xs
xsm
sm
md
lg

ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง “ชวนนท์” ไม่ผิดแถลงข่าว “ยิ่งลักษณ์” ว.5 โฟร์ซีซั่นส์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ยกฟ้อง “ชวนนท์” อดีต ส.ส. และโฆษกพรรค ปชป. คดีหมิ่นประมาทอดีตนายกฯ “ยิ่งลักษณ์” กรณีแถลงข่าว ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ ศาลชี้เป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต



วันที่ 25 พ.ค. 59 ที่ห้องพิจารณา 805 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 09.30 น. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ 2492/2556 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต อายุ 40 ปี อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326, 328 และ 332

ตามฟ้องโจทก์ เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 56 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 19 - 21 ก.พ. 55 จำเลยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน หลายฉบับ และหลายครั้ง ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท ทำนองว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่เข้าประชุมสภา แต่เอาเวลาไปทำธุรกิจส่วนตัว หารือกับกลุ่มคนย่อย พูดเรื่องสำคัญของประเทศถือเป็นความเสียหายอย่างยิ่ง ซึ่งสื่อมวลชนนำคำสัมภาษณ์ไปตีพิมพ์หัวข้อข่าว ปชป. ไหลตามน้ำ - ซัดปูทับซ้อน ว่า การพบปะกันระหว่างนายกฯ กับกลุ่มนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ น่าจะสอดคล้องกับที่ กรมธนารักษ์ เลื่อนการปรับราคาที่ดินใหม่...นี่คือ ใบเสร็จทุจริตเชิงนโยบายและผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้รับความเสียหายโดยบุคคลอื่นเข้าใจว่าผู้เสียหายมีพฤติการณ์ทุจริตและประพฤติมิชอบเอื้อประโยชน์กับกลุ่มนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยอาศัยอำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรีซึ่งไม่เป็นความจริง จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมาย และให้ยึดทำลายเอกสารที่มีข้อความแสดงการหมิ่นประมาทรวมทั้งให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาด้วยอย่างน้อย 7 ฉบับ เป็นเวลา 7 วัน ขณะที่จำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้อง เนื่องจากพิเคราะห์แล้วพยานโจทก์นำสืบทำนองว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ร่วมประชุมกับนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยมี นายเศรษฐา ทวีสิน นายอนันต์ อัศวโภคิน และบุคคลอื่น ๆ รวม 5 คน เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ แม้ในการประชุมดังกล่าวจะไม่เป็นความลับ แต่ก็ไม่เปิดเผยในรายละเอียด โดยขณะนั้นโจทก์ร่วม และ ครม. ได้เลื่อนประกาศการปรับโครงสร้าง การประเมินราคาที่ดินและการปรับผังเมืองการใช้ที่ดิน

ที่โจทก์อ้างว่าเป็นเพียงการรับฟังความคิดเห็นด้านธุรกิจนั้น ยังมีข้อสงสัยว่า ทำไมจึงเป็นการประชุมกันเพียงกลุ่มย่อย ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อประเทศ แต่กลับไม่มีการประชุมร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย อีกทั้งการประชุมดังกล่าวก็เป็นความลับไม่เปิดเผยต่อบุคคลภายนอก จึงทำให้เป็นที่สงสัยของฝ่ายจำเลยในฐานะโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของฝ่ายรัฐบาล ซึ่งแม้จำเลยพิสูจน์เรื่องดังกล่าวไม่ได้ และข้อความที่จำเลยแถลงข่าวนั้นอาจหมิ่นประมาทก็ตาม แต่การที่จำเลยแถลงข่าวมีลักษณะเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ เพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ดังนั้นจึงยังไม่เป็นความผิดให้ยกฟ้อง
ต่อมาโจทก์และโจทก์ร่วมยื่นอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรมหรือไม่

เห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ โจทก์ร่วมเป็น ส.ส. สังกัดพรรคเพื่อไทย และดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบุคคลที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ ติดตามพฤติกรรมและย่อมวิพากษ์วิจารณ์ได้ ซึ่ง นายชวนนท์ จำเลยเบิกความว่า ก่อนเหตุเกิดคดีนี้ทางราชการมีประกาศเลื่อนการประเมินที่ดินใหม่ และเลื่อนการประกาศผังเมืองใหม่ออกไปจากกำหนดเดิมในช่วงวันที่ 9 - 19 ก.พ. 2555 และ นายเอกยุทธ์ อัญชันบุตร ได้ออกมาเปิดเผยว่าโจทก์ร่วมได้ไปพบกับนักธุรกิจหลายคนที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ จำเลยในฐานะโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบ พบว่า ในวันเกิดเหตุเป็นวันประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยสามัญนิติบัญญัติ แต่โจทก์ร่วมไม่เข้าร่วมประชุมดังกล่าวกลับไปประชุมหารือกับกลุ่มนักธุรกิจ ทั้งนี้ นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ร่วมเบิกความตอบทนายความจำเลยถามค้าน โดยรับว่า การนัดหมายกับกลุ่มนักธุรกิจของโจทก์ร่วมดังกล่าวไม่ได้แจ้งให้สื่อมวลชนทราบ นอกจากนี้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง พยานโจทก์ร่วมเบิกความว่านักธุรกิจที่เข้าร่วมพูดคุยมีนายอนันต์ อัศวโภคิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับประเทศ นายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และคนอื่นเข้าร่วมประชุมเพียง 5 คน ดังนั้น การที่จำเลยในฐานะโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้านมีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของโจทก์ร่วมในฐานะนายกรัฐมนตรีขณะนั้น ซึ่งเป็นเพียงการตั้งข้อสงสัยว่า มีการนำความลับเกี่ยวกับราคาประเมินที่ดิน หรือผังเมืองไปเปิดเผย หรือไม่เท่านั้น และไม่ใช้กรณีที่จำเลยสร้างเรื่องขึ้นมาเอง ซึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็น ติชม และวิพากษ์วิจารณ์ โดยไม่ได้ยืนยันข้อเท็จจริง การกระทำของจำเลยจึงได้รับยกเว้นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (3) ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน

ภายหลัง นายชวนนท์ กล่าวว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกฟ้อง ซึ่งตนอยากให้ทุกคนยึดถือและเคารพในคำพิพากษาไม่ว่าจะออกมาอย่างไร และยืนยันว่า ที่ผ่านมานั้นได้ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ใช่เป็นการใส่ร้ายหรือมีอคติส่วนตัวแต่อย่างใด จึงอยากให้เป็นบรรทัดฐานในการทำหน้าที่ต่อไปไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม
















กำลังโหลดความคิดเห็น