ASTVผู้จัดการรายวัน-ตำรวจรวบอีก 4 ผู้ต้องหาค้ามนุษย์ หลัง "โกหย่ง" เมืองระนองดอดมอบตัว ตามด้วยนายก อบต.ปูยู เผยหมายจับเพิ่ม 10 คน ล้วนแต่เป็นเครือข่าย "โกโต้ง" ล่าสุดจับได้แล้ว 24 คน ยังหลบหนีอีก 37 ขุดหลุมฝังศพบนเทือกเขาแก้วอีก 4 หลุม เจออีก 3 ศพ ด้าน ปปง. อายัดทรัพย์แล้วกว่า 30 ล้าน สันติบาลมาเลเซียพร้อมช่วยไทยจับพวกเผ่นซุกเกาะลังกาวี "สมยศ" แย้มได้ข่าวดีเร็วๆ นี้ ไทยเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดประชุมรับมือผู้อพยพ 29 พ.ค.นี้ เชิญ 15 ชาติเข้าร่วม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น. วานนี้ (13 พ.ค.) ที่สภ.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. แถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายค้ามนุษย์โรฮินจา จ.สตูล สงขลา และระนอง รวม 4 คน ประกอบด้วย 1.นายปิยวัฒน์ พงษ์ไทย หรือโกหย่ง เครือข่ายจ.ระนอง กลุ่มเดียวกับนายสุวรรณ แสงทอง หรือโกหนุ่ย ที่ถูกจับกุมแล้ว 2.นายสถิต แหมถิ่น อายุ 37 ปี 3.นายสมรรถชัย ฮะหมัด หรือแรมโบ้ อายุ 47 ปี เครือข่ายจ.สตูล กลุ่มของนายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สตูล ที่ยังหลบหนี และ 4.นายมูปะกาศ แขกพงษ์ อายุ 43 ปี เครือข่ายต.ปาดังเบซาร์ กลุ่มเดียวกับนายบรรจง ปองผล นายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ ที่ถูกจับกุมแล้ว
ทั้ง 4 คน ถูกแจ้งข้อหาสมคบและร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปกระทำการอันเป็นการค้ามนุษย์ ร่วมกันช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น โดยทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกายและร่วมกันเรียกค่าไถ่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะแยกสอบสวน เพื่อเชื่อมโยงกับเครือข่ายทั้งที่จับกุมได้แล้วและยังหลบหนี แต่เบื้องต้นทุกคนให้การปฏิเสธทุกข้อหา โดยจะควบคุมตัวไว้ที่สภ.ปาดังเบซาร์ ก่อนที่ขอฝากขังที่ศาลจังหวัดนาทวี เพื่อรอส่งฟ้องศาลต่อไป
สำหรับผู้ต้องหาเครือข่ายค้ามนุษย์ทั้ง 3 จังหวัดที่ควบคุมตัวได้แล้วขณะนี้มี 23 คน จากที่ออกหมายจับไป 61 คน เหลืออีก 38 คนที่ยังคงหลบหนี โดยเฉพาะตัวการใหญ่ คือ นายปัจจุบัน ซึ่งมีรายงานว่าไปกบดานอยู่ที่เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย สำหรับนายปิยวัฒน์เป็นการขยายผลมาจากการสอบสวนกลุ่มชาวโรฮีนจา 91 คน ในอ.หัวไทร จ.นครศรีธรรม ซึ่งประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำขณะถูกนำมาส่งที่อ.สะเดา เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา พบว่าถูกขนถ่ายมาด้วยเรือของนายปิยวัฒน์กว่า 300 คน และระหว่างที่อยู่ในทะเลผู้หญิงถูกไต๋เรือข่มขืนด้วย
**ขุด4หลุมแคมป์ใหม่เขาแก้วเจออีก3ศพ
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบแคมป์โรฮินจาแห่งใหม่บนเทือกเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ พบหลุมฝังศพ 4 หลุม ขุดพบศพเพิ่มอีก 3 ศพ ซึ่งมีทั้งที่เหลือเพียงกระดูก และศพใหม่ที่ถูกฝังมาไม่นาน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา ทหาร ตำรวจ และชุดพิสูจน์หลักฐาน ตรวจพบแคมป์ชาวโรฮินจาแห่งใหม่ บนยอดเขาแก้ว ชายแดนไทย-มาเลเซีย หมู่ 8 บ้านตะโล๊ะ ต.ปาดังเบซาร์ ห่างจากจุดที่พบแคมป์และสุสานฝังศพแห่งแรกประมาณ 3 กิโลเมตร เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ มีเรือนนอน 21 หลัง ห้องน้ำ 8 หลัง หอสังเกตการณ์ 2 หลัง โรงครัว 4 หลัง และโรงเรือนที่ยังสร้างไม่เสร็จ 1 หลัง ทั้งหมดถูกสร้างด้วยไม้ ยกพื้นสูง หลังคามุงผ้ายางลักษณะเป็นแคมป์ถาวร สภาพไม้ยังใหม่ คาดว่าสร้างมาไม่เกิน 1 ปี ต่างจากแคมป์ทั่วไปที่ปลูกสร้างบนดิน ซึ่งน่าจะเป็นแคมป์ใหญ่ที่สุดบนยอดเขาแก้ว เรียกได้ว่าเป็นค่ายกักกันหรือหมู่บ้านโรฮีนจา จุคนได้ราว 1,000 คน เชื่อว่าเป็นของเครือข่ายค้ามนุษย์กลุ่มเดียวกับที่พบบนยอดเขาแก้วจุดแรก ใช้กักตัวชาวโรฮีนจาที่มาจากจ.สตูล เนื่องจากมีชายแดนติดกัน
นอกจากนี้ ยังพบแคมป์ขนาดเล็ก 3 แห่งซึ่งอยู่ไม่ห่างกัน และในฝั่งมาเลเซียยังมีแคมป์อีก 3 แห่งในรัฐเปอร์ลิส คาดว่าสร้างขึ้นเพื่อรับช่วงต่อจากฝั่งไทย
**"โกหย่ง"ดอดมอบตัวก่อนปฏิเสธทุกข้อหา
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นายปิยวัฒน์หรือโกหย่ง อยู่บ้านเลขที่ 100/29 หมู่ 5 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง ได้เข้ามอบตัวกับพล.ต.ต.สมชาย นิตยบวรกุล รองผบช.ภ. 8 และพล.ต.ต.นรินทร์ บุษยวิทย์ ผบก.ภ.จว.ระนอง ที่สภ.เมือง จ.ระนอง โดยระบุว่ามามอบตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ส่งชาวโรฮีนจาจากจ.ระนอง ไปจ.สงขลา
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายปิยวัฒน์ขึ้นรถตำรวจทางหลวงระนอง เดินทางไปจ.นครศรีธรรมราช และส่งมอบให้พล.ต.อ.เอกเพื่อทำการสอบสวนปากคำเบื้องต้น จากนั้นพล.ต.อ.เอกนำนายปิยวัฒน์ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เดินทางไปยังสภ.ปาดังเบซาร์ โดยพล.ต.อ.เอก กล่าวว่า เชื่อว่าน่าจะมีคนบงการในระดับสูงกว่าอดีตนายกอบจ.สตูล แต่ขณะนี้ต้องถือว่าเป็นนายทุนใหญ่ที่สุดในขบวนการค้ามนุษย์ไว้ก่อน ส่วนใครจะใหญ่กว่ายังเปิดเผยไม่ได้ เพราะจะเสียรูปคดี อีกทั้งยังไม่มีการออกหมายจับ แต่มั่นใจว่ามีใหญ่กว่าแน่นอน
**นายกอบต.ปูยูมอบตัวอีกราย
วันเดียวกันนี้ พล.ต.ต.สมชาย นิตยบวรกุล รองผบช.ภ. 8 นายไมตรี ไตรติลานันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง สนธิกำลังทหาร ฝ่ายปกครอง อาสาสมัครรักษาดินแดน ตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 415 ตำรวจทางหลวงระนอง เข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ 10 คน ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ บ้านนายณัฐภัทร แสงทอง หรือโกมิ๊ก ซึ่งถูกระบุว่าเป็นตัวการใหญ่ค้าโรฮีนจาในจ.ระนอง และเป็นผู้กว้างขวางในฝั่งทะเลอันดามัน แต่ไม่พบตัว สอบถามเพื่อนบ้านทราบว่าหลบหนีไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในเย็นวันเดียวกัน นายมาเลย์ โต๊ะดิน นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ปูยู อ.เมือง จ.สตูล เข้ามอบตัวกับนายอำเภอเมือง ก่อนจะถูกส่งตัวมาสอบสวนที่สภ.ปาดังเบซาร์ โดยมีพล.ต.อ.เอก และพล.ต.ต.พุทธิชาติ เอกฉันท์ รองผบช.ภ. 9 รับมอบพร้อมกับควบคุมตัวไปสอบสวน โดยนายมาเลย์เป็นผู้ต้องหาคนที่ 24 ที่ถูกควบคุมตัวได้ เป็นหัวหน้าเครือข่ายในต.ปูยู จากเครือข่ายจ.สตูลที่มีอยู่ 5 กลุ่มของนายปัจจุบันหรือโกโต้ง
**เผยหมายจับ10คนล้วนเครือข่าย"โกโต้ง"
ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้า สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พล.ต.ท.มนตรี โปตระนันท์ ผบช.ภ. 9 พล.ต.ต.พุทธิชาติ เอกฉันท์ รองผบช.ภ. 9 ร่วมกันแถลงความคืบหน้าของคดีว่า จากที่ออกหมายจับ 61 คน จับได้แล้ว 24 คน อีก 37 คนยังคงเร่งติดตามจับกุม โดยเฉพาะที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ โดยวันที่ 15 พ.ค.นี้ ตำรวจสันติบาลมาเลเซียจะเดินทางมารับทราบข้อมูล เพื่อประสานงานการช่วยจับกุม โดยเฉพาะนายปัจจุบัน หรือโกโต้ง ตัวการใหญ่ของเครือข่ายจ.สตูล พร้อมพวก ซึ่งมีรายงานว่าหนีไปอยู่เกาะลังกาวี
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบทรัพย์สินของนายปัจจุบันนั้น ทุกฝ่ายกำลังเร่งให้แล้วเสร็จ เพื่อนำไปสู่การยึดทรัพย์ ซึ่งเฉพาะทรัพย์สินของนายปัจจุบันมีมูลค่าเกือบ 40 ล้านบาท
สำหรับผู้ที่ถูกออกหมายจับเพิ่มเติม 10 คน เป็นเครือข่ายของนายปัจจุบันทั้งหมด ประกอบด้วย นายโปเซี่ย อังโชติพันธุ์ หรือโกเซี่ย ลูกพี่ลูกน้องของนายปัจจุบัน นายมาเลย์ โต๊ะดิน นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ปูยู อ.เมือง นายอนัส หะยีมะแซ นายชาคริต หลงสาม๊ะ นายหมาดสะอาด ใจดี สายสถิต แหมถิ่น นายสมพล อาดำ นายสมรรถชัย ฮะหมัด นายสมบูรณ์ สันโด นายวุฒิ วุฒิประดิษฐ์
**เผยระดับหัวหน้า4คนแบ่งพื้นที่รับผิดชอบ
พล.ต.ท.มนตรี กล่าวว่า มีระดับหัวหน้ากลุ่ม 4 คน คือ นายโปเซี่ยรับผิดชอบอ.ท่าแพ นายมาเลย์รับผิดชอบต.ปูยู นายวุฒิรับผิดชอบต.วังประจัน อ.ควนโดน และนายอนัสรับผิดชอบต.ตำมะลัง และต.ตันหยงโป อ.เมือง ซึ่งขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำสงขลา ส่วนเบอร์สองรองจากโกโต้ง คือ นายอาบู ฮะอุรา ส.อบจ.ควนโดน ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้แล้ว
"ตัวเลขคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาขณะนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 312 คน เป็นเหยื่อค้ามนุษย์ 63 คน ผู้ต้องหาหลบหนีเข้าเมือง 249 คน เสียชีวิต 33 คน ส่วนการตรวจสอบแคมป์บนเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา พบแหล่งพักพิง 7 แห่ง สิ่งปลูกสร้าง 111 หลัง และจะเข้าตรวจสอบบนเขาแก้วเพิ่มเติมอีก 3-4 จุด ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ยังคงเดินหน้ายุทธการปิดปลายทาง ทั้งตั้งจุดตรวจจุดสกัด 64 จุด เชื่อมโยงจ.สตูล สงขลา พัทุลง และตรัง เพื่อป้องกันการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้ามาในพื้นที่"
**ปปง.อายัดทรัพย์แล้ว30ล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการตรวจสอบทรัพย์สินของนายปัจจุบันว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ได้อายัดรถเบนซ์ รถตู้ และรถ 5 ที่นั่ง ที่ดินของตระกูลอังโชติพันธุ์บนเกาะแรดใหญ่หรือเกาะปอออ หมู่ 2 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล กว่า 300 ไร่ แม้คนในครอบครัวจะนำโฉนดที่ดินมายืนยัน แต่เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบว่าได้มาโดยชอบหรือไม่ โดยขณะนี้ ปปง. ทยอยอายัดทรัพย์ทรัพย์เครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์และของนายปัจจุบันแล้วเป็นมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท รวมทั้งบัญชีธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ และอยู่ในระหว่างดำเนินการตรวจอายัดทรัพย์สินอื่นเพิ่มเติม
นายปณพล ชีวะเสรีชล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา กล่าวว่า เกาะหลีเป๊ะมีพื้นที่ 8 แปลง จำนวน 50 ไร่ ที่เป็นชื่อของนายปัจจุบัน และยังมีกิจการร่วมทุนอีกหลายแห่ง สำหรับที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะนั้น เนื่องจากมีการหมุนเวียนเปลี่ยนมือมาหลายคนแล้ว โดยที่ดินของนายปัจจุบัน บางแปลงจะขายหรือให้เช่า ซึ่งทางอุทยานพร้อมที่จะให้ข้อมูลหากทางเจ้าหน้าที่ขอมา เพราะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเอกสารสิทธิบนเกาะหลีเป๊ะจนได้ฐานข้อมูล มีการรังวัดตรวจสอบการครอบครองว่าเป็นของผู้ใด เอกสารถูกต้องหรือไม่
**"สมยศ"ถกผบ.ตำรวจมาเลเซีย
ที่โรงแรมเวสติน สิเหร่ เบย์ รีสอร์ท แอนด์ สปา จ.ภูเก็ต พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. และตัน ซรี ดาโต๊ะ ซรี กาลิด บิน อาบู บาการ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ร่วมแถลงการทำงานร่วม 2 ฝ่ายเรื่องการปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยพล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า รัฐบาลไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ขอความร่วมมือในการทำงาน และแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับรัฐบาลมาเลเซีย โดยเฉพาะตนในฐานะผบ.ตร.ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารขบวนการค้ามนุษย์กับอธิบดีตำรวจมาเลเซียอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด จนนำไปสู่การปฏิบัติงานอย่างจริงจังตามที่เป็นข่าว และได้ดำเนินคดีกับข้าราชการทุกหน่วยงานที่มีส่วนช่วยเหลือ สนับสนุน หรือมีผลประโยชน์กับขบวนการ เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ปัญหา ขณะที่ตำรวจมาเลเซียก็จับกุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลายคดี
***แย้มได้ข่าวดีจับตัวการใหญ่ในเร็วๆ นี้
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวถึงกรณีกรณีที่จะหารือกับรัฐบาลพม่าว่า รัฐบาลไทยตระหนักดีว่าการแก้ปัญหาชาวโรฮีนจานั้น ประเทศไทยไม่สามารถแก้ได้เพียงประเทศเดียว ต้องได้รับความร่วมมือจากประเทศต้นทางและปลายทาง เพราะไทยเป็นทางผ่าน แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นค่อนข้างสลับซับซ้อน เช่น ต้นทางปัญหา คือ ชาวโรฮีนจา ซึ่งพม่าไม่ยอมรับว่าเป็นคนของเขา รัฐบาลได้ส่งผู้ช่วยทูตตำรวจไปพูดคุยขอความร่วมมือง ส่วนประเทศปลายทาง เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย จากการพูดกับทางอธิบดีตำรวจมาเลเซียก็บอกว่าจำเป็นที่ต้องช่วยกัน พร้อมให้การสนับสนุนเพื่อให้ปัญหาหมดไป
"สิ่งที่เราร้องขอกับทางมาเลเซีย คือ ทำงานใกล้ชิดกันมากขึ้น ที่ร้องขอเป็นพิเศษ คือ กรณีผู้ต้องหาตามหมายจับ ซึ่งจากการสืบสวนพบว่า มีบางรายหนีเข้าไปในมาเลเซีย ขออนุญาตให้มีการประสานงานเพื่อนำผู้ต้องหากลับมาดำเนินคดีในไทย ซึ่งเรามีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกันอยู่แล้ว ส่วนกรณีนายหน้ารายใหญ่ได้รับรายงานจากผู้รับผิดชอบว่าจะได้ข่าวดีในไม่ช้า"
**มาเลย์ย้ำแก้ได้แต่ต้องร่วมกันทำงาน
ขณะที่ ตันซรี ดาโต๊ะ ซรี กาลิด บิน อาบู บาการ์ กล่าวว่า รัฐบาลมาเลเซียและตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ถือว่าการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องแก้ไข ซึ่งคล้ายกับรัฐบาลไทย ที่ผ่านมารัฐบาลมาเลเซีย รัฐบาลไทย และตำรวจของทั้งสองประเทศร่วมมือกันทำงานอย่างใกล้ชิด จนในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. ทางมาเลเซียได้จับกุมผู้เกี่ยวข้อง 38 คน เป็นคนสัญชาติเนปาล 21 คน มาเลเซีย 16 คน และอินโดนีเซีย 1 คน มีทั้งนายหน้าตัวการใหญ่ หรือผู้นำทาง ตำรวจมาเลเซียก็ถูกจับกุม 2 ราย ยึดเงิน 1,250,000 ล้านริงกิต หรือประมาณ 4 ล้านบาท ยึดทรัพย์รวม 30 ล้านบาท ทั้งหมดถูกควบคุมตัวภายใต้กฎหมายการค้ามนุษย์และการลักลอบเข้าเมือง
"ถือเป็นการปฏิบัติการร่วมกันทางด้านใต้ของไทย และทางเหนือของมาเลเซีย ซึ่งได้แลกเปลี่ยนข่าวกรองและข่าวสารระหว่างกัน ซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่เป็นชาวบังคลาเทศ พม่า พบเหยื่อมีบัตรของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอชซีอาร์ แต่เป็นบัตรปลอม และตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค.เป็นต้นมา ทางการมาเลเซียได้ตรวจพบผู้หลบหนีเข้าเมืองที่เกาะลังกาวี 1,018 คน ประกอบด้วย บังคลาเทศ 555 คน พม่า 463 คน ยึดเรือโดยสาร 2 ลำ ซึ่งจากการข่าวน่าเชื่อว่าน่าจะหลบหนีมาจากชายแดนไทย หลังจากทางการไทยกดดันอย่างหนัก โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของตำรวจมาเลเซีย"
ตันซรี ดาโต๊ะ ซรี กาลิด บิน อาบู บาการ์ ย้ำว่า ทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงการแก้ปัญหาร่วมกัน เนื่องจากประเทศใดประเทศหนึ่งไม่สามารถแก้ปัญหาได้โดยลำพัง ต้องทำงานร่วมกันจึงจะแก้ไขได้
***เชิญ15ชาติถกรับมือโยกย้ายถิ่นฐาน
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า การค้ามนุษย์และการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติของชาวโรฮีนจาเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและมีความรุนแรง เป็นปัญหาเร่งด่วนของภูมิภาคนี้ที่ต้องเร่งแก้ไข ซึ่งรัฐบาลไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย วันที่ 29 พ.ค.นี้ที่กรุงเทพฯ โดยเชิญเจ้าหน้าที่อาวุโสจากประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด 15 ประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย กัมพูชา สปป.ลาว พม่าเวียดนาม บังคลาเทศ รวมทั้งประเทศผู้สังเกตการณ์ อาทิ สหรัฐอเมริกา สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน และสำนักงานว่าด้วยยาเสพติด และอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติเข้าร่วมด้วย
"ประเทศไทยถือเป็นประเทศกลางทางของปัญหา และเราคนเดียวไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ประเทศในภูมิภาคร่วมมือกัน เพื่อรับมือกับการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติทางทะเล โดยเฉพาะในอ่าวเบงกอลที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศต้นทาง ประเทศทางผ่าน และประเทศปลายทาง ต้องร่วมมือกันหาแนวทางรับมือ และเร่งแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยในที่ประชุมอาจจะมีการบังคับใช้กฎหมายร่วมกัน เพื่อทลายเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงขอความร่วมมือช่วยกันเผยแพร่ข้อมูลเพื่อป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์โดยขบวนการค้ามนุษย์"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น. วานนี้ (13 พ.ค.) ที่สภ.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. แถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายค้ามนุษย์โรฮินจา จ.สตูล สงขลา และระนอง รวม 4 คน ประกอบด้วย 1.นายปิยวัฒน์ พงษ์ไทย หรือโกหย่ง เครือข่ายจ.ระนอง กลุ่มเดียวกับนายสุวรรณ แสงทอง หรือโกหนุ่ย ที่ถูกจับกุมแล้ว 2.นายสถิต แหมถิ่น อายุ 37 ปี 3.นายสมรรถชัย ฮะหมัด หรือแรมโบ้ อายุ 47 ปี เครือข่ายจ.สตูล กลุ่มของนายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สตูล ที่ยังหลบหนี และ 4.นายมูปะกาศ แขกพงษ์ อายุ 43 ปี เครือข่ายต.ปาดังเบซาร์ กลุ่มเดียวกับนายบรรจง ปองผล นายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ ที่ถูกจับกุมแล้ว
ทั้ง 4 คน ถูกแจ้งข้อหาสมคบและร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปกระทำการอันเป็นการค้ามนุษย์ ร่วมกันช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น โดยทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกายและร่วมกันเรียกค่าไถ่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะแยกสอบสวน เพื่อเชื่อมโยงกับเครือข่ายทั้งที่จับกุมได้แล้วและยังหลบหนี แต่เบื้องต้นทุกคนให้การปฏิเสธทุกข้อหา โดยจะควบคุมตัวไว้ที่สภ.ปาดังเบซาร์ ก่อนที่ขอฝากขังที่ศาลจังหวัดนาทวี เพื่อรอส่งฟ้องศาลต่อไป
สำหรับผู้ต้องหาเครือข่ายค้ามนุษย์ทั้ง 3 จังหวัดที่ควบคุมตัวได้แล้วขณะนี้มี 23 คน จากที่ออกหมายจับไป 61 คน เหลืออีก 38 คนที่ยังคงหลบหนี โดยเฉพาะตัวการใหญ่ คือ นายปัจจุบัน ซึ่งมีรายงานว่าไปกบดานอยู่ที่เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย สำหรับนายปิยวัฒน์เป็นการขยายผลมาจากการสอบสวนกลุ่มชาวโรฮีนจา 91 คน ในอ.หัวไทร จ.นครศรีธรรม ซึ่งประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำขณะถูกนำมาส่งที่อ.สะเดา เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา พบว่าถูกขนถ่ายมาด้วยเรือของนายปิยวัฒน์กว่า 300 คน และระหว่างที่อยู่ในทะเลผู้หญิงถูกไต๋เรือข่มขืนด้วย
**ขุด4หลุมแคมป์ใหม่เขาแก้วเจออีก3ศพ
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบแคมป์โรฮินจาแห่งใหม่บนเทือกเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ พบหลุมฝังศพ 4 หลุม ขุดพบศพเพิ่มอีก 3 ศพ ซึ่งมีทั้งที่เหลือเพียงกระดูก และศพใหม่ที่ถูกฝังมาไม่นาน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา ทหาร ตำรวจ และชุดพิสูจน์หลักฐาน ตรวจพบแคมป์ชาวโรฮินจาแห่งใหม่ บนยอดเขาแก้ว ชายแดนไทย-มาเลเซีย หมู่ 8 บ้านตะโล๊ะ ต.ปาดังเบซาร์ ห่างจากจุดที่พบแคมป์และสุสานฝังศพแห่งแรกประมาณ 3 กิโลเมตร เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ มีเรือนนอน 21 หลัง ห้องน้ำ 8 หลัง หอสังเกตการณ์ 2 หลัง โรงครัว 4 หลัง และโรงเรือนที่ยังสร้างไม่เสร็จ 1 หลัง ทั้งหมดถูกสร้างด้วยไม้ ยกพื้นสูง หลังคามุงผ้ายางลักษณะเป็นแคมป์ถาวร สภาพไม้ยังใหม่ คาดว่าสร้างมาไม่เกิน 1 ปี ต่างจากแคมป์ทั่วไปที่ปลูกสร้างบนดิน ซึ่งน่าจะเป็นแคมป์ใหญ่ที่สุดบนยอดเขาแก้ว เรียกได้ว่าเป็นค่ายกักกันหรือหมู่บ้านโรฮีนจา จุคนได้ราว 1,000 คน เชื่อว่าเป็นของเครือข่ายค้ามนุษย์กลุ่มเดียวกับที่พบบนยอดเขาแก้วจุดแรก ใช้กักตัวชาวโรฮีนจาที่มาจากจ.สตูล เนื่องจากมีชายแดนติดกัน
นอกจากนี้ ยังพบแคมป์ขนาดเล็ก 3 แห่งซึ่งอยู่ไม่ห่างกัน และในฝั่งมาเลเซียยังมีแคมป์อีก 3 แห่งในรัฐเปอร์ลิส คาดว่าสร้างขึ้นเพื่อรับช่วงต่อจากฝั่งไทย
