xs
xsm
sm
md
lg

ไทยเตรียมประสานมาเลย์ส่งผู้ต้องหาตามหมายจับค้ามนุษย์ คาดทราบข่าวดีเร็วๆ นี้ (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผบ.ตร.ไทย-มาเลเซีย แถลงให้ความสำคัญปัญหาค้ามนุษย์ เตรียมประสานทางการมาเลเซียส่งผู้ต้องหาตามหมายจับกลับมาดำเนินคดีในไทย หลังหลบหนีไปอยู่ในประเทศมาเลเซีย พร้อมเผยกรณีนายหน้ารายใหญ่หนีไปกบดานในประเทศเพื่อนบ้าน จะได้รับข่าวดีในไม่ช้า



วันนี้ (13 พ.ค.) ภายหลังการประชุมทวิภาคีระหว่างตำรวจไทย และตำรวจมาเลเซีย ครั้งที่ 23 ณ โรงแรมเวสติน สิเหร่เบย์ รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดภูเก็ต พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และตันซรี ดาโต๊ะ ซรี กาลิด บิน อาบู บาการ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ร่วมแถลงข่าวถึงการทำงานร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย เรื่องการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์

โดย พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า กรณีการตรวจค้นพบที่พักรอของแรงงานโรฮีนจา ที่เขาแก้ว จ.สงขลา นั้น ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เป็นสิ่งที่เกิดจากการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งมีการจับกุมแรงงานผิดกฎหมาย ผู้ที่เข้าไปมีส่วนรู้เห็น หรือสนับสนุนแรงงานที่ผิดกฎหมาย ทั้งที่เป็นประชาชนธรรมดา ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ของหน่วยอื่นๆ แต่ในบางกรณีเป็นเรื่องที่ไม่ได้รับความสนใจจากประชาชน หรือสื่อมวลชนเท่าที่ควรจึงไม่มีข่าวปรากฏ แต่การทำงานของเจ้าหน้าที่ก็ยังมีอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมาพบแคมป์พักรอและหลุมศพแรงงานชาวโรฮีนจาเป็นจำนวนมาก จึงเป็นประเด็นสนใจ แต่ขอย้ำว่า เป็นการทำงานร่วมกันของตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายของรัฐ

“ทางรัฐบาลไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ขอความร่วมมือในการทำงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารต่อรัฐบาลมาเลเซีย โดยเฉพาะตนในฐานะ ผบ.ตร.ได้มีการประสานการทำงานแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับขบวนการค้ามนุษย์ต่อทางอธิบดีตำรวจมาเลเซีย เป็นการแสดงให้เห็นว่า เราทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด จนนำไปสู่การปฏิบัติงานที่สำเร็จอย่างจริงจังตามที่เป็นข่าว ในส่วนของทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ได้มีการแก้ปัญหา ดำเนินคดีต่อข้าราชการทุกๆ หน่วยงานที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องช่วยเหลือสนับสนุน หรือมีผลประโยชน์ต่อขบวนการค้ามนุษย์ ทั้งดำเนินคดี การโยกย้ายไปช่วยราชการภายในหน่วย หรือนอกหน่วย หรือโยกย้ายออกนอกพื้นที่ เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย ขณะที่รัฐบาลมาเลเซีย โดยตำรวจมาเลเซีย ก็ได้ดำเนินการในเรื่องนี้มาโดยตลอด ได้มีการจับกุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลายคดี”

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวเพิ่มเติมกรณีที่จะเข้าไปหารือแก้ปัญหากับรัฐบาลของประเทศพม่า ว่า รัฐบาลไทยตระหนักดีว่า การแก้ปัญหาแรงงานผิดกฎหมายชาวโรฮีนจานั้น ประเทศไทยไม่สามารถแก้ไขเพียงประเทศเดียวได้ โดยจะต้องได้รับความร่วมมือจากประเทศต้นทาง และปลายทาง ซึ่งประเทศไทยถือว่าเป็นทางผ่าน แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นค่อนข้างสลับซับซ้อน เช่น ต้นทางปัญหา คือ ชาวโรฮีนจา ที่พม่าไม่ยอมรับว่าเป็นคนของเขา กรณีประเทศปลายทางมีเป้าหมายหลายประเทศของชาวโรฮีนจา เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย เป็นต้น แต่รัฐบาลได้ดำเนินการแก้ปัญหาโดยส่งผู้ช่วยทูตตำรวจฯ ไปพูดคุยหรือเจรจาขอความร่วมมือจากทางพม่า จากการพูดกับทางอธิบดีตำรวจมาเลเซีย บอกว่า จำเป็นที่เราจะต้องช่วยกัน ซึ่งก็รับปาก และพร้อมให้การสนับสนุนเพื่อให้ปัญหาดังกล่าวหมดไป

ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า สิ่งที่เราร้องขอต่อทางมาเลเซีย คือ การทำงานร่วมกันซึ่งไม่น่าเป็นห่วง เพราะมีการดำเนินการอยู่แล้ว และประสบความสำเร็จ สิ่งหนึ่งที่คุยกันคือ นับจากนี้ต่อไปจะทำงานใกล้ชิดกันมากขึ้น เพื่อให้ปัญหาดังกล่าวคลี่คลาย และหมดไป ส่วนที่ร้องขอเป็นพิเศษ คือ กรณีที่ผู้ต้องหาตามหมายจับของทางการไทยที่จากการสืบสวนพบว่า มีบางรายหลบหนีเข้าไปในประเทศมาเลเซีย ขออนุญาตให้มีการประสานงานเพื่อนำผู้ต้องหากลับมาดำเนินคดีในไทย และเรามีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกันอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่มีข่าวนายหน้ารายใหญ่หนีไปกบดานอยู่ในมาเลเซียนั้น ได้รับรายงานจากผู้รับผิดชอบว่า จะได้ข่าวดีในไม่ช้านี้ แต่ยังไม่ยืนยันชัดเจนว่าหลบหนีไปที่ไหน

ขณะที่ ตันซรี ดาโต๊ะ ซรี กาลิด บิน อาบู บาการ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย กล่าวว่า ในประเด็นเรื่องการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ ทางรัฐบาลมาเลเซีย และตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ได้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่ต้องดำเนินการแก้ไขคล้ายกับรัฐบาลไทย ในช่วงระยะที่ผ่านมา ทางรัฐบาลมาเลเซีย รัฐบาลไทย และทางตำรวจของทั้ง 2 ประเทศ ได้ร่วมมือกันทำงานอย่างใกล้ชิด ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และข่าวกรองระหว่างกัน จนในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนปีนี้ ทางมาเลเซียได้ดำเนินการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องต่อการค้ามนุษย์ได้ทั้งสิ้น 38 ราย ประกอบด้วยสัญชาติเนปาล 21 ราย สัญชาติมาเลเซีย 16 ราย และสัญชาติอินโดนีเซีย 1 ราย ในผู้ที่ถูกจับกุมทั้ง 38 ราย ประกอบด้วย นายหน้าตัวการใหญ่ หรือผู้นำทาง แม้กระทั่งตำรวจมาเลเซียก็ถูกจับกุมจำนวน 2 ราย สามารถยึดเงินจำนวนทั้งสิ้น 1,250,000 ล้านริงกิต หรือประมาณ 4 ล้านบาทไทย รวมถึงการยึดทรัพย์รวมทั้งสิ้น 30 ล้านบาท ทั้งหมดถูกควบคุมตัวภายใต้กฎหมายที่ชื่อว่า การค้ามนุษย์และการลักลอบเข้าเมือง

ถือว่าเป็นการปฏิบัติการร่วมกันทางด้านใต้ของไทย และทางเหนือของมาเลเซีย ซึ่งได้ข่าวกรอง และข่าวสารระหว่างตำรวจไทย และตำรวจมาเลเซีย เหยื่อส่วนใหญ่เป็นบังกลาเทศ พม่า ที่พบเหยื่อมีบัตรของ ยูเอ็นเอสซีอาร์ ปลอม และในช่วงตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม เป็นต้นมา ทางการมาเลเซียได้ตรวจพบผู้หลบหนีเข้าเมืองจำนวนทั้งสิ้น 1,018 คน ที่เกาะลังกาวี ประกอบด้วย บังกลาเทศ 555 คน และชาวพม่า 463 คน และยังสามารถยึดเรือโดยสารสำหรับชาวต่างชาติ จำนวน 2 ลำ จากการข่าวน่าเชื่อว่าบุคคลที่ถูกจับกุมน่าจะหลบหนีมาจากชายแดนไทย หลังจากที่ทางการไทยได้มีการกดดันอย่างหนัก และขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของตำรวจมาเลเซีย

อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 ฝ่ายตระหนักถึงการแก้ปัญหาดังกล่าวร่วมกัน เนื่องจากประเทศใดประเทศหนึ่งไม่สามารถแก้ปัญหาได้โดยลำพัง ต้องทำงานร่วมกันถึงจะแก้ไขปัญหาได้
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น