นายกฯ เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน เพิ่มพูนความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างรอบด้าน พร้อมขอพระราชทานพระราชานุญาตกราบบังคมทูลเชิญ เสด็จฯเยือนประเทศไทยในโอกาสครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูต
วันที่ 22 เม.ย. เวลา 15.00 น. ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนทอล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าเฝ้าฯ หารือกับสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ที่ 2 อิบน์ อัล-ฮุสเซน (His Majesty King Abdullah II Ibn Al-Hussein) สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน ระหว่างการประชุมสุดยอดเอเชีย - แอฟริกา (Asian-African Conference) ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 21 - 23 เมษายน 2558 เพื่อเพิ่มพูนความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างรอบด้าน โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยดังนี้
นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูล ว่า รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ที่ทรงมีพระราชานุญาตให้เข้าเฝ้าฯ ราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน เป็นประเทศหนึ่งที่มีความสำคัญต่อไทย โดยปัจจัยสำคัญประการหนึ่ง คือ มีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในชาติ และเป็นที่น่าชื่นชมอย่างยิ่งที่พระราชวงศ์ของทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ทำให้ความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไทยและจอร์แดนมีความก้าวหน้าอย่างมาก โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีขอพระราชทานพระราชานุญาตกราบบังคมทูลเชิญใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยตามพระราชประสงค์ในโอกาสแรก ภายในปีนี้หรือในปี พ.ศ. 2559 ซึ่งจะครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูต
ทั้งนี้ ไทยและจอร์แดนเห็นพ้องที่จะร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตในปี พ.ศ. 2559 พร้อมขอบคุณรัฐบาลจอร์แดนที่ได้ให้การช่วยเหลือ และดูแลนักศึกษาไทยประมาณ 600 คน เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพในการส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว การค้า และการลงทุน ระหว่างกัน ซึ่งไทยพร้อมให้ความร่วมมือและสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่างไทยและจอร์แดนในโครงการการทำฝนหลวงยังมีความก้าวหน้าตามลำดับ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาปรับร่าง mou และการกำหนดกรอบการดำเนินงาน (Project Work Plan) ไทยพร้อมจะผลักดันให้มีการดำเนินการโดยรวมต่อไป