**"โกหย่ง"ดอดมอบตัวก่อนปฏิเสธทุกข้อหา
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นายปิยวัฒน์หรือโกหย่ง อยู่บ้านเลขที่ 100/29 หมู่ 5 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง ได้เข้ามอบตัวกับพล.ต.ต.สมชาย นิตยบวรกุล รองผบช.ภ. 8 และพล.ต.ต.นรินทร์ บุษยวิทย์ ผบก.ภ.จว.ระนอง ที่สภ.เมือง จ.ระนอง โดยระบุว่ามามอบตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ส่งชาวโรฮีนจาจากจ.ระนอง ไปจ.สงขลา
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายปิยวัฒน์ขึ้นรถตำรวจทางหลวงระนอง เดินทางไปจ.นครศรีธรรมราช และส่งมอบให้พล.ต.อ.เอกเพื่อทำการสอบสวนปากคำเบื้องต้น จากนั้นพล.ต.อ.เอกนำนายปิยวัฒน์ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เดินทางไปยังสภ.ปาดังเบซาร์ โดยพล.ต.อ.เอก กล่าวว่า เชื่อว่าน่าจะมีคนบงการในระดับสูงกว่าอดีตนายกอบจ.สตูล แต่ขณะนี้ต้องถือว่าเป็นนายทุนใหญ่ที่สุดในขบวนการค้ามนุษย์ไว้ก่อน ส่วนใครจะใหญ่กว่ายังเปิดเผยไม่ได้ เพราะจะเสียรูปคดี อีกทั้งยังไม่มีการออกหมายจับ แต่มั่นใจว่ามีใหญ่กว่าแน่นอน
**นายกอบต.ปูยูมอบตัวอีกราย
วันเดียวกันนี้ พล.ต.ต.สมชาย นิตยบวรกุล รองผบช.ภ. 8 นายไมตรี ไตรติลานันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง สนธิกำลังทหาร ฝ่ายปกครอง อาสาสมัครรักษาดินแดน ตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 415 ตำรวจทางหลวงระนอง เข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ 10 คน ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ บ้านนายณัฐภัทร แสงทอง หรือโกมิ๊ก ซึ่งถูกระบุว่าเป็นตัวการใหญ่ค้าโรฮีนจาในจ.ระนอง และเป็นผู้กว้างขวางในฝั่งทะเลอันดามัน แต่ไม่พบตัว สอบถามเพื่อนบ้านทราบว่าหลบหนีไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในเย็นวันเดียวกัน นายมาเลย์ โต๊ะดิน นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ปูยู อ.เมือง จ.สตูล เข้ามอบตัวกับนายอำเภอเมือง ก่อนจะถูกส่งตัวมาสอบสวนที่สภ.ปาดังเบซาร์ โดยมีพล.ต.อ.เอก และพล.ต.ต.พุทธิชาติ เอกฉันท์ รองผบช.ภ. 9 รับมอบพร้อมกับควบคุมตัวไปสอบสวน โดยนายมาเลย์เป็นผู้ต้องหาคนที่ 24 ที่ถูกควบคุมตัวได้ เป็นหัวหน้าเครือข่ายในต.ปูยู จากเครือข่ายจ.สตูลที่มีอยู่ 5 กลุ่มของนายปัจจุบันหรือโกโต้ง
**เผยหมายจับ10คนล้วนเครือข่าย"โกโต้ง"
ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้า สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พล.ต.ท.มนตรี โปตระนันท์ ผบช.ภ. 9 พล.ต.ต.พุทธิชาติ เอกฉันท์ รองผบช.ภ. 9 ร่วมกันแถลงความคืบหน้าของคดีว่า จากที่ออกหมายจับ 61 คน จับได้แล้ว 24 คน อีก 37 คนยังคงเร่งติดตามจับกุม โดยเฉพาะที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ โดยวันที่ 15 พ.ค.นี้ ตำรวจสันติบาลมาเลเซียจะเดินทางมารับทราบข้อมูล เพื่อประสานงานการช่วยจับกุม โดยเฉพาะนายปัจจุบัน หรือโกโต้ง ตัวการใหญ่ของเครือข่ายจ.สตูล พร้อมพวก ซึ่งมีรายงานว่าหนีไปอยู่เกาะลังกาวี
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบทรัพย์สินของนายปัจจุบันนั้น ทุกฝ่ายกำลังเร่งให้แล้วเสร็จ เพื่อนำไปสู่การยึดทรัพย์ ซึ่งเฉพาะทรัพย์สินของนายปัจจุบันมีมูลค่าเกือบ 40 ล้านบาท
สำหรับผู้ที่ถูกออกหมายจับเพิ่มเติม 10 คน เป็นเครือข่ายของนายปัจจุบันทั้งหมด ประกอบด้วย นายโปเซี่ย อังโชติพันธุ์ หรือโกเซี่ย ลูกพี่ลูกน้องของนายปัจจุบัน นายมาเลย์ โต๊ะดิน นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ปูยู อ.เมือง นายอนัส หะยีมะแซ นายชาคริต หลงสาม๊ะ นายหมาดสะอาด ใจดี สายสถิต แหมถิ่น นายสมพล อาดำ นายสมรรถชัย ฮะหมัด นายสมบูรณ์ สันโด นายวุฒิ วุฒิประดิษฐ์
**เผยระดับหัวหน้า4คนแบ่งพื้นที่รับผิดชอบ
พล.ต.ท.มนตรี กล่าวว่า มีระดับหัวหน้ากลุ่ม 4 คน คือ นายโปเซี่ยรับผิดชอบอ.ท่าแพ นายมาเลย์รับผิดชอบต.ปูยู นายวุฒิรับผิดชอบต.วังประจัน อ.ควนโดน และนายอนัสรับผิดชอบต.ตำมะลัง และต.ตันหยงโป อ.เมือง ซึ่งขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำสงขลา ส่วนเบอร์สองรองจากโกโต้ง คือ นายอาบู ฮะอุรา ส.อบจ.ควนโดน ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้แล้ว
"ตัวเลขคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาขณะนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 312 คน เป็นเหยื่อค้ามนุษย์ 63 คน ผู้ต้องหาหลบหนีเข้าเมือง 249 คน เสียชีวิต 33 คน ส่วนการตรวจสอบแคมป์บนเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา พบแหล่งพักพิง 7 แห่ง สิ่งปลูกสร้าง 111 หลัง และจะเข้าตรวจสอบบนเขาแก้วเพิ่มเติมอีก 3-4 จุด ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ยังคงเดินหน้ายุทธการปิดปลายทาง ทั้งตั้งจุดตรวจจุดสกัด 64 จุด เชื่อมโยงจ.สตูล สงขลา พัทุลง และตรัง เพื่อป้องกันการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้ามาในพื้นที่"
**ปปง.อายัดทรัพย์แล้ว30ล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการตรวจสอบทรัพย์สินของนายปัจจุบันว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ได้อายัดรถเบนซ์ รถตู้ และรถ 5 ที่นั่ง ที่ดินของตระกูลอังโชติพันธุ์บนเกาะแรดใหญ่หรือเกาะปอออ หมู่ 2 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล กว่า 300 ไร่ แม้คนในครอบครัวจะนำโฉนดที่ดินมายืนยัน แต่เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบว่าได้มาโดยชอบหรือไม่ โดยขณะนี้ ปปง. ทยอยอายัดทรัพย์ทรัพย์เครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์และของนายปัจจุบันแล้วเป็นมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท รวมทั้งบัญชีธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ และอยู่ในระหว่างดำเนินการตรวจอายัดทรัพย์สินอื่นเพิ่มเติม
นายปณพล ชีวะเสรีชล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา กล่าวว่า เกาะหลีเป๊ะมีพื้นที่ 8 แปลง จำนวน 50 ไร่ ที่เป็นชื่อของนายปัจจุบัน และยังมีกิจการร่วมทุนอีกหลายแห่ง สำหรับที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะนั้น เนื่องจากมีการหมุนเวียนเปลี่ยนมือมาหลายคนแล้ว โดยที่ดินของนายปัจจุบัน บางแปลงจะขายหรือให้เช่า ซึ่งทางอุทยานพร้อมที่จะให้ข้อมูลหากทางเจ้าหน้าที่ขอมา เพราะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเอกสารสิทธิบนเกาะหลีเป๊ะจนได้ฐานข้อมูล มีการรังวัดตรวจสอบการครอบครองว่าเป็นของผู้ใด เอกสารถูกต้องหรือไม่
**"สมยศ"ถกผบ.ตำรวจมาเลเซีย
ที่โรงแรมเวสติน สิเหร่ เบย์ รีสอร์ท แอนด์ สปา จ.ภูเก็ต พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. และตัน ซรี ดาโต๊ะ ซรี กาลิด บิน อาบู บาการ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ร่วมแถลงการทำงานร่วม 2 ฝ่ายเรื่องการปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยพล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า รัฐบาลไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ขอความร่วมมือในการทำงาน และแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับรัฐบาลมาเลเซีย โดยเฉพาะตนในฐานะผบ.ตร.ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารขบวนการค้ามนุษย์กับอธิบดีตำรวจมาเลเซียอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด จนนำไปสู่การปฏิบัติงานอย่างจริงจังตามที่เป็นข่าว และได้ดำเนินคดีกับข้าราชการทุกหน่วยงานที่มีส่วนช่วยเหลือ สนับสนุน หรือมีผลประโยชน์กับขบวนการ เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ปัญหา ขณะที่ตำรวจมาเลเซียก็จับกุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลายคดี
***แย้มได้ข่าวดีจับตัวการใหญ่ในเร็วๆ นี้
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวถึงกรณีกรณีที่จะหารือกับรัฐบาลพม่าว่า รัฐบาลไทยตระหนักดีว่าการแก้ปัญหาชาวโรฮีนจานั้น ประเทศไทยไม่สามารถแก้ได้เพียงประเทศเดียว ต้องได้รับความร่วมมือจากประเทศต้นทางและปลายทาง เพราะไทยเป็นทางผ่าน แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นค่อนข้างสลับซับซ้อน เช่น ต้นทางปัญหา คือ ชาวโรฮีนจา ซึ่งพม่าไม่ยอมรับว่าเป็นคนของเขา รัฐบาลได้ส่งผู้ช่วยทูตตำรวจไปพูดคุยขอความร่วมมือง ส่วนประเทศปลายทาง เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย จากการพูดกับทางอธิบดีตำรวจมาเลเซียก็บอกว่าจำเป็นที่ต้องช่วยกัน พร้อมให้การสนับสนุนเพื่อให้ปัญหาหมดไป
"สิ่งที่เราร้องขอกับทางมาเลเซีย คือ ทำงานใกล้ชิดกันมากขึ้น ที่ร้องขอเป็นพิเศษ คือ กรณีผู้ต้องหาตามหมายจับ ซึ่งจากการสืบสวนพบว่า มีบางรายหนีเข้าไปในมาเลเซีย ขออนุญาตให้มีการประสานงานเพื่อนำผู้ต้องหากลับมาดำเนินคดีในไทย ซึ่งเรามีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกันอยู่แล้ว ส่วนกรณีนายหน้ารายใหญ่ได้รับรายงานจากผู้รับผิดชอบว่าจะได้ข่าวดีในไม่ช้า"
**มาเลย์ย้ำแก้ได้แต่ต้องร่วมกันทำงาน
ขณะที่ ตันซรี ดาโต๊ะ ซรี กาลิด บิน อาบู บาการ์ กล่าวว่า รัฐบาลมาเลเซียและตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ถือว่าการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องแก้ไข ซึ่งคล้ายกับรัฐบาลไทย ที่ผ่านมารัฐบาลมาเลเซีย รัฐบาลไทย และตำรวจของทั้งสองประเทศร่วมมือกันทำงานอย่างใกล้ชิด จนในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. ทางมาเลเซียได้จับกุมผู้เกี่ยวข้อง 38 คน เป็นคนสัญชาติเนปาล 21 คน มาเลเซีย 16 คน และอินโดนีเซีย 1 คน มีทั้งนายหน้าตัวการใหญ่ หรือผู้นำทาง ตำรวจมาเลเซียก็ถูกจับกุม 2 ราย ยึดเงิน 1,250,000 ล้านริงกิต หรือประมาณ 4 ล้านบาท ยึดทรัพย์รวม 30 ล้านบาท ทั้งหมดถูกควบคุมตัวภายใต้กฎหมายการค้ามนุษย์และการลักลอบเข้าเมือง
"ถือเป็นการปฏิบัติการร่วมกันทางด้านใต้ของไทย และทางเหนือของมาเลเซีย ซึ่งได้แลกเปลี่ยนข่าวกรองและข่าวสารระหว่างกัน ซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่เป็นชาวบังคลาเทศ พม่า พบเหยื่อมีบัตรของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอชซีอาร์ แต่เป็นบัตรปลอม และตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค.เป็นต้นมา ทางการมาเลเซียได้ตรวจพบผู้หลบหนีเข้าเมืองที่เกาะลังกาวี 1,018 คน ประกอบด้วย บังคลาเทศ 555 คน พม่า 463 คน ยึดเรือโดยสาร 2 ลำ ซึ่งจากการข่าวน่าเชื่อว่าน่าจะหลบหนีมาจากชายแดนไทย หลังจากทางการไทยกดดันอย่างหนัก โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของตำรวจมาเลเซีย"
ตันซรี ดาโต๊ะ ซรี กาลิด บิน อาบู บาการ์ ย้ำว่า ทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงการแก้ปัญหาร่วมกัน เนื่องจากประเทศใดประเทศหนึ่งไม่สามารถแก้ปัญหาได้โดยลำพัง ต้องทำงานร่วมกันจึงจะแก้ไขได้
***เชิญ15ชาติถกรับมือโยกย้ายถิ่นฐาน
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า การค้ามนุษย์และการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติของชาวโรฮีนจาเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและมีความรุนแรง เป็นปัญหาเร่งด่วนของภูมิภาคนี้ที่ต้องเร่งแก้ไข ซึ่งรัฐบาลไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย วันที่ 29 พ.ค.นี้ที่กรุงเทพฯ โดยเชิญเจ้าหน้าที่อาวุโสจากประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด 15 ประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย กัมพูชา สปป.ลาว พม่าเวียดนาม บังคลาเทศ รวมทั้งประเทศผู้สังเกตการณ์ อาทิ สหรัฐอเมริกา สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน และสำนักงานว่าด้วยยาเสพติด และอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติเข้าร่วมด้วย
"ประเทศไทยถือเป็นประเทศกลางทางของปัญหา และเราคนเดียวไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ประเทศในภูมิภาคร่วมมือกัน เพื่อรับมือกับการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติทางทะเล โดยเฉพาะในอ่าวเบงกอลที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศต้นทาง ประเทศทางผ่าน และประเทศปลายทาง ต้องร่วมมือกันหาแนวทางรับมือ และเร่งแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยในที่ประชุมอาจจะมีการบังคับใช้กฎหมายร่วมกัน เพื่อทลายเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงขอความร่วมมือช่วยกันเผยแพร่ข้อมูลเพื่อป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์โดยขบวนการค้ามนุษย์"