xs
xsm
sm
md
lg

สปช.โต้เดือดปมแยกงานสอบสวนจาก สตช. “พะจุณณ์” ซัดเป็นผลประโยชน์ให้ตำรวจเลวใช้พิงหลัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

 พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป (ภาพจากแฟ้ม)
กมธ. ปฏิรูปกฎหมายฯ สปช. โต้เดือดปมแยกงานสอบสวนออกจาก สตช. “พะจุณณ์” จวก “พล.ต.ท.อาจิณต์” เวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยน เพราะเคยทำการวิจัยให้แยก แต่มาวันนี้กลับคัดค้าน ชี้งานสอบสวนผลประโยชน์เยอะ เปรียบเหมือนกำแพงไว้ให้ตำรวจเลวใช้พิงหลัง

วันนี้ (28 เม.ย.) ที่รัฐสภา มีประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่มี นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. เป็นประธานการประชุม มีระเบียบวาระที่น่าสนใจ คือ การพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เรื่องกิจการตำรวจ โดย นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธาน กมธ. ปฏิรูปกฎหมายฯ กล่าวรายงานว่า การบริหารราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเป็นเหตุและปัจจัยสำคัญอันก่อให้เกิดปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน และสังคมในวงกว้าง ทั้งในด้านการรักษาความมั่นคง และความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ การดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และการอำนวยความยุติธรรม เกิดปัญหาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติใช้อำนาจเชิงรวมศูนย์ในทุกด้าน รวมทั้งเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองในการบริหารและการปฏิบัติงานของตำรวจทุกๆ ด้าน ส่งผลให้สังคมเกิดความแตกแยกขัดแย้งรุนแรง จนกระทั่งประชาชนขาดความเชื่อมั่นและไม่มีความไว้วางใจต่อการปฏิบัติงานของตำรวจ

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานสอบสวนคดีอาญาซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ สตช. ที่อยู่ในภาวะวิกฤตอย่างยิ่ง จนมีเสียงเรียกร้องจากสาธารณชนให้มีการปฏิรูประเทศไทย รวมถึงการปฏิรูป สตช. ดังนั้นคณะ กมธ. ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม จึงเล็งเห็นความสำคัญของการปฏิรูปกิจการตำรวจ จึงได้พิจารณาศึกษาแนวทางการปฏิรูปโดยเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ ตลอดจนตัวแทนภาคประชาชนและประชาสังคมมาร่วมพิจารณาความเห็นเกี่ยวกับสภาพปัญหาสำคัญต่างๆ เพื่อให้การปฏิบัติงานของ สตช. มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล สามารถตอบสนองต่อสภาพปัญหาและความต้องการของประชาชนและเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนโดยแท้จริง” นายเสรี กล่าว และว่า ประเด็นที่ศึกษาและหาแนวทางในการปฏิรูปกิจการตำรวจมีอยู่ 15 ประเด็น โดยคณะกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ได้ตั้งคณะอนุกรรมาธิการ บัดนี้ได้ศึกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

จากนั้น พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป ประธานคณะอนุกรรมาธิการปฏิรูปโครงสร้าง อำนาจหน้าที่และกระบวนการทำงานตำรวจเพื่อประโยชน์ของประชาชน ชี้แจงผลการศึกษาว่า วันนี้เป็นวันที่ดวงวิญญาณที่ถูกกระทำโดยตำรวจรอคอย เช่น ดวงวิญญาณของ 2,500 ศพ ดวงวิญญาณของทนาย สมชาย นีละไพจิตร เป็นต้น จะไปสู่สุคติ แต่ก่อนที่จะเข้าสู่การรายงานผลการศึกษา ขอชี้แจง 3 เรื่อง ดังนี้ 1. เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ที่มีการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญในเรื่องการปฏิรูปและปรองดอง นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธาน กมธ. ปฏิรูปกฎหมายฯ ระบุในที่ประชุม สปช.ว่า “ใครจะได้ใครจะเสีย ตำรวจคนใดจะได้ประโยชน์ ตำรวจคนใดจะเจ็บแค้น ผมไม่เกี่ยว ผมเป็นกลาง” ตนเสียใจที่นายเสรีกล่าวแบบนี้ แต่จะไม่ขอให้นายเสรีขอโทษ และตนขอโทษคณะอนุกรรมาธิการปฏิรูปโครงสร้างฯที่ได้ทำงานร่วมกันมา เพราะเขาทำงานนี้ด้วยความทุ่มเทและจริงใจ และอนุกรรมาธิการไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย

พล.ร.อ.พระจุณณ์ กล่าวอีกว่า กรณี พล.ต.ท.อาจิณต์ โชติวงศ์ รองประธานคณะอนุ กมธ. และอดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. เสนอให้ตัดมาตรา 282 (8) การปฏิรูปตำรวจ โดยให้แยกงานสอบสวนออกจาก สตช. นั้น อยากจะบอกว่าขอให้คณะวิจัยเรื่องความเป็นไปได้โอนภารกิจของ สตช. ขอเงิน พล.ต.ท.อาจิณต์ คืนไปด้วย เพราะในการศึกษาดังกล่าว พล.ต.ท.อาจิณต์ ได้ทำการศึกษาไว้ ว่า ให้แยกงานสอบสวนออกจาก สตช. แต่มาขณะนี้ตัวเองกลับไม่เข้าใจผลการศึกษา รวมทั้ง พล.ต.ท.อาจิณต์ เคยบอกว่าไว้ในการสัมมนาหัวข้อ “ตำรวจไทย กับ ความคาดหวังของสังคมไทย” ว่า วงการตำรวจต้องปฏิวัติอย่างเดียว แต่มาวันนี้กลับเสนอไม่ให้ปฏิรูปตำรวจ นี่คือสิ่งที่ยืนยันว่า “เวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยน”

“เรื่องที่สาม มีสมาชิก สปช. คนหนึ่งเคยเป็น อนุ กมธ. ปฏิรูปตำรวจ กับผม ได้อภิปรายว่าแยกสอบสวนออกจาก สตช. จะมีค่าใช้จ่าย คงต้องนำคนไปตรวจสอบว่าสมาชิกคนดังกล่าวมาเซ็นชื่อรับเบี้ยประชุมแล้วออกไปที่อื่นหรือเปล่า เพราะที่ประชุมมีมติว่าไม่ได้นำพนักงานสอบสวนออกจากโรงพักเลย เพราะโรงพักเป็นที่ใกล้ชิดประชาชน ดังนั้นพนักงานสอบสวนยังอยู่ที่นั้น ดังนั้น การแยกจึงไม่ต้องใช้งบประมาณ แต่คนที่กล่าววันนั้นบอกว่าต้องใช้งบประมาณอีก สร้างโรงพักอีก 400 แห่ง ผมจึงไม่เข้าใจว่าท่านไปเซ็นชื่อรับเบี้ยประชุมเพียงอย่างเดียวหรือไม่ ผมจะให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ” พล.ร.อ.พะจุณณ์ กล่าว

พล.ร.อ.พะจุณณ์ กล่าวด้วยว่า การปฏิรูปโครงสร้างตำรวจ คือ การทุบในสิ่งไม่ดีให้เข้ารูปเข้ารอย อย่างไรก็ตาม ใน กมธ. มีความเห็นต่างในเรื่องการสอบสวน เพราะมีเรื่องผลประโยชน์ของตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้อง งานสืบสวนเหมือนกำแพงของตำรวจที่ตำรวจเลวๆ จะใช้พิงหลัง เพราะงานสอบสวนถูกสั่งการให้ทำสำนวนคดีในรูปแบบต่างๆ ได้ ถ้ายังไม่แยกงานสอบสวนออกจาก สตช. ชีวิตแล้วชีวิตเล่า เราจะต้องรับผิดชอบ เพราะเขาเปิดโอกาสให้ทำแล้ว แต่เราไม่ทำ

นายอมร วานิชวิวัฒน์ โฆษก กมธ. ปฏิรูปในฐานะอนุ กมธ. ปฏิรูปโครงสร้าง กล่าวว่า วันนี้มีหลายฝ่ายพูดว่าจะต้องตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อศึกษาเรื่องการแยกงานสอบสวนออกจาก สตช. นั้น ตนไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องตั้งอีก เพราะเป็นเรื่องที่ศึกษากันแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนจะขอเสนอญัตติในที่ประชุมให้มีการลงมติว่าจะแยกงานสอบสวนออกจาก สตช. หรือไม่ด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น