เกาะกระแส
00 อาการที่บรรดาหัวโจกคนเสื้อแดง ที่ใช้ชื่อสวยหรูว่าแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ(นปช.) ที่นำโดย จตุพร พรหมพันธุ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เหวง โตจิราการ หรือใครต่อใคร ยกโขยงกันไปพบ อธิบดีดีเอสไอคนปัจจุบันที่ไม่ใช่ ธาริต เพ็งดิษฐ์ แต่ชื่อ สุวณา สุวรรณจูฑะ เพื่อคัดค้านการเปลี่ยนแปลงทีมสอบสวนคดี 99 ศพ จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค.53 รวมทั้งขอเข้าร่วมสังเกตการณ์ร่วมรับฟังการสอบสวนในคดีดังกล่าวด้วย แต่ผลที่ออกมาก็ตามคาด "หน้าหงาย"กลับมา
00 แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ยุคที่ ธาริต เพ็งดิษฐ คุมดีเอสไอ แต่เป็นยุคที่เปลี่ยนแปลงใหม่ภายใต้อำนาจที่เปลี่ยนแปลงใหม่ และกำลังจะมีการรื้อฟื้นคดีกันขึ้นมาใหม่ และอาจเป็นเพราะ"สัญญาณใหม่"ดังกล่าวทำให้เกิดความจริงใหม่ ว่ามี"กองกำลังติดอาวุธ" ส่วนจะมาในแบบ"ชายชุดดำ"หรือชายชุดสีอะไรก็แล้วแต่ ที่ปะปนมากับมวลชนคนเสื้อแดง ที่ยิงดะทั้งทหารและคนเสื้อแดงกำลังจะมีการเผยออกมาให้เห็นเรื่อยๆ รวมทั้งความจริงในวัดปทุมวนาราม ว่าแท้ที่จริงแล้วใครกันแน่ที่จงใจทำให้เกิดการเสียชีวิตเพื่อหวังสร้างเงื่อนไขความโกรธแค้น เหมือบกับคน"หน้าเหลี่ยมๆ"เคยกล่าวว่า "อย่ากลับบ้านมือเปล่า"หรือ"ผมแพ้ไม่ได้"อะไรประมาณนั้น
00 แน่นอนว่าสัญญาณการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวย่อมมาจาก "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.โดยตรง แต่รูปการณ์จะออกมาในแบบให้เจ้าหน้าที่ทำงานกันไป รื้อหลักฐานที่บิดเบี้ยวให้กลับเข้าสู่เส้นทางมาตรฐานใหม่ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากคำพูดก่อนหน้านี้ในกรณีเหตุการณ์ "ยิงในวัดปทุมฯ"ที่เขายืนยันว่าทหารไม่ได้ยิง "ทหารเข้าไปทีหลัง " งานนี้ถึงต้องรื้อกันใหม่ จากนั้นก็ให้ศาลเป็นผู้พิจารณาชี้ขาด
00 จะเรียกว่าพิลึกหรือมองไม่ออกว่าใช้สมองส่วนใหนคิดกับข้อเสนอบ้องตื้นของอดีตสส.พรรคเพื่อไทย ที่ให้ทุกฝ่ายที่ขัดแย้งกันมาลงนามเอ็มโอยูเพื่อยุติปัญหา ความหมายเหมือนกับ "ลงนามสันติภาพ"อะไรประมาณนั้น ซึ่งนอกจากตลกแบบปัญญาอ่อนแล้ว ยังคิดส่าตัวเองอยู่ในกลุ่มอำนาจอิสระในประเทศนี้ คิดว่าทำอะไรก็ได้ ต่อรองแบบไหนก็ได้อย่างนั้นหรือ ยังดีที่ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ไม่รับมุกตอกกลับแบบนิ่มๆว่าทุกอย่างต้องอยู่บนกระบวนการ บนความยุติธรรมและกติกา และที่สำคัญไม่มีประเทศไหนในโลกที่ทำแบบนี้
00 ก็เห็นจะจริง พูดถึงเรื่องแบบนี้แล้วก็ต้องพูดถึงเรื่องการปรองดอง ในเจตนาเดียวกัน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกังวล หรือไปเสียเวลากับเรื่องไร้สาระ เพราะเพียงแค่"ทำความจริง"ให้ปรากฏ โดยให้ทุกเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างอิสระ ให้ศาลเป็นผูัชี้ขาด ปัญหามันก็จบ ไม่เห็นซับซ้อนอะไร หรืออาจจะมีเรื่องการนิรโทษสำหรับชาวบ้านที่เข้าร่วมชุมนุมที่ฝ่าฝืน พรบ.ความมั่นคง หรือ พรก.ฉุกเฉิน คนพวกนี้ก็ปล่อยเขาไป แต่สำหรับพวกที่มีคดีอาญา เช่น ใช้อาวุธสงคราม เผา คนพวกนี้ก็ต้องดำเนินคดีว่ากันไปตามกระบวนการ ในที่สุดมันก็ต้องจบจนได้ แม้จะใช้เวลานานหน่อย ไม่เช่นนั้นมันก็คาราคาซังมีแรงกระเพื่อมอยู่ตลอดเวลา กลายเป็นว่าความขัดแย้งไม่จบสักที ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่มีหรอกความขัดแย้ง มีแต่คนทำผิดกม. คนโกง แล้วถูกชาวบ้านจับได้แล้วไม่ยอมพวกโจรอีกต่อไป แต่กลายเป็นว่าพวกโจรกลุ่มนี้ดันมีอำนาจ มีลูกนน้องมาก ไปหลอกชาวบ้านกลุ่มหนึ่งหลงเชื่อ โดยแบ่งเศษเงินไปให้บ้าง จนเกิดปัญหาวุ่นวาย
00 ต้นเหตุมาจากเรื่องแบบนี้ทั้งสิ้น ซึ่งก็คือ ในยุค ทักษิณ ชินวัตร เรื่อยมา ดังนั้นทางแก้ปัญหาแบบถาวร และสันติที่สุดก็คือให้ศาลตัดสินเท่านั้น และจากแนวทางของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ย้ำว่าทุกเรื่องที่เป็นคดีก็เข้าสู่กระบวนการให้ศาลชี้ขาด จบ !!