝงตัวขออนุญาตเข้ามาทำงานอยู่ในจ.ชุมพร มีความชำนาญพื้นที่ ขับรถจักรยานยนต์ไปรับชาวพมาอีก 6 คนมาจากริมแม่น้ำกระบุรี ต.ปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง

พ.ต.อ.ธานี กล่าวว่า หลังขออนุมัติศาลจังหวัดชุมพรออกหมายจับ 2 คนไทยที่เป็นผู้นำพา ทำให้แก๊งค้ามนุษย์เปลี่ยนยุทธวิธีจากการใช้รถยนต์มาใช้จักรยานยนต์ ทยอยขนคันละ 2-3 คน ลักษณะคล้ายกองทัพมด ทำตัวเหมือนเป็นชาวบ้านทั่วไป ขับรถกันตามปกติเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ และหลบเลี่ยงด่านตรวจ ซึ่งขณะนี้ทางการข่าวทราบว่ายังมีชาวต่างด้าวรวมกันอยู่ที่แคมป์บ้านหมาราง ประเทศพม่า รอข้ามแม่น้ำกระบุรีเข้ามาอีกจำนวนมากด้วย

** โฆษก ตร.เผย “โกโต้ง” ขอมอบตัว

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามตัว นายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง อดีตนายก อบจ.สตูล ว่า ยังไม่ได้รับการยืนยันชัดเจนว่าหลบหนีไปอยู่ที่ใด ซึ่งทางตำรวจได้รับการประสานจากคนสนิทของนายปัจจุบันในการติดต่อขอเข้ามอบตัว แต่ยังไม่สำเร็จ อย่างไรก็ตาม ขอปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่านายปัจจุบันขอเข้ามอบตัว แต่ต่อรองขอประกันตัว โดยขอยืนยันว่าหากขอเข้ามอบตัว คือ การเข้ามอบตัวเท่านั้น ส่วนเรื่องการประกันตัวเป็นเรื่องดุลยพินิจของศาล

สำหรับกลุ่มค้ามนุษย์ของโกโต้งนี้ ถือเป็นกลุ่มหลัก แต่อาจมีเพิ่มเติมอีก หากมีการจับกุมและสารภาพเพิ่ม แต่แนวทางการสืบสวนตอนนี้เกือบครบแล้ว ทั้งต้นทางถึงปลายทางของขบวนการ ส่วนกระแสข่าวก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับทหารยศ พ.อ.เข้ามาเกี่ยวข้องนั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะเท่าที่ทราบขณะนี้ ยังไม่มีข้าราชการระดับสูงถึงขนาดนั้นเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ปัญหานี้เป็นปัญหาที่มีมานาน เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เห็นเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย

** “ประยุทธ์” ลั่นไม่ตั้งศูนย์อพยพ

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาชาวโรฮีนจา หลังจากที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) เสนอให้มีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างประเทศในภูมิภาคเพื่อแก้ไขสถานการณ์ว่า ในวันที่ 29 พ.ค.นี้ ไทยจะเป็นเจ้าภาพในการการประชุมว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งมีผู้แทน 15 ประเทศที่ได้รับผลกระทบเข้าร่วม ทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง โดยจะใช้เวทีนี้หารือระหว่างองค์กรระหว่างประเทศว่าจะดูแลคนเหล่านี้อย่างไร ใช้งบประมาณจากที่ไหน เพราะหากเรารับภาระ ก็ถือเป็นภาระที่มากเกินไป แต่เราก็ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ หากเป็นการเดินทางผ่านน่านน้ำเพื่อไปยังจุดหมายอื่น ประเทศไทยก็เพียงแต่ดูแลอำนวยความสะดวก และเรื่องสิทธิมนุษยชน เขาจะไปที่ไหน ก็ต้องให้ไป แต่ต้องปลอดภัย แต่หากมาขึ้นฝั่งไทยโดยผิดกฎหมาย จะดูแลอย่างไร

