xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ แนะข้อริเริ่มไทย-แอฟริกา ขยายความร่วมมือการลงทุน-ถกผู้นำปาเลสไตน์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” หารือทวิภาคีนายกฯ ปาเลสไตน์ ย้ำไทยช่วยเหลือหนุนพัฒนาศักยภาพ เห็นพ้องใช้สันตินำสันติภาพตะวันออกกลาง ก่อนกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดเอเชีย-แอฟริกา เสนอข้อริเริ่มไทย-แอฟริกาหวังขยายความร่วมมือการค้า-การลงทุนทั้งในภูมิภาคและแอฟริกา พร้อมแบ่งปันปรัชญา ศก.พอเพียงแก่มิตรประเทศ รับภูมิภาคเผชิญความท้าทาย หวังช่วยกันไม่มีใครถูกทิ้ง

วันนี้ (22 เม.ย.) เวลา 10.30 น. ณ Jakarta Convention Center (JCC) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พบหารือทวิภาคีกับนายรามิ ฮัมดาลลาห์ (Dr. Rami Hamdallah) นายกรัฐมนตรีแห่งรัฐปาเลสไตน์ ระหว่างการเข้าร่วมประชุมสุดยอดเอเชีย-แอฟริกา (Asian-African Summit) ระหว่างวันที่ 21-23 เมษายน 2558 กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ภายหลังการหารือ ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ซึ่งครบรอบ 60 ปีของการประชุม Bandung Conference และครบรอบ 10 ปี ของความร่วมมือ New Asia-African Strategic Partnership (NAASP) เป็นเวทีความร่วมมือที่สำคัญของประเทศกำลังพัฒนาและเป็นโอกาสอันดีในการทบทวนและยืนยันความร่วมมือแบบใต้-ใต้ (South-South Cooperation) เพื่อสันติภาพโลกและความยั่งยืน ทั้งนี้ ไทยได้มีความช่วยเหลือประเทศต่างๆ รวมทั้งปาเลสไตน์ด้วย ทั้งการฝึกอบรมด้านการเกษตร การฝึกอบรมด้านการคมนาคม เป็นต้น โดยอยู่บนพื้นฐานของการสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพแก่ปาเลสไตน์ (capacity building) เช่น พัฒนาทรัพยากร บุคลากร การพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน การพัฒนาการท่องเที่ยว SMEs และการพัฒนาการเกษตร

สำหรับกระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลางนั้น ไทยเห็นพ้องในการใช้เวทีสหประชาชาติ เพื่อการแก้ปัญหาอย่างสันติ และหวังว่าทุกฝ่ายจะกลับมาเจรจาสันติภาพโดยตรงได้อีกครั้ง ไทยสนับสนุนสันติภาพและต้องการเห็นทุกพื้นที่บนโลกนี้สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติ สงบสุข เพื่อความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถ้อยแถลงในโอกาสเข้าร่วมประชุมสุดยอดเอเชีย-แอฟริกา (Asian-African Summit) ตามคำเชิญของนายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย โดย ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณอินโดนีเซียสำหรับการเป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ ณ กรุงจาการ์ตา ที่ได้เวียนมาอีกครั้ง หลังจากผู้นำทั้งสองทวีปได้พบกันครั้งแรกเมื่อ 60 ปีที่ผ่านมา ณ เมืองบันดุง และวันนี้ผู้นำกว่า 100 ประเทศได้มาพบกันท่ามกลางโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ไทยในฐานะหนึ่งในประเทศผู้ก่อตั้งการประชุมสุดยอดเอเชีย-แอฟริกา ได้ให้ความร่วมมือและสนับสนุนเจตนารมณ์บันดุงมาโดยตลอด นับตั้งแต่การประชุมสุดยอดเอเชีย-แอฟริกา ครั้งแรกของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ เมื่อเอเชียและแอฟริกามีความร่วมมือกันทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ ภูมิภาคทั้งสองจะมีความเข้มแข็งมากขึ้น ปัจจุบันมูลค่าการค้ากับเอเชียมีสัดส่วนร้อยละ 26 ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของแอฟริกา รวมทั้งมีการพัฒนาเชื่อมโยงระหว่างกัน โดยมีสายการบินหลัก 8 สายการบินเชื่อมโยงกว่า 28 เมืองของเอเชียและแอฟริกา เมื่อพิจารณาจากภูมิรัฐศาสตร์ของไทยแล้ว ไทยสามารถเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างเอเชียและแอฟริกา รวมทั้งประเทศในภูมิภาคต่างๆ ด้วย ดังนั้น การทำงานร่วมกันจึงจะสามารถเอาชนะอุปสรรค และทั้งสองภูมิภาคจะได้รับประโยชน์มหาศาลจากการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดี ความรู้และประสบการณ์ในสาขาที่มีความสนใจร่วมกัน

