xs
xsm
sm
md
lg

เหตุการณ์ “ว.5 โฟร์ซีซั่นส์” ยังเป็นปริศนา?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
เหตุการณ์ “ว.5 บนชั้น 7 โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์” ยังเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้ ว่าอดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปพบใคร และทำอะไร ในระหว่างมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร แม้ศาลอาญาจะพิพากษายกฟ้อง “ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต” และ “มัลลิกา บุญมีตระกูล” โดยสรุปว่าเป็นการติชมโดยสุจริต ขณะที่พยานอดีตนายกฯ ก็เบิกความไม่ตรงกันหลายประเด็น

คดี ว.5 ชั้น 7 โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ เกิดขึ้นในระหว่างที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรียังคงดำรงตำแหน่ง และวันนี้ก็ถือเป็นบทสรุปที่ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องกับจำเลยทั้ง 2 คน

“ASTV ผู้จัดการ”สรุปที่มาที่ไปของคดีนี้ ประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2555 อดีตนายกรัฐมนตรี ขอ ว.5 เดินทางไปทำภารกิจส่วนตัวโดยไม่ให้ผู้สื่อข่าวติดตามทำข่าวเหมือนอย่างเคย ใช้เวลาราชการที่ ส.ส.กำลังประชุมสภาอย่างเคร่งเครียดเดินทางไปที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ย่านราชดำริ

ต่อมามีสื่อหลายแห่งระบุคำพูดของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ ระบุว่าเป็นการประชุมย่อยของอดีตนายกฯกับนักธุรกิจ 6-7 คนโดยไม่อยากให้เป็นข่าว มีรายงานว่า หนึ่งในนั้นมี นายอนันต์ อัศวโภคิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ต่อมานายอนันต์ปฏิเสธแล้วว่าไม่ได้ไป แต่ไม่มีการเปิดเผยว่านักธุรกิจ 6-7 คนที่ไปประชุมกับนายกฯ มีใครบ้าง และไปทำอะไร

อดีตนายกฯ ถูกตำหนิถึงความไม่เหมาะสม บังเอิญโรงแรมที่ว่านี้ เป็นสถานที่ที่ “นายเอกยุทธ อัญชันบุตร” (เสียชีวิต) นักธุรกิจการเงินและอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ขณะนั้นชอบไปนั่งจิบกาแฟอยู่เสมอๆ แต่วันเดียวกันนั้นเอง นายเอกยุทธได้ถูกทำร้ายร่างกายจนหน้าปูดบวมก่อนออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าว

อ่านต่อ “เรื่องลับๆ ล่อๆ ที่ชั้น 7 โฟร์ซีซั่นส์ ก้าวย่างพลาดพลั้ง “ยิ่งลักษณ์” เขียนโดย นกหวีด 13 กุมภาพันธ์ 2555

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9550000019673

2 คดีนี้มีบทสรุปว่า กรณีแรก“16 มี.ค. 2558” ศาลอาญา พิพากษายกฟ้อง "นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ คดีหมายเลขดำ 2492/2556 และวันนี้ “27 เม.ย. 2558” ศาลอาญา พิพากษายกฟ้อง นางสาวมัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ คดีหมายเลขดำ อ.2493/2556

ถือเป็นคดีเดียวกันที่อัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ร่วมยื่นฟ้องในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 จากกรณี ว.5 โฟรซีซั่นส์

ในกรณีของนายชวนนท์ ถูกฟ้องในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326, 328 และ 332 ตามฟ้องโจทก์ เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 56 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 19 -21 ก.พ. 55 จำเลยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนหลายฉบับและหลายครั้ง ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท

ทำนองว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่เข้าประชุมสภา แต่เอาเวลาไปทำธุรกิจส่วนตัว หารือกับกลุ่มคนย่อย พูดเรื่องสำคัญของประเทศถือเป็นความเสียหายอย่างยิ่ง ซึ่งสื่อมวลชนนำคำสัมภาษณ์ไปตีพิมพ์หัวข้อข่าว ปชป.ไหลตามน้ำ-ซัดปูทับซ้อนว่า การพบปะกันระหว่างนายกฯ กับกลุ่มนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น น่าจะสอดคล้องกับที่ กรมธนารักษ์ เลื่อนการปรับราคาที่ดินใหม่...นี่คือใบเสร็จทุจริตเชิงนโยบายและผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับความเสียหายโดยบุคคลอื่นเข้าใจว่าผู้เสียหายมีพฤติการณ์ทุจริตและประพฤติมิชอบเอื้อประโยชน์กับกลุ่มนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยอาศัยอำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรีซึ่งไม่เป็นความจริง

จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมาย และให้ยึดทำลายเอกสารที่มีข้อความแสดงการหมิ่นประมาทรวมทั้งให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาด้วยอย่างน้อย 7 ฉบับ เป็นเวลา 7 วัน ขณะที่จำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่สองฝ่ายนำสืบหักล้างกันแล้วพยานโจทก์ นำสืบทำนองว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์โจทก์ร่วม ได้ร่วมประชุมกับนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายอนันต์ อัศวโภคิน และบุคคลอื่นๆ รวม 5 คน เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น แม้ในการประชุมดังกล่าวจะไม่เป็นความลับ แต่ก็ไม่เปิดเผยในรายละเอียด โดยขณะนั้นโจทก์ร่วมและ ครม. ได้เลื่อนประกาศการปรับโครงสร้าง การประเมินราคาที่ดินและการปรับผังเมืองการใช้ที่ดิน

ศาลเห็นว่า ที่โจทก์อ้างว่าเป็นเพียงการรับฟังความคิดเห็นด้านธุรกิจ แต่ก็ยังมีข้อสงสัยว่าทำไมจึงเป็นการประชุมกันเพียงกลุ่มย่อย ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อประเทศ แต่กลับไม่มีการประชุมร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย อีกทั้งการประชุมดังกล่าวก็เป็นความลับไม่เปิดเผยต่อบุคคลภายนอก จึงทำให้เป็นที่สงสัยของฝ่ายจำเลยในฐานะโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของฝ่ายรัฐบาล นอกจากนี้ เมื่อสอบถามไปยังนายอนันต์ อัศวโภคิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งได้เข้าร่วมในการประชุมดังกล่าวด้วย แต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธว่าไม่ได้เข้าร่วมประชุมแต่อย่างใด ถ้าหากนายอนันต์ เข้าร่วมประชุมด้วยจริงก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธ

จากทางนำสืบ ศาลจึงเห็นว่าพฤติการณ์โจทก์มีเหตุสมควรที่ทำให้จำเลยสงสัย และมีเหตุสมควรที่จำเลยจะออกมาแถลงข่าว ซึ่งแม้จำเลยพิสูจน์เรื่องดังกล่าวไม่ได้ และข้อความที่จำเลยแถลงข่าวนั้นอาจหมิ่นประมาทก็ตาม แต่การที่จำเลยแถลงข่าวในฐานะพรรคฝ่ายค้านอันมีลักษณะเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ เพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ดังนั้นยังไม่เป็นความผิด ศาลจึงพิพากษาให้ยกฟ้อง

ในกรณีของ น.ส.มัลลิกา ถูกกล่าวหาในกรณีเดียวกัน ถูกฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 19-20 กุมภาพันธ์ 2555 จำเลยได้แถลงข่าวหมิ่นประมาท น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ขณะนั้น ว่ามีพฤติการณ์และความประพฤติผิดจริยธรรม ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เสียชื่อเสียง โจทก์จึงขอให้ยึดทำลายเอกสารที่มีข้อความดังกล่าว และโฆษณาคำพิพากษาของศาลในหนังสือพิมพ์เป็นเวลา 7 วัน

แต่ในวันนี้ (27 เม.ย.) น.ส.มัลลิกา จำเลยเดินทางมาฟังคำพิพากษาของศาลพร้อมด้วยทนายความ ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ โจทก์ร่วม ไม่ได้เดินทางมาศาล แต่ส่งผู้รับมอบอำนาจมาฟังคำพิพากษาแทน

กรณีของ น.ส.มัลลิกา ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์และโจทก์ร่วมนำพยานขึ้นเบิกความ แต่ประเด็นการเบิกความของพยานโจทก์แตกต่างกัน ทั้งในประเด็นเรื่องของห้องที่ใช้ในการประชุมที่โรงแรมโฟรซีซั่นส์ก็เบิกความเป็นคนละห้องกัน ส่วนพยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ติดตามโจทก์ร่วมก็ไม่ได้อยู่ภายในห้องประชุมด้วย โดยนั่งรออยู่ด้านนอกห้องประชุมชั้น 7 รวมทั้งตัวโจทก์ร่วมเองและนักธุรกิจที่เข้าร่วมประชุมกับโจทก์ร่วมในวันดังกล่าวก็ไม่ได้มาเบิกความเป็นพยานต่อศาล จึงมีข้อพิรุธสงสัยว่าโจทก์ร่วมอยู่ในการประชุมที่โรงชั้นโฟร์ซีซั่นส์ชั้น 7 ด้วยหรือไม่ อีกทั้งโจทก์ร่วมไม่ได้แจ้งกำหนดการดังกล่าวให้สื่อมวลชนทราบ จึงเป็นที่สงสัยแห่งสาธารณชน และไม่ปรากฎว่าโจทก์ร่วมได้ออกมาชี้แจงหรือแถลงข่าวในกรณีดังกล่าวให้ทราบแต่อย่างใด จำเลยในฐานะประชาชนและในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ย่อมมีสิทธิที่จะติชมการทำงานของฝ่ายรัฐบาลและสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้