"ถ้าเรารับทั้งหมด เปิดฟรี ใครอยากจะมาก็มา ถามว่าประเทศไทยจะดูแลเขาไหวไหม งบประมาณเอามาจากไหน งบประมาณต้องเอาภาษีของคนไทยทั้งหมดไปดูแลเขาอีกใช่หรือไม่ ตอนนี้ศูนย์พักพิงทั้ง 9 ศูนย์ยังอยู่ จากที่มีอยู่เกือบ 5 แสนคน วันนี้เหลือประมาณ 1 แสนคน ก็ถือว่าเราประสบความสำเร็จในการที่จะเอาเขากลับบ้าน ส่วนเรื่องที่จะไปประเทศที่ 3 เลิกพูด ไม่มีใครรับ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีแนวโน้มที่จะจัดตั้งศูนย์พักพิงเพิ่มเติมใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า อย่าไปพูดอย่างนั้น เพราะไม่ใช่ศูนย์อพยพ เป็นการที่คนพวกนี้เข้ามาอย่างผิดกฎหมาย ก็ต้องไปหาที่ควบคุมไว้รอดำเนินคดี เป็นเพียงมาตรการระยะสั้น ไม่ใช่ศูนย์ถาวร 10-20 ปี ซึ่งขณะนี้กำลังหาสถานที่อยู่ ส่วนงบประมาณนั้นจะมีการประสานกับทางสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แต่ให้หรือไม่ หรือจะได้เท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับทางยูเอ็น

** เล็งใช้เกาะกำใหญ่-ค้างคาว

รายงานข่าวแจ้งว่า ในส่วนของการจัดหาพื้นที่รองรับสถานที่ควบคุมหรือกักกันชาวโรฮีนจาชั่วคราวนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กองทัพบก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในแห่งราชอาณาจักร (กอ.รมน.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ เร่งสำรวจจัดหาพื้นที่รองรับดังกล่าวเพื่อเป็นการช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการสำรวจเกาะกำใหญ่ และเกาะค้างคาว ใน จ.ระนอง ซึ่งเป็นเป็นพื้นที่ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติ และหมดอายุการสัมปทานกับเอกชนแล้ว ขณะนี้อยู่ในระหว่างการทำความเข้าใจ และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ นักธุรกิจ ผู้รับสัมปทานเดิม

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ก่อนหน้านี้ สตช.ได้เคยเสนอให้ใช้พื้นที่ของตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) จ.ระนอง เป็นสถานที่ควบคุมชาวโรฮีนจา แต่มีกระแสต่อต้านจากชาวบ้านในพื้นที่ที่ไม่ต้องการให้ใช้พื้นที่บนบก โดยอ้างเหตุผลเรื่องสุขภาพอนามัยของชุมชน จึงมีการปรับเป้าหมายไปยังพื้นที่เกาะแทน

** “ทัพเรือ” ไม่ได้ผลักดันเรือโรฮีนจา

วันเดียวกัน มีรายงานข่าวแจ้งว่า พบเรือของชาวโรฮีนจาลอยลำเข้ามาในน่านน้ำอันดามัน ฝั่งหัวแหลม ห่างจากเกาะหลีเป๊ะ ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล ประมาณ 17 กิโลเมตร โดยหน่วยปฏิบัติการต่อสู้อากาศยาน และรักษาฝั่งที่ 491 (หลีเป๊ะ) กองทัพเรือภาคที่ 3 สามารถจับพิกัดเรือลำดังกล่าวได้ ก่อนนำเรือชาวประมง 6 ลำเข้าช่วยเหลือ พร้อมขนเสบียงอาหาร ยารักษาโรคเข้ามอบให้ตามหลักมนุษยชน เพื่อให้เดินทางต่อไปยังเป้าหมาย

โดยรายงานระบุว่า ชาวโรฮีนจาที่โดยสารเรือลำดังกล่าวมีจำนวนกว่า 300 คน จากการสอบถามพบว่า ต้องการจะเดินทางต่อไปยังประเทศมาเลเซีย และอินโดนีเซีย แต่เรือเกิดขัดข้องระหว่างทาง

ขณะเดียวกัน ได้เกิดกระแสข่าวว่าทางการไทยโดยกองเรือทัพภาค 3 พยายามผลักดันเรือดังกล่าวออกจากน่านน้ำไทย ซึ่งเรื่องนี้ พล.ร.ต.สมชาย ณ บางช้าง เสนาธิการกองเรือทัพภาค 3 ชี้แจงว่า ขอยืนยันว่า ไม่ได้มีการผลักดัน หรือขับไล่เรือดังกล่าวแต่อย่างใด โดยกองเรือทัพภาค 3ได้รับการประสานจาก กอ.รมน.จ.สตูล ให้นำอาหารและน้ำดื่มขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปส่งให้กับเรือลำดังกล่าว เพื่อเป็นการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และจากการสอบถามเบื้องต้น เรือลำดังกล่าวก็ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่ประเทศไทย แต่ต้องการเดินทางไปยังประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซีย
กำลังโหลดความคิดเห็น