“วันชัย” ชี้เสียง ปสช.ก้ำกึ่งให้แยกงานสอบสวนออกจาก สตช. ยันไม่มีปัญหาผ่านร่างรัฐธรรมนูญ “พ.ต.อ.วิรุตม์” ย้ำพนักงานสอบสวนต้องอิสระ เผย “เทียนฉาย” เตรียมตั้ง กมธ.ร่วมหาทางออก แนะจับตารายชื่อรับงานใครมาหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 29 เม.ย. ที่รัฐสภา นายวันชัย สอนศิริ สปช.ในฐานะอนุกรรมาธิการปฏิรูปโครงสร้าง อำนาจหน้าที่ และกระบวนการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน กล่าวว่า เรื่องการปฏิรูปกิจการตำรวจนั้นทุกคนทุกฝ่ายทั้ง สปช. รัฐบาล ต้องการให้เรื่องนี้ผ่านออกมาเป็นรูปธรรม แต่ในคณะอนุกรรมาธิการฯ กลับมีความเห็นต่างกันเรื่องการแยกงานสอบสวนให้เป็นอิสระออกจาก สตช. ทำให้การประชุม สปช.เรื่องการปฏิรูปกิจการตำรวจเกิดปัญหาความขัดแย้งกันเอง จนต้องเลื่อนการประชุมออกไป
ทั้งนี้ โดยส่วนตัวเห็นด้วยที่จะต้องให้งานสอบสวนเป็นอิสระในการทำงาน แต่ยังอยู่ในสังกัด สตช. เพราะงานสอบสวนจะต้องมีการสนับสนุนทั้งเรื่องการจับกุม และการดำเนินการอื่นๆ ที่ต้องทำร่วมกัน แต่ทางที่ดีคือต้องแยกงานสอบสวนออกมาเป็นหนึ่งแท่งเลย ให้เจ้าหน้าที่ในงานสอบสวนได้โตในหน้าที่การงานโดยที่ไม่ผูกกับระบบงานเดิม
“เท่าที่ผมฟังเสียงของสมาชิก สปช.ทั้งหมดเกี่ยวกับการให้แยกงานสอบสวนเป็นอิสระออกจาก สตช. เห็นว่าเสียง สปช.ทั้ง 250 คนในเรื่องนี้ยังคงก้ำกึ่งกันอยู่ จะออกทางไหนก็ได้ แต่เรื่องนี้จะไม่เป็นอุปสรรคในการผ่านร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้แน่นอน เพราะทุกคนเห็นตรงกันว่าการปฏิรูปตำรวจเป็นวาระแห่งชาติ เพียงแต่ยังมีความเห็นต่างที่จะต้องปรึกษาหารือกันต่อไป” นายวันชัยกล่าว
ขณะที่ พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิ์ ที่ปรึกษาคณะอนุ กมธ.ปฏิรูประบบตำรวจ ใน กมธ.ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม กล่าวภายหลังที่ประชุม สปช.มีมติให้เลื่อนการพิจารณารายงานของ กมธ.ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เรื่องกิจการตำรวจ เนื่องจากคณะอนุ กมธ.ที่มี พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป เป็นประธานไม่สามารถหาข้อยุติเรื่องการแยกงานสอบสวนออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ไปเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า หลังจากนี้ที่ประชุม สปช.จะตั้ง กมธ.ร่วมเพื่อพิจารณาเรื่องงานสอบสวนออกจาก สตช.เป็นการเฉพาะอีกครั้ง โดยให้ตัวแทนจาก กมธ.ปฏิรูปด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องของ สปช.มาเข้าร่วมเป็น กมธ.ร่วมฯ เชื่อว่านายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช.จะแต่งตั้งภายในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ ตนอยากให้ประชาชนติดตามรายชื่อบุคคลที่จะเข้ามาเป็น กมธ.ร่วมฯ ว่ามีประวัติอย่างใด และรับงานใครมาหรือไม่ ขณะที่หน้าที่ของคณะอนุ กมธ.ฯ ที่สรุปความเห็นให้แยกงานสอบสวนออกเป็นอิสระจาก สตช.ก็ต้องยุติบทบาทไป หรืออาจต้องรอดูว่าที่ประชุม สปช.จะมอบหมายไปทำหน้าที่อะไรหรือไม่
ที่ปรึกษาคณะอนุ กมธ.กล่าวว่า งานสอบสวนจำเป็นที่จะต้องแยกออกจาก สตช. อย่างแท้จริง และต้องทำงานอย่างสุจริตและมีเสรีภาพ เพราะมิเช่นนั้นความสงบสุขของประชาชนและสังคมก็จะไม่ได้รับการแก้ไข และชาวบ้านก็จะขาดอิสระและเสรีภาพในการใช้ชีวิตเนื่องเกรงกลัวตำรวจอุ้มฆ่าและไปแก้สำนวนการสอบสวนในภายหลังอย่างหลายคดีที่ผ่านมา
“การทำงานของตำรวจที่ผ่านมารับใช้ผู้มีอำนาจทางการเมือง จับตัวประชาชนไปกระทำทารุณกรรมอย่างโหดร้าย เช่น ลักพาตัวทนายสมชาย นีละไพจิตร ไปฆ่าทำลายศพ คดีฆ่าอำพรางประชาชน 2,500 ศพในคดียาเสพติด คดีฆ่าแขวนคอวัยรุ่นที่ จ.กาฬสินธุ์ หรือตำรวจฝ่ายสืบสวนจับประชาชนไปขังในเซฟเฮาส์เพื่อเรียกค่าไถ่และเสียชีวิตในจังหวัดสงขลา ล่าสุดสารวัตรสืบสวนที่ จ.อุดรธานี จับชาวลาวเรียกค่าไถ่ 3 ล้านบาท และมีคดีต่างๆ ที่ผู้ใหญ่อยู่เบื้องหลังจำนวนมากที่ไม่เป็นข่าว เพราะได้สั่งให้พนักงงานสอบสวนยุติเรื่อง”
พ.ต.อ.วิรุตม์กล่าวว่า มั่นใจสุดท้ายแล้วงานทางด้านสอบสวนจะแยกเป็นอิสระจาก สตช.อย่างแน่นอน เพราะขณะนี้ได้ถูกบัญญัติในร่างรัฐธรรมนูญ มาตรา 282 (8) เป็นที่แน่นอน และตนก็ไม่เชื่อว่าหากในอนาคตรัฐธรรมนูญทั้งฉบับจะมีการทำประชามติจะถูกคว่ำ เพราะเนื้อหาสาระในเรื่องดังกล่าวเป็นการปฏิรูปวงการตำรวจที่จับต้องได้และเป็นประโยชน์ของประชาชนที่เห็นเป็นรูปธรรม