ตั้ง คกก. ดูค่าตอบแทนคนรัฐ ป้องลักลั่นวางรากฐานอนาคต ไฟเขียว ร่างเอกสารถกสุดยอดเอเชีย - แอฟริกา ร่างปฏิญญาว่าด้วยประชาคมและประชาชนอาเซียน กำหนดที่ตั้งโรงงานน้ำตาลใหม่
วันนี้ (20 เม.ย.) ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า คณะรัฐมนตรี เห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมสุดยอดเอเชีย - แอฟริกา ครั้งที่ 26 ได้แก่ ร่างปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยประชาคมอาเซียนที่มุ่งเน้นให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง ร่างปฏิญญาลังกาวีว่าด้วยแนวคิดทางสายกลาง โดยส่งเสริมแนวคิดทางสายกลางให้เป็นค่านิยมของอาเซียน เน้นเสรีภาพ ความมั่นคง และการพัฒนา ซึ่งทั้งสองปฏิญญาสอดคล้องกับหลักการเศรษฐกิจพอเพียง
ร่างปฏิญญาว่าด้วยประชาคมและประชาชนอาเซียน
ร.อ.นพ.ยงยุทธ แถลงว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบร่างปฏิญญาว่าด้วยประชาคมและประชาชนอาเซียน ที่มีความเข้มแข็ง รู้รับ ปรับตัว ฟื้นกลับ จากภัยพิบัติ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นทางการ ซึ่งร่างดังกล่าวจะนำเสนอต่อการประชุมสุดยอดเอเชีย - แอฟริกา ครั้งที่ 26 โดยเป็นการแสดงเจตนาร่วมกันของอาเซียน 10 ประเทศที่จะลดความเสี่ยงต่างๆ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของอากาศที่อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมของภูมิภาค ให้ความสำคัญต่อการร่วมมือ เพื่อจัดทำมาตรการต่างๆ รองรับการลดความเสี่ยวต่างๆ พร้อมทั้งเชิญชวนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง มีบทบาทในการป้องกันและบริหารจัดการความเสี่ยงระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับภูมิภาค พร้อมส่งเสริมการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้ด้วย ขณะเดียวกันร่วมกันจัดทำฐานข้อมูลที่สามารถแบ่งปันกันได้ในระดับภูมิภาค เสริมสร้างศักยภาพของสถาบันระดับชาติและภูมิภาค เพื่อเฝ้าระวังและลดความเสี่ยงด้วย
เห็นชอบกำหนดที่ตั้งโรงงานน้ำตาลใหม่
ร.อ.นพ.ยงยุทธ แถลงว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบยกเลิกมติ ครม. วันที่ 10 ต.ค. 32 และมติ ครม. 22 ม.ค. 46 ในการตั้งโรงงานน้ำตาล ด้วยการยกเลิกข้อกำหนดให้โรงงานแห่งใหม่ตั้งห่างจากโรงงานเดิมระยะทางจากเดิม 80 กิโมเมตร ลดเหลือห่างออกไป 50 กิโมเมตร เพื่อต้องการส่งเสริมรับซื้ออ้อยจากการปลูกทดแทนการทำนาในพื้นที่ไม่เหมาะสม และต้องไม่รับเกษตรกรที่เป็นคู่สัญญาเดิมของโรงงานเดิม โดยให้เร่งรัดโครงการที่กำลังขออนุญาตให้มีความคืบหน้าโดยเร็ว
19 - 25 เม.ย. ระวังอุณหภูมิเปลี่ยนแปลง
ร.อ.นพ.ยงยุทธ แถลงว่า กระทรวงมหาดไทยฝากเตือนประชาชนในช่วงวันที่ 19 - 25 เม.ย. บริเวณประเทศไทยตอนบนให้ประชาชนรักษาสุขภาพ เนื่องจากอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่วนในช่วงวันที่ 21 - 25 เม.ย. ขอให้ประชาชนที่อยู่บริเวณประเทศไทยตอนบนระมัดระวังพายุลมแรง รวมถึงอยู่ห่างจากสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรง ต้นไม้ใหญ่ เป็นต้น
ตั้ง คกก.ดูค่าตอบแทนคนรัฐ ป้องลักลั่นวางรากฐานอนาคต
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบให้จัดตั้งคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนให้กับเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ซึ่งเกี่ยวโยงกับ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เงินเดือน ที่ผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้ว ซึ่งการเห็นชอบจัดตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าว ต้องมีการเข้าไปแก้ไขใน สนช. ก่อให้เกิดความยุ่งยาก โดยประเด็นที่จะต้องแก้ไข ได้แก่ ฐานของเงินเดือนขั้นสูงสุดของข้าราชการแต่ละประเภท ทั้งทหาร ตำรวจ เลขาธิการองค์กร ศาล ตุลาการ และอัยการ ยังมีมาตรฐานที่ไม่เป็นไปตามลำดับ หรือ ลักลั่น
อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวเคยมีกรณีเกิดขึ้นเมื่อปี 2540 ที่มีการออกกฎหมายให้เงินเดือนของข้าราชการฝ่ายตุลาการ จะต้องเป็นไปตามบทบัญญัติ และไม่นำฐานเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนมาผูกโยง และมีการเปลี่ยนแปลงระบบเงินเดือนเป็นลำดับ ในปี 2543 ปี 2544 ในส่วนของข้าราชการอัยการ ปี 2547 ข้าราชการครู ปี 2551 ข้าราชการทหาร และพลเรือน และปี 2554 ข้าราชการตำรวจ ซึ่งส่งผลให้เกิดความลักลั่นกัน เพราะฉะนั้น ทางนายกรัฐมนตรี จึงได้กำหนดให้มีคณะกรรมการชุดดังกล่าว เพื่อทำให้ฐานเงินเดือนเกิดความเหมาะสมตามสัดส่วนทุกประเภท
“ท่านนายกฯ ต้องการไม่ให้สังคมเกิดความกังวลและห่วงใย ฉะนั้น เมื่อเรื่องนี้ออกมาจะไม่ได้ใช้รัฐบาลชุดนี้ แต่เป็นการวางรากฐานไว้สำหรับอนาคต และรัฐบาลชุดต่อๆ ไป ที่ผ่านมาอย่างเงินเดือนของทหารเปรียบเทียบกัน ผู้บัญชาการกองพล เงินเดือนน้อยกว่านายอำเภอ นายกรัฐมนตรี เงินเดือนน้อยกว่าศาล ถือเป็นการจัดระเบียบเงินเดือนทั้งระบบ” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว