“พล.อ.ประยุทธ์” ออกคำสั่ง หน.คสช. ที่ 9/58 ใช้อำนาจ ม.44 ให้ “พิชิต นิลทองคํา” สิ้นสุดหน้าที่ ผอ.สํานักบริหารแรงงานต่างด้าว ย้อนคำพูด รมว.แรงงาน เหตุย้ายกลับ ไม่เกี่ยวส่วยต่างด้าว แต่ลำพังแค่เป็นจัดหางานชลบุรี งานก็มากพอแล้ว เกรงทำงานไม่มีประสิทธิภาพ
วันนี้ (28 เม.ย.) จากกรณี ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๙/๒๕๕๘ เรื่อง การให้ข้าราชการสิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ ตามที่มีคําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๗๐/๒๕๕๗ เรื่อง การแต่งตั้งให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่ ลงวันที่ ๑๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ ให้ นายพิชิต นิลทองคํา จัดหางานจังหวัดชลบุรี มาปฏิบัติหน้าที่ผู้อํานวยการสํานักบริหารแรงงานต่างด้าว อีกหน้าที่หนึ่ง โดยให้ได้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปพลางก่อน นั้น
เพื่อให้การดําเนินงานแก้ไขปัญหาด้านแรงงานต่างด้าว การป้องกัน ปราบปราม ดําเนินคดี ช่วยเหลือ คุ้มครอง และแก้ไขปัญหาจากการค้ามนุษย์ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และการจัดการ กําลังคนของกระทรวงแรงงานเป็นไปตามกรอบอํานาจ ที่กําหนดตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
จึงมีคําสั่งให้ นายพิชิต นิลทองคํา จัดหางานจังหวัดชลบุรี สิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ผู้อํานวยการ สํานักบริหารแรงงานต่างด้าว
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ ๒๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๘ ลงนามโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
มีรายงานว่า ก่อนหน้านั้น พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ออกมยอมรับว่า จะมีการปรับย้าย นายพิชิต กลับไปดำรงตำแหน่งจัดหางานจังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นตำแหน่งระดับ 9 เช่นเดียวกับ ผอ.สำนักแรงงานต่างด้าว ซึ่งที่ผ่านมา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีคำสั่งให้นายพิชิต ทำหน้าที่สองตำแหน่ง คือ จัดหางานจังหวัดชลบุรี และ รักษาการ ผอ.สำนักฯ ส่งผลให้การทำงานไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนให้เหลือตำแหน่งเดียว
“ลำพังแค่เป็นจัดหางานจังหวัดชลบุรี งานก็มากพอแล้ว เพราะเป็นพื้นที่อุตสาหกรรม มีแรงงานต่างด้าว และแรงงานไทยจำนวนมากที่ต้องดูแล เรื่องนี้ผมได้คุยกับ คสช. แล้ว” พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวและว่า ไม่เกี่ยวกับกรณีเรื่องเก็บส่วยแรงงานต่างด้าวแต่อย่างใดเป็นเรื่องการบริหารงานบุคคลเท่านั้น
ทั้งนี้ สำหรับการแต่งตั้งคนใหม่มาดำรงตำแหน่งแทนนายพิชิต โดยหลักการต้องเป็นบุคคลที่มีความรู้ด้านงานต่างประเทศ โดยเฉพาะการทำบันทึกข้อตกลงระหว่างประเทศ (เอ็มโอยู) ที่จะต้องเกี่ยวข้องกับการนำเข้าแรงงานต่างด้าว
รายงานระบุว่า ที่ผ่านมา มีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 70/2557 แต่งตั้ง นายพิชิต มาปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารแรงงานต่างด้าว กรมการจัดหางาน (กกจ.) กระทรวงแรงงาน สนองนโยบายรัฐบาล โดยเดินหน้าจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวทั้ง 3 สัญชาติ ได้แก่ พม่า กัมพูชา และลาว จน คสช. ต้องออกประกาศคุ้มครองแรงงานชั่วคราวหลังจากแรงงานต่างด้าวกลับประเทศจำนวนมาก