นายกรัฐมนตรียังย้ำว่าจะต้องมีการผลักดันความเป็นหุ้นส่วนที่มีความพลวัตระหว่างสองภูมิภาคต่อไป เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันให้ก้าวขึ้นไปอีกระดับ ไทยพร้อมขยายความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนกับแอฟริกา โดยอาเซียนซึ่งเป็นเสาหลักของนโยบายการต่างประเทศของไทย จะเป็นหนึ่งในองค์กรหลัก รวมทั้งกรอบความร่วมมือต่างๆ อาเซียนมีบทบาทนำ อาทิ ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน จะมีส่วนอย่างสำคัญในการช่วยขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างเอเชียและแอฟริกาไปสู่จุดสูงสุดได้ พร้อมๆ ไปกับการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน ความร่วมมือด้านสังคมและวัฒนธรรม จะเป็นอีกหนึ่งเสาหลักที่จะเชื่อมโยงประชาชน และจะมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความเข้าใจและเจตนารมณ์ที่ดีระหว่างประชาชนทั้งสองภูมิภาคด้วย

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาไทยส่งเสริมการเติบโตของภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาต่อหุ้นส่วนของไทยในเอเชียเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า และเพิ่มขึ้น 10 เท่าสำหรับแอฟริกา

โอกาสนี้นายกรัฐมนตรียังได้น้อมนำปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ว่าเป็นหลักการพื้นฐานค่านิยมไทยที่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ และเป็นเครื่องนำทางประเทศไทยไปสู่จุดมุ่งหมายแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยพร้อมที่จะให้ข้อมูล แบ่งปันประสบการณ์แนวทางดังกล่าวแก่มิตรประเทศ เนื่องจากความมั่นคงและมั่งคั่งของภูมิภาคเอเชียและแอฟริการจะเป็นประโยชน์สำหรับประเทศไทยและภูมิภาค ปัจจุบันแอฟริกามีโอกาสมากมายเพราะเป็นหนึ่งในทวีปที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วที่สุดทวีปหนึ่งของโลก ทั้งยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลในประเทศแอฟริกามีการปฏิรูปมากขึ้น ส่งผลให้มีการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศจำนวนมาก ช่วยงานและโอกาสกับประชาชน ดังนั้น รัฐบาลไทยมุ่งมั่นที่จะเป็นหุ้นส่วนความสำเร็จของแอฟริกาโดยมีนโยบาย “ข้อริเริ่มไทย-แอฟริกา” เพื่อแสดงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ในทุกมิติระหว่างไทยและแอฟริกา

นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวในตอนท้ายว่า ภูมิภาคเรากำลังเผชิญกับความท้าทายระหว่างประเทศมากมาย เช่น ความยากจน ความขัดแย้ง การก่อการร้าย โรคระบาด และปัญหาสิ่งแวดล้อม ดังนั้น หุ้นส่วนใหม่ทางยุทธศาสตร์เอเชีย-แอฟริกาที่จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2548 จะมีความสำคัญยิ่งขึ้น และขอให้ร่วมมือกันเพื่อสร้างสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองแก่ประชาชน เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง



กำลังโหลดความคิดเห็น