ผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย หนุนวิพากษ์รัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การปฏิรูประเทศ แต่ห่วงต่างคนต่างพูดทำสังคมสับสน แนะ สปช.เอาประเด็นหลักๆ มาจัดประชาพิจารณ์มากกว่าเถียงกันเอง ชี้เร่งด่วนกว่าประชามติ หวั่นเป็นแค่พิธีกรรม บอกพวกต้านไม่รับคิดเร็วไป แนะทำคำขอแปรญัตติประกบ
วันนี้ (10 พ.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย กล่าวว่า ตนเห็นว่ากระแสวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญฉบับคณะกรรมาธิการยกร่างเริ่มเข้มข้นขึ้น อาจเป็นเพราะเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายที่เปิดให้มีการแปรญัตติปรับแก้ได้ การวิพากษ์วิจารณ์ถือเป็นเรื่องที่ดีและเป็นประโยชน์กับการปรับปรุงเพื่อให้ร่างรัฐธรรมนูญนำไปสู่การปฏิรูปประเทศจริงๆ แต่ที่น่าห่วงในขณะนี้มีลักษณะต่างคนต่างพูดมากเกินไป ทำให้สังคมเกิดความสับสนได้ง่าย ไม่รู้จะเชื่อใคร ฟังใครดีเพราะต่างก็มีเหตุผล ตนจึงอยากเสนอให้ สปช.นำเอาประเด็นหลักๆที่ยังมีข้อโต้แย้งอยู่ มาจัดประชาพิจารณ์เพื่อรับฟังครามคิดเห็นจากสาธารณะมากกว่าถกเถียงกันภายใน สปช.เท่านั้น
“ในช่วงที่ สปช.แปรญัตติ 7 วัน 7 คืนนั้น มีหลายประเด็นที่โต้แย้งกันและเป็นประเด็นใหญ่ๆ ยังไม่ได้ข้อยุติ เช่น ระบบเลือกตั้ง, ระบบถ่วงดุลตรวจสอบ, ที่มา ส.ว., ตำรวจ, การปรองดอง เป็นต้น ฉะนั้นการประชาพิจารณ์ในขณะนี้จำเป็นเร่งด่วนกว่าการทำประชามติ เพราะการเปิดให้ฝ่ายที่เห็นต่างได้แสดงเหตุผลของตัวเองจะทำให้สังคมวงกว้างได้ไตร่ตรองหรือมองร่างรัฐธรรมนูญอย่างมีเหตุผลมีข้อมูล และจะทำให้ขั้นตอนลงประชามติ ถ้ามีก็ไม่ใช่แค่พิธีกรรม หรือถ้าไม่มีก็ถือว่าเป็นการให้การศึกษากับประชาชนและการเรียนรู้ร่วมกัน หากปล่อยให้ต่างคนต่างคิดหรือแสดงความเห็นไปแบบทีใครทีมัน จะทำให้กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญกลายเป็นเกมการเมือง จนสุดท้ายกระทบกับทิศทางการปฏิรูปที่ประชาชนคาดหวังได้” นายสุริยะใสกล่าว
นายสุริยะใสกล่าวว่า ส่วนคนที่ออกมาประกาศไม่รับร่างรัฐธรรมนูญนั้น ตนถือว่าตัดสินใจเร็วเกินไป เพราะกระบวนการยังอยู่ในขั้นตอนที่สามารถปรับปรุงแก้ไขได้ ที่สำคัญผู้ที่เห็นต่างจากกรรมาธิการยกร่างควรทำข้อเสนอหรือทำคำขอแปรญัตติประกบไปเลยจะทำให้ประชาชนได้เห็นว่าแบบไหนดีกว่ากัน