ส่วนข้อความที่จำเลยแถลงข่าวนั้นก็ไม่ได้ชี้ชัดว่าเป็นการกล่าวหาโจทก์ร่วมในประเด็นเรื่องที่โจทก์ร่วมผิดจริยธรรมหรือไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างไรบ้าง พยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมที่นำสืบจึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง การแถลงข่าวของจำเลยจึงเป็นการติชมด้วยความสุจริตเป็นธรรม จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท พิพากษายกฟ้อง

ภายหลังยกฟ้อง นายชวนนท์ได้กล่าวในวันนั้นว่า ขอบคุณศาลที่พิพากษายกฟ้อง ยืนยันว่าได้ทำหน้าที่ตรวจสอบการเดินทางไปประชุมที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ของอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งการประชุมดังกล่าวไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดและกำหนดการใช้โค้ดว่า ว.5 มีความหมายว่าปกปิดไม่เปิดเผยนั้น ตนในฐานะโฆษกและสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จึงวิพากษ์วิจารณ์และตรวจสอบเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ เพราะช่วงนั้นกำลังอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างราคาที่ดินใหม่ การปรับผังเมืองการใช้ที่ดิน ขณะที่การพบปะนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีการเปิดเผย ย่อมทำให้เกิดข้อสงสัยว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ อย่างไรก็ดีนอกจากคดี ตนยังถูก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ฟ้องอีกสำนวนที่จัดรายการสายล่อฟ้าวิพากษ์วิจารณ์ การประชุมที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์อีกด้วย คดีดังกล่าวยังอยู่ระหว่างสืบพยาน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกหนักใจแต่อย่างใด

“หวังว่าผลคำพิพากษา จะได้เป็นบรรทัดฐานต่อไปว่า การตรวจสอบของฝ่ายค้าน ไม่ว่าจะพรรคการเมืองใดก็ตาม หากตั้งอยู่บนพื้นฐานผลประโยชน์ของประชาชนและผลประโยชน์ของประเทศชาติแล้ว ควรจะได้รับการคุ้มครองจากศาล ขณะที่ฝ่ายบริหารประเทศก็ควรจะดำเนินการนโยบายอย่างโปร่งใส เปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ได้เข้าถึงความจริง และสร้างกรอบจริยธรรมที่ถูกต้องของผู้ที่เข้ามาทำงานทางการเมือง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติในอนาคตต่อไป” นายชวนนท์ระบุ

ขณะที่ น.ส.มัลลิกากล่าวในวันนี้ว่า ขอบคุณศาลให้ความเป็นธรรมพิพากษายกฟ้อง ตนในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของผู้บริหารประเทศ สาระสำคัญของคดีนี้คือข้อมูลที่โจทก์นำมายื่นฟ้องนั้น เมื่อมีการนำสืบพยานในชั้นศาลที่จะต้องชี้แจงข้อมูลอย่างละเอียดแล้วปรากฏว่าพยานฝ่ายโจทก์และโจทก์ร่วมต่างเบิกความไม่ตรงกันในหลายประเด็น อีกทั้งไม่ได้มีการนำนักธุรกิจที่อ้างว่าเข้าร่วมประชุมที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาสืบพยานในชั้นศาลแม้แต่คนเดียว ศาลเห็นว่าการแถลงข่าวของตนเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรมสุจริต จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ทั้งนี้หากโจทก์หรือโจทก์ร่วมยื่นอุทธรณ์ เราก็จะสู้อุทธรณ์ต่อไป

“เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าศาลให้ความเป็นธรรม จากการทำหน้าที่ในฐานะรองโฆษกพรรคฯในการตรวจสอบฝ่ายบริหาร เราก็คงต้องยึดมั่นในการทำหน้าที่ต่อไป เพราะศาลได้ให้ความมั่นใจว่าถ้าเราตั้งใจทำงานแล้วก็จะส่งผลดีต่อเรา” น.ส.มัลลิกากล่าว

สำหรับคดีโฟร์ซีซั่นส์มีทั้งหมด 3 สำนวน แต่ในส่วนของตนเองมีเพียงคดีนี้คดีเดียวซึ่งศาลก็ได้พิพากษายกฟ้องแล้ว ส่วนคดีของนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ศาลก็ยกฟ้องแล้วเช่นกัน

จึงเหลือเพียงคดีที่ นายชวนนท์, นายเทพไท เสนพงศ์ และนายศิริโชค โสภา ผู้ดำเนินรายการ “สายล่อฟ้า” ทางช่องบลูสกายเป็นจำเลยรวม 3 คน เพียงคดีเดียวเท่านั้น

ถือเป็นบทสรุปของ “คดี ว.5 ชั้น 7 โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์” แต่เหตุการณ์ ว.5 บนชั้น 7 ยังเป็นปริศนาอยู่!!?


กำลังโหลดความคิดเห็น